“ทีแรกก็สงสัยว่าจจะเป็นอย่างไรหากพลังปราณเทวะถูกบีบอัดจนถึงขีดจำกัด บัญญัติเทพแห่งถงเทียนนี้คุ้มค่าแก่การรอคอยแล้ว!”
สัมผัสได้ถึงพลังปราณเทวะอันไร้ขอบเขตภายในกาย เย่หยวนรู้สึกดั่งว่าทั่วทุกอณูขุมขนของของเขาถูกเปิดออก
แม้ว่าเส้นทางแห่งการหลอมสร้างวรยุทธ์เพาะพลังนี้จะยากลำบากยิ่ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับค่อนข้างคุ้มค่านัก
ในตอนนี้แม้เย่หยวนเพิ่งทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า แต่ในแง่ความหนาแน่นของพลังปราณเทวะกลับไม่แพ้จุดสูงสุดแห่งอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเลย
เมื่อหลอมรวมเข้ากับเพลงดาบสวรรค์เบิกฟ้า เย่หยวนแทบไม่ต้องใช้ความพยายามอันใดเพื่อต่อกรกับเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเขาชั้นกลางเลย
แม้แต่เซียนอาณาจักรปัจจฉิมพระเจ้าชั้นปลายยังต้องเหงื่อตกเช่นกัน!
เย่หยวนกระโดดเหยียบศิลาจารึกบัลลังก์สวรรค์ขึ้นสู่บริเวณหน้าบนในทันใด
“ท่านอาจารย์ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก! แม้กระทั่งก้าวข้ามขีดจำกัดภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็ยังทำได้!”
ไป๋เฉินร้องอุทานลั่นพร้อมตรงเข้าหา
“ถูกต้องผู้อาวุโสสูงสุด วรยุทธบ่มเพาะพลังของท่านเข้าขั้นวิปลาส แม้แต่พลังวิญญาณจากบ่อหินหนืดก็ยังสามารถดูดซับขึ้นมาได้!”
ไป๋ซิ่วอุทานลั่นด้วยความประหลาดใจ
หากเปนพวกเขาแทนที่อยู่ตรงนั้น แม้จะสามารถอยู่รอดทนความร้อนได้ แต่พลังงานความร้อนระอุที่ผูกติดขึ้นมาจากพลังวิญญาณ มันเข้าเข้าเผาไหม้เส้นลมปราณทั่วร่างของพวกเข้าพริบตา
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “นี่เป็นเหตุสุดวิสัยเช่นกัน เนื่องจากพลังวิญญาณของดินแดนนภาบรรพตค่อนข้างเบาบาง โชคดีที่ข้าอยู่ในซักอักขระเทวะแห่งนี้ หากมีโอกาสก้าวข้ามขีดจำกัดภายนอก เกรงว่าอาจจเกิดปรากฏการณ์วิปลาสครั้งใหญ่”
หากเย่หยวนก้าวข้ามขีดจำกัดด้านนอก มีความเป็นไปได้สู่ที่พลังวิญญาณทั้งหมดในรัศมีหนึ่งหมื่นลี้จะถูกเย่หยวนกลืนกินไม่เหลือซาก!
ปรากฏการณ์วิปลาสเช่นนี้อาจนำมาซึ่งความโกลาหลครั้งใหญ่ เชื่อได้ว่าเหตุการณ์นี้มิอาจหลบซ่อนภายใต้สายตาของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ได้เลย
ทันใดนั้นเองก็หลุมบ่อมากมายปรากฏขึ้นบนแท่นวงแหวนยักษ์นั้น!
ตึง! ตึง! ตึง!
ในขณะเดียวกันสีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนพลันผันแปร สีหน้าทมิฬมืดลงพร้อมลางสังหรณ์สุดเลวร้าย
“นั้นมันผลวิญญาณเต๋า! มันคือผลวิญญาณเต๋าจริงๆ! ฮ่าๆๆ…ข้ากลับเจอมันโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆแม้สักนิด! สิ่งนี้ต้องเป็นของข้า!”
เมื่อฉินเทียนตรงเข้ามาแรกเห็นผลวิญญาณเต๋า เขาก็ตื่นอกตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
เขาไม่คิดเลยว่า ตนจะได้พบผลวิญญาณเต๋าจริงๆในที่แบบนี้!
นั้นคือผลวิญญาณเต๋าของจักรพรรดิเทพสวรรค์!
ตราบใดที่เขาได้มันมาครอบครอง การจะทะลวงขึ้นสู้อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์กหาใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไป
…
ในเวลานั้นมหาพิภพใต้แผ่นฟ้าใดเขายังไม่สามารถไปได้อีก
สำหรับอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ สิ่งนี้ไม่เคยมีอยู่ในห้วงความคิดของฉินเทียนมาก่อน เพราะเขาไม่มีวันไปได้ถึงระดับชั้นนั้นแน่
ยาก!
ยากเกินไป!
แต่ในเมื่อยามนี้มีขนมเปี๊ยะก้อนโตรออยู่ตรงหน้า แล้วมีหรือที่จิตใจของเขาจะไม่ปั่นป่วน?
แต่…เพิ่งผ่านไปนานแค่ไหนกัน? ไฉนเย่หยวนทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้แล้ว!
นี่หาใช่ขาวดีไม่!
ในยามที่เย่หยวนเป็นปัจฉิมพระเจ้าครึ่งขั้น อีกฝ่ายก็เกือบฆ่าขำด้แล้ว แต่ด้วยความอข็งแกรงในปัจจุบันของเย่หยวน มีเพียงสวรรค์ที่ทรงทราบ ฉินเทียนต้องตายอีกกี่ครั้ง
ปลดชุดเกราะอ่อนวิกคสวรรค์ออกพร้อมกระชับดาบในมือแน่น!
“ผลวิญญาณเต๋า? มันคือสิ่งใดกัน?”
ต้วนเฟยเอ่ยถาม
แต่เมื่อพินิจากรูปการณ์ท่าทีดีใจของฉินเทียน การันตีได้ว่าสิ่งนี้เป็นของวิเศษแน่นอน
“ของดีเลยล่ะ! เหอะ เหอะ เมื่อมีผลวิญญาณเต๋าเช่นนี้ก็ตรองกันได้! ระหว่างสมบัติในตัวเย่หยวนกับผลวิญญาณเต๋าลูกนี้ เจ้าเลือกอะไร?”
ฉินเทียนเอ่ยน้ำเสียงสุดเยือกเย็น
ซึ่งเขาเองก็ไม่คิดเจตนาปกปิดเช่นกันและอธิบายถึงสรรพคุณของผลวิญญาณเต๋า สีหน้าการแสดงออกของต้วนเฟยเปลี่ยนอย่างมาก เมื่อได้ยิน
พลังที่สามารถควบคุมเต๋าแห่งดินแดนนี้ได้ และขึ้นกลายมาเป็นจักรพรรดิดินแดน!
มีหรือที่เขาจะไม่หวั่นใจ?
“ข้าเอาผลวิญญาณเต๋า!”
ต้วนเฟยระงับความปั่นป่วนภายในใจจและเร่งกล่าวตอบขึ้นทันที
ตราบใดที่เขาได้กลืนผลวิญญาณเต๋าลงไป เขาก็จะสามารถควบคุมดินแดนนภาบรรพตทั้งหมดได้
ในเวลานั้นเอง แม้แต่ประมุขวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องสยบต่อแทบเท้าของเขาเช่นกัน!
แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!
“เอาล่ะ ในเมื่อตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นมาจัดการตัวปัญหาหลักของเราก่อนดีกว่า!”
ฉินเทียนคำรามตอบเสียงเย็น
ต่อคำตัดสินใจนี้ของต้วนเฟย ฉินเทียนมิได้ใส่ใจหคัดค้านมากนัก
เขาย่อมรู้สึกประทับใจยิ่งต่อผลวิญญาณเต๋าลูกนี้ แต่เขาเองก็ยังรู้สึกว่า สมบัติที่อยู่ในตัวเย่หยวนล้ำตาเสียยิ่งกว่าผลวิญญาณเต๋าเหล่านี้!
พรสวรรค์ของเย่หยวนน่าสะพรึงกลัวเกินไป และหากบอกว่าเย่หยวนปราศจากโชคอันท้าทายสวรรค์ ฉินเทียนก็กล้าตอบว่า มันเป็นไปไม่ได้!
เพียงทรัพยากรของสถานศึกษาหวูเฉินย่อมไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูสัตว์ประหลาดเช่นนี้แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นฉินเทียนจะประเคนผลวิญญาณเต๋าลงบนจานเงินให้คนอื่นง่ายๆได้อย่างไร?
เมื่อบจากเย่หยวน เป้าหมายต่อไปของฉินเทียนก็คือต้วนเฟย!
“เหลยต้วน จั้วหยุน ฮั่นเทียนหยาน พวกเจ้าผนึกำลังกันโจมตี! อย่าปล่อยให้พวกวังเทวะรัตติกาลฉายเหลือรอดแต่แม้คนเดียว!”
ต้วนเฟยกล่าวสั่งการสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินคำสั่งของต้วนเฟย สีหน้าการแสดงออกของเหลยต้วนพลันเผยท่าทีรวนเรซับซ้อนออกมา
ผู้คนที่ตีฝ่าออกจากวงล้อมของยักษ์หินโลกันตร์ได้ ล้วนแต่เป็นผู้แข็งแกร่งทั้งสิ้น
ดังนั้นแล้ว ณ ปัจจุบัน วังเทวะที่ยังคงสภาพขุมกำลังได้สมบูรณ์ที่สุดคงหนีไม่พ้น ฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉาย
“ฆ่า!”
ต้วนเฟยตะโกนลั่น กลุ่มคนของเขาเจ้าตีล้อมฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายทันทีจากทั้งสองฝั่ง
นี่คือแท่นรูปวงแหวน ส่วนเบื้องหน้าของฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายเป็นบ่อหินหนัดไร้จุดสิ้นสุด พวกเขาไม่เหลือทางหนีอีกต่อไปแล้ว!
“พวกเจ้าทุกคนจงฟัง! หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามทุกคนขยับเด็ดขาด! ยืนให้นิ่งหามขยับเขยื้อน! ข้าจะพยายามป้องกันพวกเจ้าทุกคนอย่างสุดความสามารถ!”
เย่หยวนโพล่งตะโกนกล่าวด้วยน้ำเสียงขรึม
สีหน้าการแสดงออกของทุกคนดูเคร่งเครียดกันอย่างยิ่ง แต่พวกเขายังคงพยักหน้ารับทราบตอบ
พวกเขาในยามนี้ยังสังเกตเห็นว่าต้วนเฟยกับฉินเทียนรวมมือกัน ทั้งยังมีฮั่นเทียนหยางอีก ทั้งสามต่างจับจ้องประดุจเสือโคร่งมองเหยื่อที่ไร้ทางหนี
ตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้คือ เชื่อฟังเย่หยวน
สีหน้าเย่หยวนมืดขรึมลงเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นตบฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าออกไป!
อย่างไรก็ตามแต่ เป้าหมายที่แท้จริงของเขาหาใช่ต้วนเฟยหรือพวกมันทั้งหมด แต่เป็น…ผลวิญญาณเต๋า!
เงามังกรฟ้าอัสแสนองอาจพุ่งทะยานตรงเข้าหาผลวิญญาณเต๋าโดยตรง
“เย่หยวน! เจ้ากล้า?!”
เมื่อฉินเทียนและต้วนเฟยเห็นดังนั้น พวกเขาแทบอุทานร้องลั่นในเวลาเดียวกัน
พวกเขาคิดว่าเย่หยวนกำลังวางแผนที่จะพังที่นี่ลงมา
รอยยิ้มประดับเย็นฉีกแสยะขึ้นบนมุมปากของเย่หยวน
‘พวกโง่ คิดหรือว่าสถานที่ที่เก็บผลวิญญาณเต๋ามันจจะถูกทำลายง่ายดายปานนี้?’
บูมมม!
เมื่อเงารางมังกรฟ้าปราดพุ่งเข้าใส่ก็ดูเหมือนว่าจะมีกำแพงโปร่งแสงขนาดมหึมาปกป้องไว้อยู่ กำแพงโปร่งแสงนั้นสั่นกระเพื่อมอย่างแรง
ฉินเทียนและต้วนเฟยต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ที่ผลวิญญาณเต๋ามิได้ก่อเกิดความเสียดายอันใด
แต่ทันใดนั้นเอง พลันก่อเกิดแสงรัศมีสีเหลืองอร่ารองลอยขึ้นมาเต็มกำแพงโปร่งแสงนั้น
บูมมม!
จู่ๆรัศมีสีเหลืองเหล่านั้นควบแน่นก่อตัวขึ้นเป็นลูกไฟ ก่อนจะพุ่งโจมตีใส่ผู้อาวุโสอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าคนหนึ่งทันที
“อ๊ากก!”
ผู้อาวุโสคนนั้นส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น ถูกซัดกระเด็นออกไป
คล้อยหลังไม่นาน ทั่วทั้งร่างของเขาก็ติดไฟและเริ่มเผาร่างทั้งเป็น
ภาพฉากนี้ต่างทำเอาทุกคนเหงื่อตกกันเป็นแถบ
“ทุกคนอยู่นิ่งๆห้ามขยับเด็ดขาด! ไอ้บัดซบน้อยนั้นไปกระตุ้นให้ค่ายกลทำงาน! แต่ตอนนี้พวกเราก็ตกอยู่ภายใต้ค่ายกลนั้น!”
ต้วนเฟยกัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชังขณะเอ่ยเตือนออกมา
ค่ายกลนี้ดูน่าเกรงขามเกินไปมากนัก แม้แต่ผู้อาวุโสระดับชั้นอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้ายังกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
เย่หยวนเหลือบมองเล็กน้อยและแสยะยิ้มแสนเยือกเย็นพลางกล่าวว่า
“เจ้าคิดว่าคงดีกว่าหากไม่ขยับใช่หรือไม่?”
สุ้มเสียงเย่หยวนยังไม่ทันจืดจาง ลูกไฟสีเหลืองพลันพุ่งอัดผู้อาวุโสอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าอีกครั้ง!
…………………………………