ผลลัพธ์ที่ออกมาหาได้สร้างความประหลาดใจแม้แต่น้อย ผู้อาวุโสคนนั้นถูกไฟคลอกจนไหม้เป็นเถ้าถ่านเหมือนกัน!
ฟุบ!
ลูกไฟสีเหลืองอีกลูกระดมควบแน่นก่อตัวขึ้นมา เป้าหมายในคราวนี้เป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าที่อยู่ข้างเย่หยวน
เมื่อเห็นภาพฉากเช่นนี้ สีไม้ใบหน้าของฉินเทียนก็เผยให้เห็นถึงความอื่มเอมใจนัก
แม้ลูกไฟเหล่านี้มิได้พุ่งเป้าไปทางเย่หยวน แต่ก็สามารถทำให้ฝ่ายตนเองบาดเจ็บสาหัสได้เช่นกัน เห็นแบบนี้เขาก็สุขใจยิ่งนักแล้ว
เจ้าหาได้ทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์สักทีเดียว?
คิดจะหลอกล่อพวกเดียวกันเองด้วยใช่ไหม?!
เมื่อเห็นลูกไฟพุ่งเข้ามาใกล้ เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าคนนั้นก็เหงื่อแตกพลักชุ่มเปียกทั้งหลังในทันที
ขณะที่เขากำลังจะถอนฝีเท้าถอยหนี เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูของเขา
“อย่าขยับ ข้าจะพาเจ้าไปยังที่ปลอดภัยเอง”
ดั่งเสียงแห่งสวรรค์ให้ความช่วยเหลือ สุดประทับใจอย่างหาที่เปรียบไม่
รู้สึกเพียงว่าวิสัยทัศน์เบื้องหน้าพลันพร่ามัวหนัก มีร่างหนึ่งฉุดร่างของเขาออกไปเพื่อหลบเลี่ยงลูกไฟสีเหลืองเหล่านั้น
การกระทำนี้ของเยหยวนเปรียบเสมือนว่าเขาไปเหยียบระเบิดที่ฝังดินเอาไว้ ส่งผลให้มีลูกไฟจำนวนมากพุ่งติดตามไล่หลังเขาไม่ห่าง
“ฮ่าๆๆ เจ้าไม่มีทางตายหากไม่รนหาปัญหาใส่ตัว! เย่หยวน ทีนี้ขอดูหน่อยว่า เจ้าจะหนีรอดได้อย่างไร!” ฉินเทียนระเบิดหัวเราะอย่างเดือดดุ พลางเอ่ยกล่าวด้วยความตื่นเต้น
แต่เย่หยวนหาได้นำพาวาจาใดๆมาใส่ใจ และพาคนๆนั้นใช้วิชาข้ามมิติพุ่งสวนกลับไปทางลูกไฟเหล่านั้น!
เมื่อเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าคนนั้นเห็นว่าลูกไฟผ่านหน้าเฉียดแก้มเพียงนิดเดียว ทั่วร่างพลันขนลุกซู่ว รู้สึกเพียงว่าเป้ากางเกงยามนี้เปียกแฉะ ปรากฏว่าเขากลัวจนฉี่แตกแล้ว
ในเวลานี้ทุกคนต่างเฝ้ามองเย่หยวนอย่างใจจดใจจ่อ
สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือ เขาสามารถเลี่ยงหลบไปมาระหว่างลูกไฟแต่ละลูกได้ และมิปล่อยให้พวกมันพุ่งสัมผัสตัวแม้แต่นิดเดียว!
รอยยิ้มแสยะกว้างของฉินเทียนพลันแข็งค้างในทันใด ก่อนจะค้างเติ่งเช่นนั้นอยู่บนใบหน้า
ร่างอันบิดพลิ้วของเย่หยวนเคลื่อนไหวหลบเลี่ยงประดุจสายลมไม่รู้กี่ท่าต่อทีท่าแล้ว
ทันทีทันใดเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าคนนั้นรู้สึกดั่งว่าภาพฉากหน้าตรงเบลอหนักเข้า รู้สึกตัวอีกทีคือสามารถหลบลูกไฟเหล่านั้นได้โดยปราศจากรอยขีดข่วนใดๆ!
“อยู่นิ่งๆอย่าขยับ! มิฉะนั้นต่อให้เป็นผู้อมตะก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้!”เย่หยวนกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม
“อะ-โอ้! เข้าใจแล้ว!”เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าคนนั้นเร่งพยักหน้าพลางนึกขึ้นได้
ตอนนี้เสมือนกับว่าเย่หยวนกำลังพาเขาร่ายรำอยู่บนคมมีด รสชาติความระทึกช่างตราตรึงใจดีจริง
“ก้าวสี่เพิ่มอีกสาม…”ภายในจิตใต้สำนึกของเย่หยวน สุ้มเสียงของหวูเฉินกำลังชี้แนะเส้นทางให้เขาฟังอย่างรวดเร็ว
ค่ายกลนี้ลึกลับซับซ้อนอย่างหาที่ใดเปรียบไม่ มีความเป็นไปได้สูงว่าสิ่งนี้จะถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเทพสวรรค์นภาบรรพตด้วยตัวเอง และขอบเขตของเย่หยวนในปัจจุบัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะวิเคราะห์หาจุดควบคุมได้
แต่เขายังมีหวูเฉิน ผู้อาวุโสมากประสบการณ์ที่อยู่ข้างกายเขา
ในขณะที่ค่ายกลเปิดใช้งาน เขาก็จดจำรูปแบบค่ายกลชนิดนี้ได้ทันที
ค่ายกลชนิดนี้มีชื่อว่า ค่ายกลจักรวาลท่องเพลิงฟ้าแห่งแปดบรรพกาล มันเป็นค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ห้าดาว ขุมพลังของมันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต
แต่ต่อหน้าค่ายกลนี้ เขาเข้าใจชัดแจ้งได้เพียงหนึ่งในหมื่นเท่านั้น
มิฉะนั้นผู้คนเหล่านี้ที่อยู่เบื้องหน้าคงตายกันหมดแล้ว
ทันทีที่เย่หยวนแลเห็นคนที่เหลือ เขาก็ทราบทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
นี่อาจเป็นแผนการที่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเทพสวรรค์นภาบรรพต เพื่อต้องการเติมเต็มพลังให้แก่ผลวิญญาณเต๋าที่อ่อนแอลง ด้วยเลือดสดและพลังชีวิตของเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้า
ดังนั้นนันจึงเป็นเหตุที่ทุกคนถูกส่งมาที่นี่
ในไม่ช้า เย่หยวนก็ย้อนกลับสู่ตำแหน่งเดิมและควาร่างไป๋เฉินทะยานจากไป
เขายังคงทำเช่นเดิมและนำผู้คนของวังเทวะรัตติกาลฉายไปส่ง ณ ที่ปลอดภัย
สีหน้าการแสดงออกของฉินเทียนและต้วนเฟยบิดเบี้ยวน่าเกลียดถึงขีดสุด ค่ายกลเบื้องหน้านี้ทรงพลังยิ่งยวด แต่มีเพียงเย่หยวนคนเดียวเท่านั้นทีสามารถทะยานฝ่าไปมาได้อย่างอิสระเสรี ซึ่งนี่หาใช่ข่าวดีไม่!
ต้วนเฟยหันขวับมองไปที่ฉินเทียนและกล่าววาจาเสียงเย็นขึ้นว่า
“หากไม่เร่งคิดหาวิธีหนีออกไป พวกเราทุกคนจะต้องตายลงตรงนี้! มิใช่ว่าพวกเจ้าเป็นเซียนต่างแดนเหมือนกันหรอกรึ? แต่ไฉนเจ้าถึงไร้ประโยชน์นัก?”
ฉินเทียนเปล่งเสียงคำรามตอกกลับด้วยความโกรธเกรี้ยว เสียงทุ้มต่ำดังว่า
“ข้าก็บอกเจ้าไปนานแล้วว่า ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้มันมีสมบัติล้ำค่าพกติดตัวอยู่! ระดับชั้เขินค่ายกลนี้สูงมาก หากพลังของมันไม่ลดลงเลย มีหวังได้ตายกันหมด!”
ต้วนเฟยตะคอกสวนด้วยน้ำเสียงเย็นจัดว่า “นี่กลับมิได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า เจ้ามันไร้ประโยชน์เช่นเดิม!”
ฉินเทียนตอบกลับอย่างโกรธจัดว่า “หากเจ้ามีประโยชน์นัก เช่นนั้นก็รีบสร้างค่ายกลป้องกันให้ข้าดู!”
ขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันไปมา ก็พลันถูกลูกไฟเข้าจู่โจมพร้อมกัน!
บูม!
บูม!
ลูกไฟทั้งสองถูกทำลายในพริบตา!
อย่างไรก็ตามแต่ สีหน้าการแสดงออกของเขาก็หาได้เผยถึงความสุขใจแม้แต่น้อย เนื่องจากการโจมตีสกัดป้องกันเช่นนี้ มันกินพลังปราณเทวะของพวกเขามักเกินไป
พวกเขาสามารถป้องกันพ้นภัยร้ายได้แค่อีกไม่กี่ครั้ง แต่ใครจะไปรู้ว่าค่ายกลบ้านี้จะหยุดทำงานตอนไหน แล้วพวกเจ้าจะต้องป้องกันเช่นนี้ไปถึงเมื่อไหร่?
“หุหุ ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าดีเยี่ยมเลยทีเดียว! หลังจากที่ข้าได้ผลวิญญาณเต๋ามาแล้ว ข้าจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกเจ้าอีกครั้ง!”เย่หยวนเหลือบมองภาพฉากเหล่านี้เล็กน้อย ก่อนเอ่ยปากพลางหัวเราะเสียงเย็นชืด
เมื่อกล่าวจบ ร่างของเขาพลันกระตุกวูบ เคลื่อนไปหาทิศทางของผลวิญญาณเต๋าโดยตรง
ทั่วร่างของฉินเทียนสั่นสะท้านหนัก สายตาคู่นั้นจับจ้องไม่มีลดละด้วยความไม่พอใจสุดขีด
ดูเมื่อว่าเย่หยวนจะเข้าใกล้ผลวิญญาณเต๋าเข้าไปทุกทีแล้ว ฉินเทียนไม่สามารถทนดูอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป รัศมีกลิ่นอายทั่วกายาระเบิดคลั่งพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุด
“เย่หยวน เจ้าบังคับข้าเอง! วันนี้ข้าจักต้องฆ่าเจ้าให้ได้! คิดจะฉกฉวยผลวิญญาณเต๋า? ฝันไปเถอะ!”
ฉินเทียนคำรามลั่นน้ำเสียงเดือดดุ บนมือของเขาปรากฏวัตถุคล้ายก้อนน้ำแข็งขึ้นมา
คลื่นพลังวิญญาณอันทรงพลังกวาดล้างไปทั่วทั้งโถงกว้างในทันใด
“นั้นมันผลึกมณีลึกล้ำหมื่นปี! ผลึกมณีลึกล้ำหมื่นปีชิ้นแค่นี้ มันเพียงพอแล้วทีจะทำให้เขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า! ชายคนนั้นมีของเช่นนี้อยู่ในมือจจริงๆ!”
หวู่เฉินกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ
บูมมม!
รัศมีกลิ่นอายของฉินเทียนปลดปล่อยออกมาจนถึงขีดจจำกัด แรงกดดันปริมาณมหาศาลท่วมท้นปกคลุมไปทั่วบริเวณในทันใด
เขากำลังเลื่อนระดับชั้นขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า!
“ข้าระงับอาณาจักรพลังของตนมาโดยตลอดเพื่อศึกษาทำความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งดาบให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่ในวันนี้เพื่อตัวเจ้า ช้าจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าให้ดูเป็นขวัญตา! เจ้าจงภูมิใจกับสิ่งนี้เสียเถอะ!”
ฉินเทียนระเบิดหัวเราะดั่งคนเสียสติ พร้อมกลืนผลึกมณีลึกล้ำหมื่นปีลงไปในคำเดียว
สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนพลันผันเปลี่ยนในทันที ฝีเท้าเร่งกระตุกวูบเร่งความเร็วพุ่งไปหาผลวิญญาณเต๋า
ฟุบบ!
ปรากฏลูกไฟลูกหนึ่งพุ่งโจมตีใส่ฉินเทียน
ฉินเทียนไม่จำต้องเหลียวมองด้วยซ้ำ คมดาบทะยานเหินเข้าสกัดโดยตรง
บูม!
ลูกไฟนั้นถูกทำลายทันทีในพริบตาเดียว
ด้วยแรงสนับสนุนจากผลึกมณีลึกล้ำหมื่นปี ฉินเทียนไม่สนเลยว่าพลังปราณเทวะในร่างจะถูกนำจ่ายไปมากมายเท่าใด
ในความเป็นจริงแล้ว ด้วยความสามารถของฉินเทียนเอง เขาสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้นานแล้ว
แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาระงับมันไว้ตลอดและมิได้พยายามก้าวข้ามขีดจำกัดแต่อย่างใด เพียงเพื่อศึกษาทำความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งดาบภายในสุสานดาบ
เมื่อระงับนานเข้าพลังปราณภายในร่างก็สั่งสมทวีทบไปเรื่อยๆจนเป็นชั้นหนา ยามใดที่เขาต้องการทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า เขาได้ทำโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
เรื่องการก้าวข้ามขีดจำกัดเช่นนี้นับเป็นเรื่องง่ายเกินไปสำหรับอัจฉริยะอย่างฉินเทียน ต้วนเฟยที่เฝ้าดูอยู่เคียงข้าง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ถึงความแตกต่างระหว่างเขากับผู้บุกรุกฉินเทียนคนนี้
หากย้อนกลับไป ในตอนนั้นเขาต้องใช้เวลานานกว่าห้าหมื่นปีเต็มเพื่อจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า!
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับทำได้โดยแทบไม่แยแสอันใด
บูม! บูม! บูม!
ฉินเทียนชักดาบกระชับแน่น ควงฟาดฟันออกไปด้วยความเร็วดุจพายุ กำจัดลูกไฟทั้งหมดได้ในพริบตา
ฝีเท้าของเย่หยวนยามนี้พัลวันเร่งรุกคืบหน้าโดยไว
ขณะเดียวกัน ฉินเทียนเองก็พุ่งทะยานไปยังทิศทางของผลวิญญาณเต๋าเช่นกันด้วยความเร็วเต็มสูบ
เมื่อต้วนเฟยเห็นทั้งสองที่กำลังแย่งชิงผลวิญญาณเต๋ากัน ในที่สุดเขาก็มิอาจทานทนได้ไหวอีกต่อไป
“บัดซบ! เสี่ยงเป็นเสี่ยง!”
ต้วนเฟยกัดฟันกรอด คู่เท้าเร่งทะยานปราดพุ่งไปหาผลวิญญาณเต๋าเช่นกัน
ร่างทั้งสามทะลวงฝ่าค่ายกลเข้ามา พวกเขาล้วนปรารถนาที่จะเป็นคนแรกที่ได้คว้าผลวิญญาณเต๋ามาอยู่ในกำมือ
อย่างไรก็ตามแต่ ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้ผลวิญญาณเต๋ามากเท่าไหร่ ลูกไฟที่ควบผลึกก่อตัวขึ้นมาโดยรอบยิ่งมีจำนวนและพลังทำลายล้างสูงขึ้นตามไปด้วย
ขุมพลังอันทรงพลังของฉินเทียนในยามนี้แกร่งกล้าอย่างไม่ต้องสงสัย
รัศมีกลิ่นอายของเขายังทวีเพิ่มพูนขึ้นไม่หยุด และเข้าใกล้อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเต็มขั้นเข้าไปทุกทีแล้ว
ฉินเทียนสุขใจยิ่งที่ผลวิญญาณเต๋าอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น!
…………………………………