“ข้า…ไม่…ยอม!”
สายตาของฉินเทียนเริ่มดูเลื่อนลอยออกไป แต่ในขณะเดียวกันเขาเองก็ไม่สามารถยอมรับความตายแบบนี้ได้เช่นกัน
เขาเป็นถึงศิษย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของสถานศึกษาหวู่เมิ่งในรอบหนึ่งแสนปี หากไมมีเรื่องเลวร้ายอันใดเกิดขึ้นก่อน เขาควรจะสามารถก้าวขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้แน่นอน
จนกระทั่งวันหนึ่ง ชายซึ่งมีนามว่าเย่หยวนได้ปรากฏตัวขึ้นมา และแยงแสงสว่างทั้งหมดไปจากเขา
เด็กน้อยอาณาจักรปฐมพระเจ้าสามารถบดบังแสงสว่างอันเฉิดฉายของเขา ผู้ซึ่งเป็นถึงเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้น!
ไม่นานมานี้ เย่หยวนยังเปนแค่มดปลวกตัวน้อยที่สามารถถูกบดขยี้ให้ตายเมื่อใดก็ได้อย่างง่ายดายในสายตาของฉินเทียน
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ค้นพบว่าจู่ๆ มดตัวนี้ก็พัฒนาเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนสามารถคุกคามตัวเขาได้!
ดังนั้นเขาจึงแอบแฝงตัวเข้ามาในดินแดนนภาบรรพต เพื่อต้องการจะฆ่าเย่หยวน
แต่ผลสุดท้ายกลับลงเอยด้วยความตายของตัวเขาเสียเอง
อัจฉริยะฟาประทานอย่างต้องมาตายที่นี่ตรงนี้!
“นี่… เพียงพริบตาเดียว สามารถฆ่ายอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้ถึงสองคน! ชายคนนี้ทำสำเร็จได้อย่างไร?”
“แข็ง…แข็งแกร่งเกินไป! เขาเพิ่งอยู่ในอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเองมิใช่รึ ไฉนถึงสามารถเล่นงานยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าทั้งสองถึงตายลงได้!?”
“นับเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับระดับชั้นเซียนอาณาจักรพระเจ้า ที่จะข้ามระดับมาสู้! แต่ความแกร่งกล้าของชายคนนี้ช่างน่าสะพรึงโดยแท้ ถึงขั้นข้ามอาณาจักรย่อยถึงสองสามระดับ!”
“เย่หยวนผู้นี้นาจะเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งบนโลกภายนอกเช่นกัน?”
…
ท่ามกลางเสียงร้องอุทานของทุกคน เย่หยวนทิ้งดาบของตนและยืนนิ่งอยูเช่นนั้น เบื้องลึกในแววตาปราศจากความสงสารแม้แต่น้อย
ตระกูลฉินไม่สนวิธีการขอเพียงทำให้เขาตายได้ก็เพียงพอ
หากมิใชเพราะเย่หยวนมีไพ่ตายซุกซ่อนไว้อยู่ ปานนี้เขาเองก็คงตายไปนานไม่เหลือซากแล้ว
แรกพบที่เจอหน้ากัน ฉินเทียนมองเย่หยวนราวกับเขาตายไปแล้ว
การฆ่าฉินเทียนทิ้งในคราวนี้ หาได้มีผลกระทบอันใดต่อจิตใจเขาเลย
บูมม…
ก้อนหินขนาดมหึมาร่วงหลนลงมาจากด้านบน กระแทกเข้าใส่เกาะที่อยู่ในจุดศูนย์กลาง
เกาะที่ลอยอยู่บนจุดศูนย์ค่อยๆ จมลงไปในบ่อหินหนืด
ตอนที่เขากำลังสัประยุทธ์เดือดอยู่กับฉินเทียน เย่หยวนมิได้สังเกตเห็นก้อนหินมหึมานี้ที่ตดกระทบเข้าใส่
หากตอนนี้คิดจะกอบหู้เกาะให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม กลับสายเกินไปเสียแล้ว!
โดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ เย่หยวนใช้ยันต์ประกายอัสนีสวรรค์แผ่นที่สาม ร่างดุจไสวทิ้งทวนเป็นเงาสายหนึ่ง เร่งรุดปรีลงไปด้าล่างบริเวณใกล้บ่อกินหนืดโดยตรง
เย่หยวนเร่งเร้ากพลังปราณเทวะโคจรจนเร็วถึงขีดสุด และพุ่งไปถึงเกาะเก็บเอาศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ตามพื้นกลับมาทันที
การเคลื่อนไหวของเย่หยวนรวดเร็วดุจสายฟ้า ในเสี้ยวอึดใจ เขาก็รวบรวมศิลาชีวิตนิจนิรันดร์มาได้จำนวนเจ็ดถึงแปดก้อน
ส่วนที่เหลือเขาสิ้นไร้ไม้ตอก หมดหนทางจะทำอะไรอีกต่อไป
เส้นทางประตรงมิอาจเหนียวรัง ปราศจากเส้นทางรักษาได้อีกต่อไป
“ท่านอาวุโสสูงสุด!”
เมื่อไป๋ซิ่วและคนอื่นๆเห็นร่างของเย่หยวนพุ่งเข้าหาบ่อหินหนิดด้วยความเร็วสุดขีด แต่ละคนต่างหน้าซีดด้วยความตกใจกลัว
เพียงว่าความเร็วของเย่หยวนกลับเร็วเกินไป พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะเอ่ยเตือนด้วยซ้ำ
บูม!
ชั่วอึดใจต่อมา เย่หยวนพุ่งเข้าไปในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพในบัดดล
ภายในโลกแหงศิลาจารึกบัลลังก์พิภพดั่งลุกเป็นไฟ เนื่องจากบ่อหินหนืดเบื้องล่าง ภายในมันจึงได้รับผลกระทบตามไปด้วย
“พร๊วดดด!”
เย่หยวนกระอักพ่นเลือดสดออกมาคำหนึ่ง ยามนี้ปราศจากแรงสนับสนุนฟื้นฟูแต่อย่างใด
การปะทะครั้งนี้ดุเดือดรุนแรงเกินไป แม้กายเนื้อของเย่หยวนจะแกร่งกล้าเพียงใด แต่เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บภายในค่อนข้างสาหัสเช่นกัน
นี่ไม่ต่างอะไรจากทำตัวเองเลย หากเป็นคนอื่นที่คิดไม่ดีประสงค์ร้าย เย่หยวนอาจตายไปแล้ว!
“ไอ้เด็กคนนี้ คิดว่าชีวิตตนเองมันไร้ค่าขนาดนั้นเชียว? ถึงบ้าบิ่นเล่นเสี่ยงอันตรายไปซะทุกรอบ! ในไม่ช้าก็เร็วเจ้าอาจตายจริงในวันใดวันหนึ่ง…”
ภายในห้วงจิตสำนึกของเย่หยวน หวูเฉินคำรามเสียงดังลั่น
ต่อการกระทำอันบ้าบิ่นสุดอันตรายของเย่หยวน มันทำให้หวูเฉินแทบเป็นบ้าตาย
โดยเฉพาะกับการกระทำเมื่อครู่ที่เพิ่งเกิดขึ้น
เย่หยวนไม่เพียงแค่ต้องการรวบรวมศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ แต่เขายังคิดแผนสำรองอย่างการหยิบใช้ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพอีกด้วย ยามเกิดอุบัติเหตุ หากไม่มีศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ เขาอาจตกลงสู่บ่อหินหนืด กล่าวได้ว่าอาจฆ่าตัวเองตายไปแล้ว
“หุหุ ข้าดูไม่สบายตรงไหน? ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์เองก็ได้มาแล้ว!”
เย่หยวนฝืนยิ้มกล่าวตอบออกไป
เย่หยวนพยายามผยุงร่างของตนขึ้นมาโดยไม่สนใจอาการบาดเจบแต่อย่างใด และกระโดดออกจากศิลาจารึกบัลลังก์พิภพออกไปโดยตรง
“ที่นี่อยู่นานไม่ได้! หนีออกไปโดยเร็ว!”
เย่หยวนเร่งกล่าวกับกลุ่มคนของวังเทวะรัตติกาลฉาย
“แต่….ท่านประมุขวังล่ะ?”
ไป๋ซิ่วกล่าว
“เขาจะไม่เป็นอะไรแน่นอน ปล่อยให้ไป๋เฉินอยู่ภายในนี้ดูจะปลอดภัยกว่าโลกภายนอก!”
เย่หยวนกล่าวเสียงเย็นเป็นคำตอบ
ทันทีทันใดโถงกว้างถล่มลงมาจนเปิดช่องว่างด้านบนเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่
เย่หยวนกระโจนขึ้นไปยังช่องว่างนั้นทันที
สีหน้าการแสดงออกของไป๋ซิ่วและที่เหลือรวนเรแปรเปลี่ยน คล้องหลังเร่งรุดติดตามเย่หยวนไป
วูบ! วูบ! วูบ!
ปรากฏอีกร่างหนึ่งทะยานเหินบินออกมาจากบริเวณใต้ดิน
“นั่นมันฮั่วเทียนหยาง! อย่าปล่อยให้บัดซบนั้นหนีไปได้!”
ขณะที่ไป๋ซิ่วติดตามเย่หยวนออกมา เขาพลอยเห็นฮั่นเทียนหยางกำลังทะยานหลบหนีออกไปด้วยความเร็วเต็มพิกัด
เมื่อกลุ่มของวังเทวะรัตติกาลฉายเห็นดังนั้น ทุกคนต่างชะงักไปโดยพลันและต้องการจะทะยานตามล่าในทันที
“อย่าตามมันไป!”
เย่หยวนประกาศกร้าวเสียงดังฟังชัด
ไป๋ซิ่วและที่เหลือหยุดความคิดลงทันทีก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า
“ผู้อาวุโสสูงสุด แตฮั่นเทียนหยางเป็นศัตรูคู่อาฆาตของพวกเรามาเนิ่นนาน จะปล่อยให้มันหนีไปเช่นนี้จริงๆ รึ?”
เย่หยวนแสยะยิ้มเย็นกล่าวตอบว่า
“ปล่อยให้มันวิ่งเล่นไปตามาอัธยาศัยก่อน! เมื่อใดไป๋เฉินออกจากการเก็บตัว ชีวิตสุนัขอย่างมันย่อมเป็นไปตามกรรมโดยธรรมชาติ”
ทันทีทันใด เย่หยวนพลันขมวดคิ้วถักแน่น และกล่าวเสียงขรึมออกไปโดยไว
“หนีไปเร็ว!”
ภายในใจของทุกคนเย็นสะท้านจับขั้วหัวใจประดุจสายลมหนาวพัดผ่าน
บูม!
ไม่นานหลังจากทุกคนจากไป มวลหินหนืดอันเดือดดุพลันปะทุคลังตั้งแต่ใต้ผืนดินระเบิดสูงขึ้นเฉียดฟ้า!
อุณหภูมิที่สูงจนน่าสยดสยอง ทุกคนที่หนีออกมาได้ทันท่วงทีต่างสัมผัสได้ถึงมันอย่างชัดแจ้ง แมจะอยู่ห่างกว่าระยะหมื่นลี้
มวลหินหนิดเหลวระลายและพวยพุ่งออกมาดุจน้ำพุอันงดงามยิ่ง
เมื่อทุกคนเห็นภาพฉากดังนั้น สีหน้าการแสดงออกของทุกคนพลันอดถอดสีมิได้และกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสสูงสุด เอ่อ…ท่านประมุขวังยังคงปลอดภัยกระมัง?”
มวลหินหนืดเหล่านี้น่ากลัวเกินไป มันมิได้ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจำต้องกังวลหรือไม่กังวล
แต่เย่หยวนยังคงเอ่ยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า
“ผ่อนคลายเถอะ! ผลวิญญาณเต๋าทีไป๋เฉินกินลงไปคือเต๋าแห่งดินแดนนี้! มวลหินหนดเหล่านี้เป็นอันตรายต่อพวกเราอย่างยิ่งก็จริง แต่มันไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเขาแม้แต่น้อย”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่หยวน ทุกคนโดยรอบตางก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
พวกเราทราบดีว่า เย่หยวนไม่คิดที่จะทำร้ายไป่เฉินแน่นอน
ดังนั้นในเมื่อเขากล่าวเชนนี้ แสดงว่านี่เป็นความจริง
ทันใดนั้นญาณเย่หยวนพลันเชื่อมสัมผัสได้ถึงบางคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นกำลังคิดจะหลบหนีออกไป
เงาร่างไสววูบ เย่หยวนไล่ตามอีกฝ่ายไปในทันที
“พี่เหลยต้วน ท่านจะจากไปโดยไม่บอกลาน้องคนนี้หน่อยรึ?”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มแสยะเย็น
บุคคลนี้หาใช่ใครอื่นไม่ นอกเสียจากทูตแหงวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ เหลยต้วน
มีทูตสองคนที่เดินทางมาพร้อมกับต้วนเฟยในคราวนี้
แตทูตอีกคนกลับตายลงไปแล้วภายใต้ค่ายกลนั้น โชคยังดีที่เหลยต้วนรอดตายได้อย่างปาฏิหาริย์
เพราะว่าเขากลัวเย่หยวนเห็นตน ดังนั้นเลยต้วนจึงลอบย่องเบาออกไปอย่างลับๆมิให้รู้สึกตัว
แต่กลับไม่คิดเลยว่า เย่หยวนจะมีญาณสัมผัสที่ไวขนาดนี้ ถึงขั้นตรวจพบเขาได้โดยง่าย
เห็นเย่หยวนยืนดักหน้าปิดกั้นเส้นทางหนีเช่นนี้ สีหน้าการแสดงออกของเขาเหลยต้วนพลันบิดเบี้ยวน่าเกลียดในบัดดล ขณะเอ่ยปากกล่าวว่า
“เป็นน้องชายเย่หยวนนี่เอง เจ้าเองก็ควรจจะเห็นใจข้า เหลยต้วนคนนี้ต้องปฏิบัติตามคำสัง เช่นนั้นโปรดอย่าได้โกรธเคืองกันเลย”
เหลยตวนในปัจจุบันยังเหลือร่องรอยความหยิ่งผยองดั่งก่อนหน้าได้อย่างไร?
เย่หยวนสำแดงฤทธิ์เดชโดยการล่าสังหารยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าถึงสองคนติด ด้วยขุมพลังอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น
แต่ความจริงแล้ว ด้วยสภาพปัจจุบันของเย่หยวน ยามนี้จะเข้าคู่กับเหลยต้วนหรือไม่ยังยากที่จะพูด
อย่างไรก็ตาม เหลยต้วนไม่ทราบว่าเย่หยวนมียันต์ประกายอัสนีสวรรค์อยู่แค่สามใบเท่านั้น และทั้งหมดก็ถูกใช้ไปแล้ว
ทว่าท้ายที่สุดนี้ ความหวาดกลัวของเขาที่มีต่อเย่หยวนได้สั่งสมกันมานานจนยากจะลบล้างออกโดยง่าย!
“หุหุ พี่เหลยต้วน พวกเราเองก็เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ท่านต้องคิดให้ดี หลังจากที่ท่านกลับไปยังวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ พวกเราคงกลายเป็นศัตรูร่วมของดินแดนนภาบรรพตทั้งมวล! แต่เมื่อไป่เฉินดูดซับผลวิญญาณเต๋าเสร็จสิ้นเมื่อใด ท่านอาจจะหายไปตลอดกาล!”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมสีหนาสุดมืดมน
…………………………………