คล้อยหลังสูดหายใจเข้าออกไม่กี่จังหวะ ซือฝางสั่นสะท้านจับขั้วหัวใจก่อนจะฟื้นสติขึ้นอีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้! เขา…เขาจะฆ่าฉินเทียนได้อย่างไร?”
ซือฝางบ่นพึมพำกับตัวเอง เป็นที่ชัดเจนว่า เขามิอาจยอมรับความจริงข้อนี้ได้เลย
ทว่าเขาเองก็พึงทราบอยู่ในใจ เย่หยวนหาใช่พวกคุยโวเช่นกัน
อันที่จริงข่าวที่ว่าฉินเทียนออกไปตามล่าเย่หยวน ก็มิใช่ความลับเช่นกันในสถานศึกษาหวูเมิ่ง
ทั้งสองต่างออกไปฝึกปรือ ณ ที่แห่งเดียวกัน และหายตัวไปเป็นเวลาสิบปี
เรื่องเช่นนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
ทว่าตอนนี้เย่หยวนกลับออกมาอย่างปลอดภัย ในขณะที่ฉินเทียนหายสาบสูญ ผลลัพธ์เช่นนี้มันเกินความคาดหมายเกินไป
แน่นอนว่าเย่หยวนอาจหยิบใช้วิธีการบางอย่างเพื่อสลัดให้หลุดจากฉินเทียนก็เป็นได้ และอีกฝ่ายก็ยังไม่รู้ว่าเย่หยวนเดินทางกลับมาแล้ว ผู้คนต่างสันนิษฐานคาดเดาไปต่างๆ นานา
แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันว่า ฉินเทียนอาจสิ้นใจตายลงในดินแดนนั้นไปแล้ว
แท้ที่จริงแล้ว ความคิดของทุกคนต่างเอนเอียงไปยังข้อสันนิษฐานแรกมากกว่า เพราะท้ายที่สุดนี้ ความแข็งแกร่งของฉินเทียน ทุกคนต่างก็ชัดแจ้งประจักษ์ดีเยี่ยม
แม้ว่าเย่หยวนจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้แล้ว แต่ก็ไม่มีทางเช่นกันที่เขาจะเป็นคู่มือของฉินเทียนได้
ในฐานะอาจารย์แห่งสถานศึกษาหวู่เมิ่ง ซือฝางตระหนักทราบดีถึงระดับพลังฝีมือของฉินเทียนว่าสูงส่งปานใด
แต่เมื่อครู่เย่หยวนเพิ่งปริปากบอกว่า ฉินเทียนตายไปแล้ว!
นี่มันเกิดบ้าอะไรกันแน่?
ทันทีทันใดซือฝางสะดุ้งโหย่ง คิดถึงผลร้ายที่ตามมาโดยไว
“เด็กคนนี้มันสัตว์ประหลาดชัดๆ เข้าขั้นวิปลาสแล้ว! ดีไม่ดีข้าควรแจ้งท่านประมุขหอก่อนดีกว่า”
………………
ภายในห้องจัตุรัสในโรงเตี๊ยมหลานเฟิง มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังสนทนากันอย่างสนุกสนาน
“ไอ้บัดซบนั้นทำให้พวกเราต้องวางแผนใช้สมองเป็นการใหญ่ มันไม่มีทางเต็มใจออกนอกสถานศึกษาเป็นแน่ ยังดีที่ศิษย์พี่หลินซิ่งโปรยเสน่ห์ใส่มันจนหลงหัวปักหัวปำ มันจึงเชื่องได้ขนาดนั้น”
หวังซ่งดูมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ เพียงว่าสีหน้าการแสดงออกของเจียฉงดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าที่ควรนัก
เพราะเขาทราบดีว่า ความแตกต่างระหว่างตนกับฉินเทียนมากห่างไกลไพศาลเพียงใด ซึ่งตัวเขาไม่มีโอกาสเลย
หลินซิ่งนั่งอยู่บนหัวโต๊ะแสดงถึงความเป็นใหญ่ สีหน้าท่าทีของนางทั้งดูหยิ่งผยองและเย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่
เมื่อได้ยินคนอื่นพูดถึงเซี่ยะจิ้งอวี๋ นางก็ดูมีท่าทีรังเกียจยิ่งยวด ก่อนจะกล่าวว่า
“เซี่ยะจิ้งอวี๋ ต้องการทำคะแนนให้ข้าเหลียวแลสนใจ ยังคิดปถึงขั้นมีลูกกับข้าอีก ยิ่งคิดยิ่งน่าขยะแขยง! หากมิใช่เพราะพี่ใหญ่เทียนสั่งห้ามมิให้ลงมือโดยพลการ ข้าคงลงมือจัดการมันไปนานแล้ว”
ฉินเจิ้งรีบกล่าวเชิงหยอกล้อขึ้นว่า
“ก็คงเป็นเช่นนั้น! ไอ้อ้วนบัดซบชื่อคล้ายสตรีนั้น คงตระหนักไปว่า สตรีงามดั่งธิดาสวรรค์เฉกเช่นศิษย์พี่อาวุโสหาใช่หญิงสาวทั่วไปไม่ คิดหรือว่าท่านจะเอาไอ้อ้วนนั้น!”
ฉินเป่ยยิ้มกล่าวว่า
“ในสถานศึกษาหวูเมิ่งแห่งนี้ มีเพียงพี่ใหญ่เทียนและศิษย์พี่หญิงอาวุโสหลินซิ่งเท่านั้นที่เหมาะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก!”
เมื่อเอ่ยถึงฉินเทียน หลินซิ่งพลันขมวดคิ้วขมวดกังวลลงทันที นางกล่าวว่า
“พี่ใหญ่เทียนออกเดินทางไปตามฆ่าเย่หยวน นี่ก็เป็นเวลาสิบปีแล้ว ไฉนเขายังไม่กลับมาอีก? หรือว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น?”
ฉินเจิ้งมิได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากมายนัก เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ศิษย์พี่หญิงอาวุโสหลินซิ่ง ท่านกำลังเป็นกังวลเกินเหตุไปแล้ว พี่ใหญ่เทียนออกโรงลงมือเอง ไอ้บัดซบนั้นควรตายคาคมดาบของเขานานแล้ว!”
ฉินเป่ยกล่าวเสริม
“ถูกต้อง! พี่ใหญ่เทียนอาจพบขุมสมบัติภายในดินแดนนั้นโดยบังเอิญ นั้นจึงเป็นสาเหตุที่เขาเดินทางกลับมาล่าช้า เรื่องนี้ท่านศิษย์พี่หญิงอาวุโสอย่าได้กังวลเกินควร”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หลินซิ่งค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ฟังดูเข้าท่า เมื่อมาคิดดูแล้ว เย่หยวนก็เป็นเพียงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้า ดังนั้นมันจะเป็นคู่มือของพี่ใหญ่เทียนได้อย่างไร? สิ่งหนึ่งที่น่าขันที่สุดคือ มันประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป คงคิดอยู่เสมอว่าตัวมันยิ่งใหญ่เทียมฟ้ากระมัง! มันคงไม่ตายดีในดินแดนนั้นไปแล้ว!”
“อ๋อ…งั้นรึ?”
ทันใดนั้นเอง สุ้มเสียงหนึ่งแสนเยียบเย็นพลันดังก้อง
บูมมม!
ประตูห้องจัตุรัสถูกทำลายโค่น เผยถึงแรงกดดันผสมจิตสังหารจุดข้นคลัก
“ใครกัน!? ใครมันกล้า…กล้า…เย่หยวน! เจ้า…เจ้ายังไม่ตาย?”
หวังซ่งแทบกระโดดเด้งสะดุ้งโหย่ง ยามรู้ว่าผู้พังประตูเป็นใคร ที่แท้กลับเป็นฝันร้ายที่สุดของเขา มันคือเย่หยวนตัวจริงเสียงจริง!
ความตกตะลึงนี้เกินพรรณนา!
และมิใช่แค่เขาเท่านั้นที่ตกใจ ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องต่างถอดสีหน้าทันทีด้วยความตะลึง
ข่าวการกลับมาของเย่หยวนแพร่กระจายไปทั่วสถานศึกษาหวูเมิ่งแล้วก็จริง
แต่ช่างบังเอิญนัก ที่คนกลุ่มนี้ออกมาเที่ยวเล่นด้านนอกจึงไม่รู้เรื่องข่าวการกลับมาของเย่หยวน
หากพวกเขาทราบล่วงหน้า มีหวังไม่กล้าทำตัวหยิ่งผยองขนาดนี้แน่นอน
“พวกเจ้าคงผิดหวังไม่น้อยทีข้ายังไม่ตายใช่ไหม? แต่เนื่องจากข้ายังไม่ตาย เช่นนั้นก็ขอให้เป็นหายนะของพวกเจ้าแล้ว!”
เย่หยวนตัดสินกลุ่มคนพวกนี้อย่างไม่ไยดี ในสายตาของเขา ผู้คนทั้งหมดนี้ล้วนได้รับโทษประหาร
หลินซิ่งและที่เหลือต่างรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แต่วาจาคำขู่เช่นนี้ของเขากลับไม่สามารถสร้างภัยคุกคามให้กลุ่มคนเหล่านี้มากนัก
เพราะท้ายที่สุดนี้ ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด ยังมีเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดถึงสามคน
ในขณะที่เย่หยวนเป็นเพียงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น
เอ๊ะ? เดี๋ยวก่อน! อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้น!
ไอ้บัดซบตัวนี้เลื่อนระดับชั้นแล้ว?!
หลินซิ่งเหลือบมองเย่หยวนด้วยหางตา เอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า
“อย่างเจ้ารึจะมีปัญญา? เย่หยวน ในเมื่อเหยื่ออย่างเจ้าหลุดมือพี่ใหญ่เทียนไป เช่นนั้นข้าจะจัดการเจ้าแทนเขาเอง!”
เย่หยวนเหลือบมองหลิ่นซิ่งด้วยสายตาสุดน่ารังเกียจ
นังผู้หญิงคนนี้สมควรตายอย่างแท้จริง!
เจ้าท้วมรักนางด้วยใจจริง แต่นางกลับใช้ประโยชน์จากจุดนี้ทำให้เขาพิการ
“ฮ่าๆๆ! เย่หยวน! สวรรค์มอบทางเดินให้เจ้า แต่เจ้ากลับปฏิเสธมันเสียได้! แต่นรกรอต้อนรับเจ้าเสมอ! อุตส่าห์รอดพ้นจากเงื้อมมือพี่ใหญ่เทียนมาได้ แต่ยังจะหาเรื่องเข้าตัวอีก! เป็นข้าหลังจากหนีรอดกลับมาได้ คงซ่อนตัวอยู่ในสถานศึกษาสักพักใหญ่ ไม่ปัญญาอ่อนส่งตัวเองออกมาถึงหน้าประตูฝ่ายตรงข้าม!”
หวังซ่งกล่าวขึ้นพลางระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“มันกำลังใช้กิ่งไม้ค้ำจุนความอยุติธรรมกระมัง? ฮ่าๆๆ ไอ้อ้วนนั้นก็เอาแต่พูดจาวกไปวนมาว่า หลังจากวันนี้ น้องชายของเจ้าจะช่วยล้างแค้นแทนตนแน่นอน แล้วดูตอนนี้สิ! ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะหน้าโง่มาจริงๆ!”
ฉินเจิ้งกล่าวพร้อมแสยะยิ้มน่ารังเกียจ
“เช่นนั้นมาดูกันเสียหน่อยว่า ศิษย์น้องเย่ผู้มากความสามารถคนนี้จะแก้แค้นพวกเราได้อย่างไร?”
ฉินเป่ยเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็น
เย่หยวนหาได้สนใจวาจาเย้ยหยันของอีกฝ่ายสักนิด และเค้นเสียงเย็นกล่าวขึ้นคำหนึ่งว่า
“กุ้ยหยุน!”
เงาร่างวิญญาณปรากฏขึ้นข้างกายเย่หยวน และประสานมือคารวะเย่หยวน
“คารวะนายท่าน!”
ทันทีที่กุ้ยหยุนปรากฏตัวขึ้นมา สีหน้าการแสดงออกของทุกคนพลันเปลี่ยนไปทันที
สองดาวขั้นสุด!
ความเร็วในการพัฒนาของวิญญาณชั่วตนนี้สูงมาก เพียงไม่นานก็สำเร็จสองดาวขั้น
สุดได้แล้ว!
ศึกสัประยุทธ์กับฉินเทียนในตอนนั้น ทำให้กุ้ยหยุนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ตลอดระยะเวลาครึ่งปี ไม่เพียงอาการบาดเจ็บของกุ้ยหยุนจะหายดีเป็นปกติ แต่คล้อยหลังฟื้นตัวเต็มที่ มันยังเลื่อนระดับขึ้นกลายเป็นสองดาวขั้นสุดอีกด้วย!
“สามคนนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่เจ้าจัดการ อย่าให้พวกมันรบกวนข้าได้”
เย่หยวนเอ่ยปากสั่งการอย่างเย็นชา
“รับทราบนายท่าน!”
กุ้ยหยุนโค้งคำนับรับคำสั่ง
“หึ! พูดจาคุยโม้ไร้ยางอาย! ก็แค่วิญญาณชั่วสองดาวขั้นสุดตัวเดียว คิดจะรับมือศิษย์ชั้นในพร้อมกันสามคน? ไร้เดียงสาเกินไป!”
หลินซิ่งกล่าวเย้ยหยัน
กุ้ยหยุนย่างสามขุมตรงเข้าหาอย่างแช่มช้า และแผดเสียงเย็นสะท้านดังลั่น
“กรงเล็บรัตติกาลสังหาร!”
ทันใดนั้นกรงเล็บสีทมิฬขนาดยักษ์พลันพวยพุ่งออกมาเข้าจู่โจมทั้งสาม
เมื่อเห็นดังนั้น ทั้งสามต่างหน้าถอดสีในทันใด พวกเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า กุ้ยหยุนจะแกร่งกล้าผิดมนุษย์ขนาดนี้
ในไม่ช้าทั้งสามกลับตกสู่สถานการณ์ยุ่งเหยิงทันที
หวังซ่งเหลือบมองเย่หยวนเล็กน้อยและกล่าวว่า
“เจ้าปล่อยให้พวกเราสามรับมือกับวิญญาณชั่วตัวเดียว คิดจะดูถูกเกินไปหน่อยกระมัง?”
เปลือกตาเย่หยวหรี่แคบลงเล็กน้อย ใบหน้าปราศจากร่องรอยอารมณ์ใดผันผวน พลางเอ่ยน้ำเสียงเย็นขึ้นว่า
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้า ฆ่าให้ตายดั่งสุนัขจร!”
สุ้มเสียงของเขายังไม่จางหายดี ทันใดนั้นสยบดาราของเย่หยวนพลันสับออกมาโดยตรง
สยบดาราฉบับสมบูรณ์ประเคนตรงไปหาเจียฉง!
“พร๊วดด!”
เจียฉงยังไม่ทันตอบสนองอันใดได้ทัน จู่ๆ ร่างของเขาก็ระเบิดแหลกเละเป็นไอโลหิตกลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายออกมา!
สายตาที่จับจ้องของหวังซ่งฉายแววจริงจังขึ้นหลายส่วน สีหน้ายามนี้ปราศจากคำดูถูกกลายมาเป็นเคร่งขรึมอย่างมากแทน
หลายปีมานี้ เจียฉงเลื่อนระดับชั้นขึ้นเป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นแล้วเช่นกัน
ทว่าภายใต้สยบดาราเพียงหนึ่งกระบวนดาบของเย่หยวน เขากลับตายลงในเสี้ยวพริบตา!
………………………………………