“ขะแข็งแกร่งมาก! เมื่อมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! เบื้องหน้าเพียงรู้สึกพร่ามัวชั่วขณะ ทันใดนั้นร่างของเจียฉงก็ระเบิดเป็นก้อนเลือดโดยตรง!”
“เจียนฉงเองก็เป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นอัจฉริยะอันดับสองในบรรดาศิษย์ใหม่รุ่นล่าสุด แล้วไฉนความต่างแตกถึงมีมากขนาดนี้?”
“รู้สึกว่า…นั้นจะใช่เย่หยวนคนที่ว่า? แต่ในระยะสิบปีหลัง ข้าไม่เคยได้ยินข่าวคราวของเขาเลย กลับมาคราวนี้ความแกร่งกล้ายังทวีความวิปลาสยิ่งกว่าเดิม!”
“แต่แม้จะทรงพลังขนาดไหน สุดท้ายนี้ก็มิอาจเป็นคู่มือของหวังซ่งได้อยู่ดี อีกฝ่ายเป็นถึงศิษย์ชั้นใน นอกจากนี้ยังมีระดับพลังสูงถึงอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลาย ซึ่งสูงกว่าเย่หยวนถึงสองระดับขั้น!”
………………
โรงเตี๊ยมเฟิงหลานคึกคักธารฝูงชนหนาแน่นไม่ขาดสาย หมัดระเบิดประตูของเย่หยวนในทีแรกได้สร้างความปั่นป่วนอย่างมากให้แก่ฝูงชน จนตอนนี้กลายเป็นที่สนใจของคนทั้งโรงเตี๊ยม
ที่สำคัญยังมีกุ้ยหยุนเข้าสัประยุทธ์อยู่กับอีกเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดถึงสามคน ทว่าในความเป็นจริงกลับมิได้ดูเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงข้ามกลับสูสีอย่างมาก ทำให้ทุกคนต่างเบิกตาโตเฝ้ามองด้วยความตกตะลึง
สัประยุทธ์ศึกใหญ่ของทั้งสี่ทำให้ห้องจัตุรัสนั้นโค่นถล่มลงมา ยันพัดผ่านโหมกระหน่ำต่อยันมุมหนึ่งของโรงเตี๊ยม
“เหอะ ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เจ้าต้องกลายมาเป็นคู่มือข้า! แต่ไอ้บัดซบอย่างเจ้าจำต้องชะตาขาดแล้วในวันนี้! ทั้งบัญชีเก่าใหม่ชำระเบ็ดเสร็จในวันนี้! หวังซูน้องรัก วันนี้พี่ใหญ่จะล้างแค้นในเจ้าเอง!”
เมื่อกล่าวจบ หวังซ่งพลันกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง
การตายของหวังซูได้สร้างความขื่นขมภายในใจของเขามาโดยตลอด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มิอาจก้าวข้ามความรู้สึกนี้ไปได้
ครั้งล่าสุดที่เขาต้องการจะฆ่าเย่หยวน กลับเป็นเซียวเฟิ้งที่เข้ามาหยุดไว้
แต่ครั้งนี้เย่หยวนจะต้องถูกส่งลงปรโลกตามปรารถนาที่เขาต้องการ!
“หมัดไท่จี๋กระบวนดารา ตายไปซะ!”
หวังซ่งกู่ร้องคำรามลั่น ไม่มีพิธีรีตองอันใดอีก พร้อมประจันหน้าปล่อมเพลงหมัดใส่เย่หยวน
สายลมที่เพลงหมัดชักหาโหมกระหน่ำรุนแรง จนทำให้ผู้คนโดยรอบแห่อุทานด้วยความตกตะลึง
“จิตสังหารแห่งกำปั้นนี่มัน…บรรลุชั้นสวรรค์ขั้นสามแล้ว!”
“หมัดไท่จี๋กระบวนดาราเป็นสุดยอดวิชาลับของสถานศึกษาหวูเมิ่ง หวังซ่งในตอนนี้บรรลุชั้นสวรรค์ขั้นสาม อานุภาพทำลายล้างจะรุนแรงเพียงใด?”
“เย่หยวนคนนี้ใจร้อนเกินไปนัก ความแข็งแกร่งเพียงแค่นี้กลับหาญกล้าท้าทายหวังซ่ง!”
“นี่มันยิ่งกว่าความแตกต่างระหว่างอาณาจักรปฐมพระเจ้ากับปัจฉิมพระเจ้านัก ข้ามระดับต่อสู้ขนาดนี้ เย่หยวนฝืนตัวเองเกินไป!”
………………….
ยิ่งระดับพลังสูงเท่าไหร่ ความยากในการข้ามระดับสู้ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้ยังข้ามถึงสองระดับขั้น!
หากเปรียบให้การข้ามระดับสู้จากอาณาจักรปฐมพระเจ้าจับคู่กับอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเท่ากับเต็มสิบ ระดับความยากระหว่างอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นไปยังชั้นปลาย อาจสูงถึงห้าสิบหรือแปดสิบเต็ม!
แม้ว่าหวังซ่งจะมิได้ถูกขนานนามว่า เป็นศิษย์ชั้นในที่แข็งแกร่งที่สุดของสถานศึกษา แต่เขาเองก็ถือเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้าเช่นกัน
ความแข็งแกร่งของเขาจึงไม่นับว่าอ่อนแอ
หากเย่หยวนต้องการที่จะเอาชนะเขา โดยที่อีกฝ่ายมีพลังมากกว่าถึงสองระดับ มันแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย
เพลงหมัดชักพาสายลมกระหน่ำ ควบแน่นก่อตัวขึ้นเป็นเกลียววายุพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ทว่าเย่หยวนเพียงยกดาบพิชิตมารฟ้าขึ้นอย่างใจเย็น
“สยบดารา!”
เสียงเอ่ยขานป่าวประกาศเบาบาง สะบั้นฉีกห้วงอากาศสรรพสิ่งเข้าชนกับหมัดไท่จี๋กระบวนดาราเต็มสูบ
บูมมม!
ยามนี้เห็นเพียงร่างของหวังซ่งที่พุ่งกระเด็นออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ส่งบินตรงออกจากโรงเตี๊ยมทะลุไปอีกฝั่งของท้องถนน
ร่างปะทะกำแพงหนาจนแตกละเอียด พร้อมนอนกองกับพื้นพร้อมด้วยซากปรักหักพัง
ทุกคนต่างตกตะลึง!
ไฉนเย่หยวนถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้กัน?!
การเคลื่อนไหวของเย่หยวนลึกล้ำเกินขอบเขตความเข้าใจของทุกคนไปแล้ว
มันเป็นเพียงการฟาดฟันคมดาบออกไปธรรมดา ดูเหมือนไม่มีพลังอะไรเลย แม้แต่กระแสพลังวิญญาณความปั่นป่วนยังปราศจากร่องรอยใดๆ
แต่อสนุภาพทำลายล้างกลับน่าเกรงขามยิ่งยวด!
เป็นครั้งแรกของการเปิดตัวสยบดาราฉบับสมบูรณ์แบบ บนมหาพิภพถงเทียน
ก่อนหน้านี้ เย่หยวนเองก็เคยใช้กระบวนท่านี้สังหารเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้เช่นกัน ทั้งๆ ที่อยู่เพียงอาณาจักรปฐมพระเจ้า
ตอนนี้เย่หยวนทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเรียบร้อยแล้ว อานุภาพทำลายล้างยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามหาศาลเพียงใด
สามารถเอาชนะหวังซ่งได้ในหนึ่งกระบวนท่า ไม่นับว่ามีราคาคุยโวแต่อย่างใด
และแท้ที่จริงแล้ว ไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่หยวนอย่างจันทร์สลายก็ยังมิได้หยิบใช้สำแดงออกมาเลยด้วยซ้ำ!
“นี่ข้าตาฝาดไปใช่ไหม? อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นสามารถโค่นอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลายได้ในหนึ่งกระบวน? นี่มันไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยรึ?”
“ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างบอกว่า พรสวรรค์ที่เร้นซ่อนอยู่ในตัวเย่หยวนเหนือชั้นกว่าฉินเทียน ปัจจุบันข้าเชื่อสนิทใจแล้ว!”
“นี่…นี่มันทรงพลังเกินไป! กระบวนดาบนั้นข้ามิอาจหยั่งรู้ได้เลย! เพื่อรีดเร้นขุมพลังอันน่าสะพรึงขนาดนี้ออกมาได้ เขาทำได้อย่างไร?”
……………..
ความแกร่งกล้าของเย่หยวนไม่สามารถประเมินคาดการณ์ได้ด้วยจิตสำนึกอย่างแท้จริง
โคจรพลังด้วยบัญญัติเทพแห่งถงเทียนควบคู่ไปกับเพลงดาบสวรรค์เบิกฟ้า คิดดูเสียว่าอานุภาพทำลายล้างจะเกินจินตนาการเพียงใด? มีแค่คู่ต่อสู้ของเย่หยวนเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของมัน
และตอนนี้หวังซ่งก็ได้ลองลิ้มชิมรสชาติจนตระหนักชัดแจ้ง!
วูบ!
ทันใดนั้นร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากกำแพงปรักหักพัง เงาร่างไสววูบพุ่งหนีออกไปจุดหมายคือสถานศึกษาหวูเมิ่งด้วยความเร็วสุดขีด!
ภาพฉากนี้เกินผู้ใดคาดถึง ทุกคนได้แต่อ้าปากค้างเติ่งเกินนึกคิด
“พร๊วดด!”
ขณะที่หวังซ่งกำลังหนีตาย เขาพลันกระอักพ่นเลือดสดออกมาตลอดทาง
ในตอนนี้เขายังต่อสู้สัประยุทธ์ไว้ได้อย่างไร? เขารีดเร้นพลังทั้งหมดออกมาเพื่อหนีตายเข้าไปในสถานศึกษาหวูเมิ่งโดยไว!
ตราบใดที่เขาสามารถหนีเข้าไปในสถานศึกษาหวูเมิ่งได้ เย่หยวนจะไม่กล้าฆ่าตนอีกต่อไป
“แข็งแกร่งเกินไป! ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นเพียงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น! หากย้อนกลับไป ตอนนั้นฉินเทียนทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้น อย่างมากก็ต่อกรสูสีกับอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นกลางเท่านั้น แต่เย่หยวน…”
คลื่นความตื่นตะลึงเข้าซัดถาโถมเข้าสู่จิตใจของหวังซ่ง เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า หลังจากที่เย่หยวนขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้แล้ว เขาจะทรงพลังน่ากลัวถึงขนาดนี้
กระทั่งภายในใจของเขาตอนนี้ยังพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ด้วยความแข็งแกร่งของเย่หยวนในปัจจุบัน ประดุจว่าเขากำลังไล่ฆ่าสุนัขจรอยู่จริงๆ!
หวังซ่งจำใจหนีตายออกไปอย่างหมดหวัง เขาเร่งเร้าโคจรพลังปราณเทวะในกายจนหมุนติ้วเร็วจี๋ ทะยานหนีสุดแรงเกิด
ขณะนี้ได้แต่ขอร้องอ้อนวอนให้บิดามารดาเพิ่มขาประทานแก่เขาอีกสักคู่หนึ่ง เขาต้องการลี้ภัยหนีเข้าไปยังสถานศึกษาหวูเมิ่ง!
บิน…
ทันใดนั้นร่างหนึ่งพลันกระโดดลงมาขวางหน้าจากบนฟ้า ต่อหน้าต่อตาหวังซ่ง
ยามนี้ทั่วทุกอณูร่างกายของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความสิ้นหวัง
หวังซ่งลืมไปได้อย่างไรว่า เย่หยวนยังมีวิชาขี่ดาบอยู่?!
“วิชาขี่ดาบ! นั้นมันวิชาขี่ดาบจริงๆ! ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าเคยได้ยินว่าเย่หยวนมีวิชาขี่ดาบอันน่าเกรงขาม แต่ข้าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า วันนี้จะได้มาเห็นกับตาตนเอง! นับเป็นวันที่ข้าได้เปิดโลกทัศน์อย่างแท้จริง!”
“ด้วยสิ่งนี้ หวังซ่งชะตาขาดแน่แล้ว! แต่สงสัยเสียจริงว่า เย่หยวนจะฆ่าเขาจริงๆรึ เบื้องหลังของหวังซ่งยังมีตระกูลฉินและตระกูลหวังอยู่ ทั้งสองล้วนเป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่”
“เหอะ นี่เจ้าใช้สมองคิดหรือเปล่า กระทั่งระเบิดหัวฉินเป่ยอวี่ คุณหนูแห่งตระกูลฉิน เย่หยวนก็เคยทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับหวังซ่ง?”
……………
ตุบ!
หวังซ่งคุกเข่าลงต่อหน้าเย่หยวน พร้อมน้ำตาที่ไหลพราก
“ท่านเย่! ท่านเย่หยวน! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้วจริงๆ! เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะฉินเจิ้งกับฉินเป่ยเป็นตัวต้นคิด! ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดด้วยเลย!”
ภัยคุกคามถึงชีวิตขนาดนี้ หวังซ่งยังกล้าทำตัวหยิ่งผยองได้อย่างไร? ยามนี้ได้แต่พนมมือขอร้องอ้อนวอนเย่หยวนทั้งน้ำตา ทั้งยังทรยศต่อฉินเจิ้งกับฉินเป่ยโดยไม่สนอะไรแล้ว
เย่หยวนเพียงแสยะยิ้มตอบเล็กน้อยและกล่าวว่า
“หวังซ่ง ข้าให้โอกาสเจ้าก็มากแล้ว แต่สุดท้ายเจ้ายังก่อปัญหาให้ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นนั้นจงลงนรกไปซะ!”
“พร๊วดดด!”
สยบดาราสะบั้นห้วงอากาศเวหา หวังซ่งสภาพการตายไม่ต่างจากเจียฉงเลย ร่างของเราระเบิดเละกลายเป็นไอโลหิตฟุ้งดุจพิรุณ
ทุกคนบนท้องถนนต่างเฝ้ามองภาพฉากนี้ด้วยความตกตะลึง!
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชื่อเสียงของเย่หยวนจะดังกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้า!
เย่หยวนสังหารหวังซ่งทิ้งได้ภายในหนึ่งกระบวนอีกครั้ง
กุ้ยหยุนและทั้งสามยังคงพัลวันสัประยุทธ์เดือดไม่หยุดหย่อน ไล่ล่าต่อสู้ตั้งแต่อยู่ในโรงเตี๊ยมเฟิงหลาน จนยามนี้ออกมากลางท้องถนน
ความแกร่งกล้าของหลินซิ่งนับว่าน่าเกรงขามอย่างยิ่ง สามารถบังคับให้กุ้ยหยุนกระตุ้นใช้พลังจิตวิญญาณจนถึงขีดสุดได้ ยามนี้เริ่มปรากฏแนวโน้มเสียเปรีบต่อทั้งสามบ้างแล้ว
คู่ดวงตาของเย่หยวนหรี่แคบเล็กลง ร่างกระตุกวูบปราดพุ่งเข้าหาฉินเป่ยเป็นรายต่อไป!
“จันทร์สลาย!”
……………………………………………