เมื่อกลับไปถึงตระกูลฟาง เย่หยวนก็ได้รับป้ายตราแสดงตัวตนในฐานะอาคันตุกะ พวกเขาต่างจัดเตรียมที่พักอาศัยให้เขา รวมไปถึงเงินเดือนและทาสอีกสี่คน เท่านี่เป็นอันเสร็จสรรพ
เมื่อมาถึงลานกว้างหน้าเรือนพัก เย่หยวนก็นำคนอื่นออกไปเหลือไว้แค่เพียงหลงซาน
หลงซานในปัจจุบันอายุมากกว่าร่างปลอมที่เย่หยวนเคยพบในดินแดนมรดกในตอนนั้นเสียอีก
เห็นได้ชัดว่าหลายปีมานี้ในฐานะทาส ทำให้เขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
หากมิใช่เพราะตรามังกรศักดิ์สิทธิ์มีปฏิกิริยาตอบสนอง เย่หยวนเองยังจำหน้าเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
สำหรับร่างปลอมที่เคยเจอในตอนนั้น เห็นได้ชัดว่า เขาไม่สามารถผ่านประตูผนึกดินแดนเดินทางมายังมหาพิภพถงเทียนเข้ามาได้
เย่หยวนปรับขนาดสายตาจับจ้องพร้อมท่าทีขบขันเล็กน้อย แต่นี่ทำให้หลงซานไม่สบายใจอย่างมาก
ภายในเผ่าปีศาจ หากพวกเขาไม่พอใจทาสคนใดย่อมสามารถฆ่าทิ้งได้ตลอด
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า…ไฉนข้าถึงรั้งเจ้าให้อยู่กับข้าคนเดียว?”
ทันใดนั้นเองเย่หยวนก็เอ่ยปากถามขึ้นทันที
หลงซานประสานมือกล่าวตอบพร้อมท่าทีลุกลี้ลุกลนว่า
“นายท่าน…ควรมีเรื่องสั่งการทาสคนนี้!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“เฮ้อ.. ข้าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ประมุขเผ่ามังกรผู้สง่างามท่านนั้น จะมาลงเอ่ยด้วยสภาพเวทนาเช่นนี้ …ช่างน่าเศร้านัก!”
ทั่วกายาหลงซานสั่นสะท้านหนัก เขาจับจ้องไปที่เย่หยวนพร้อมคลื่นผวนอารมณ์ที่โหมซัดเข้าใส่หัวใจทันที
“เหตุใด…เหตุใดนายท่านถึงกล่าวเรื่องนี้”
คลื่นความตกใจที่ก่อเกิดขึ้นภายในใจของหลงซานเกินจินตนาการนัก บนมหาพิภพถงเทียน ไม่มีใครเคยทราบเรื่องนี้เลย นอกจากเซียนที่เดินทางมาจากดินแดนพฤกษานิรันดร์ด้วยกันแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย
แต่จู่ๆนายท่านคนใหม่ของเขาก็เอ่ยกล่าวขึ้นมา
เย่หยวนยื่นฝ่ามือออกไป ทันใดนั้นพลันปรากฏแท่งโลหะสีนวลงามขึ้นในมือของเขา
หลงซานไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป ทั่วทั้งร่างกายของเขาสั่นสะท้านหนัก จับจ้องไปที่ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ในมือเย่หยวน เขาอ้าปากกว้าง ทว่ากลับพูดอะไรไม่ออก
“เจ้าคงคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดีใช่หรือไม่?”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
พรึบ!
หลงซานคุกเข่าและโขกศีรษะสามทีให้แก่ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ทันที
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ก็พลันเห็นธารน้ำตาอาบทั่วใบหน้าของเขา
เป็นเวลากว่าหนึ่งแสนปีแล้ว ครั้นหนึ่งมหาสมุทรเลยเป็นทุ่งรวงทอง
ทว่าอดีตประมุขแห่งเผ่ามังกรอันยิ่งใหญ่ กลับลงเอยด้วยการเป็นทาสของคนอื่น ความเป็นความตายกลันถูกกำหนดโดยผู้คนที่เป็นนาย
ความปั่นป่วนพลุ่งพล่านเข้าสู่จิตใจขของเขาเป็นชั่วเวลาหนึ่ง หลงซานในตอนนี้ยังควบคุมตัวเองได้อย่างไร?
“นะ-นายท่าน…เป็นไปได้ไหมว่า ท่าน…ท่านเคยเดินทางไปยังบ้านเกิดของหลงซาน?”
หลงซานเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
เขาไม่สามารถมองผ่านอ่านภูมิหลังของเย่หยวนออกได้เลย และคิดว่าเย่หยวนแอบเดินทางเข้าไปยังดินแดนพฤกษานิรันดร์และได้รับตรามังกรศักดิ์สิทธิ์มาโดยบังเอิญ
“หึ!”
เย่หยวนเค้นเสียงหัวรัคำหนึ่ง ทันใดนั้นตรามังกรศักดิ์สิทธิ์พลันเปล่งแสงแพรวพราว ห้วงวายุโหมกระหน่ำขึ้นจากผืนดิน แต่ระยะจำกัดอยู่เพียงสามสิบฉื่อรอบตัว
สายตาที่จับจ้องของหลงซานฉายแววตื่นตะลึงหนัก เขาอุทานขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
“ตรา…ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์…ยอมรับท่านในฐานะเจ้านาย! นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร?!”
สมาชิกเผ่าปีศาจได้ลอบเร้นเข้าไปยังดินแดนพฤกษานิรันดร์ ทั้งยังได้รับตรามังกรศักดิ์สิทธิ์มาโดยบังเอิญ แต่ไม่ว่าอย่างไร นี่กลับเป็นไปไม่ได้เลยที่ ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์จะยอมรับปีศาจเป็นนายของมัน!
ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างขึ้นโดยท่านบรรพชนรุ่นแรก มีพลังสายเลือดที่แกร่งกล้าอย่างยิ่ง แม้แต่สมาชิกเผ่ามังกรด้วยกันเองยังมิอาจได้การยอมรับจากตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นกัน
ผู้ที่สามารถได้การยอมรับจากตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ได้ ผู้นั้นมีเพียงประมุขแห่งเผ่ามังกร!
แต่ตอนนี้ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์กลับยอมรับปีศาจในฐานะเจ้าของคนใหม่ นี่จะไม่ทำให้เขาตกใจได้อย่างไร?
ทันทีทันใดรัศมีกลิ่นอายบนร่างของเย่หยวนก็เปลี่ยนไป พลังปราณปีศาจได้โคจรย้อนกลับไปกลายเป็นพลังปราณเทวะอีกครั้ง และเปลี่ยนกลับเป็นเย่หยวนคนเดิม
หลงซานตกใจแทบพังพลายลงต่อหน้า ปรากฏว่าเจ้านายของเขาเป็นมนุษย์!?
เขาปลอมตัวเป็นปีศาจ และแม้แต่ปีศาจด้วยกันเองก็ยังไม่สามารถตรวจจับความผิดปกติได้!
ทันใดนั้นเองสายตาที่จับจ้องของหลงซานพลันแปรเปลี่ยนทันที เขาเอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึงยิ่งว่า
“นายท่าน…ท่านมาจากดินแดนพฤกษานิรันดร์ใช่หรือไม่?”
เย่หยวนแสยะยิ้มกล่าวตอบว่า
“ถือว่าเจ้าไม่โง่เกินไป ข้าเองก็มีบ้านเกิดเช่นเดียวกับเจ้า ข้ามาจากดินแดนพฤกษานิรันดร์”
สีหน้าการแสดงออกของหลงซานพลันเปลี่ยนไปทันทีท เขาเอ่ยอุทานขึ้นด้วยความไม่อยากเชื่อขึ้นว่า
“เป็นไปไม่ได้! ศาสตร์แห่งสวรรค์ของดินแดนพฤกษานิรันดร์ได้สูญหายไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครสักคนสามารถข้ามผ่านห้วงอวกาศมาได้!”
ทันใดนั้นเองสีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนพลันเปลี่ยนไป เขาเอ่ยกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นว่า
“ข้าเพียงบอกกล่าวตามความจริง ตอนนี้ข้ายังไว้ใจเจ้าไม่ได้ และอย่าลืมสถานะของตัวเองในยามนี้!”
ทั่วกายาหลงซานสั่นสะท้านหนัก จากรัศมีกลิ่นอายร้อนระอุ กลายเป็นเย็นลงทันทีและประสานมือกล่าววาจานอบน้อมขึ้นว่า
“โปรดยกโทษให้ข้าด้วยนายท่าน!”
น้ำเสียงของเย่หยวนดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย กวาดสายตามองไปยังหลงซาน เขาเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“เจ้ากับข้าก็คนบ้านรากเหง้าเดียวกัน นอกจากนี้ที่ข้าได้รับมรดกอย่างตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดก็ควรต้องขอบคุณเจ้าอย่างไม่รู้จบ เช่นนั้นให้ข้าช่วยปลดปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระดีหรือไม่?”
หลงซานใจเต้นกระหน่ำดั่งจมสู่ก้นบึ้ง
สิ่งที่เย่หยวนกล่าวไปนั้นถูกต้อง หลังจากตกใจที่ได้ฟังดังนั้น เขาก็แอบดีใจอยู่ลึกๆ
เนื่องจากเย่หยวนได้รับมรดกอย่างตรามังกรศักดิ์สิทธิ์มา ยิ่งไปกว่านั้นยังมาจากดินแดนพฤกษานิรันดร์ที่เดียวกันอีก จึงเป็นไปไม่ได้ที่เย่หยวนจะไม่ช่วยเขา!
ยามนี้เขารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมากขึ้นแล้ว
แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้กลับไม่ถูกต้องนัก
“เอ่อ…ผู้ต่ำต้อยมิกล้า!”
หลงซานเอ่ยกล่าวเจือน้ำเสียงเศร้าใจ
ทันใดนั้นดวงตาของเย่หยวนหรี่แคบลงทันที แววตาสาดสะท้อนจิตสังหารไอเย็นออกมา ก่อนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นสะท้านดังว่า
“หากมิใช่เพราะตรามังกรศักดิ์สิทธิ์อันนี้ ทันทีที่ข้าเห็นเจ้า ข้าคงคิดหาวิธีฆ่าเจ้าลงไปแล้ว!”
ทันทีทันใดจิตสังหารอันเย็นยะเยือกพลันปะทุขึ้นมาจากศีรษะ ทำเอาหลงซานแทบสลบมอด
ขณะที่เย่หยวนจับตราทาส หยิบใช้เพียงความคิดเท่านั้น เขาก็สามารถบดขยี้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อีกฝ่ายให้สลายได้ในพริบตา!
“อย่าคิดแก้ตัวว่า พวกเจ้าเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าทุกคนจะมิได้ล่วงรู้การมาถึงของมหันตภัยร้ายในดินแดนพฤกษานิรันดร์! พวกเจ้าละทิ้งพวกเรานับพันล้านชีวิจหนีออกไปจากดินแดนพฤกษานิรันดร์ เพราะความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น! ดังนั้นแล้ว…ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?”
สำหรับพวกเขาที่ถือครองขุมพลังอาณาจักรพระเจ้าในเวลานั้น กลับหนีออกไปจากดินแดนพฤกษานิรันดร์อย่างเห็นแก่ตัว ได้สร้างความขุ่งเคืองใจให้แก่เย่หยวนอย่างมาก
หากมิใช่เพราะเย่หยวนสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายพอดี ท้ายที่สุดนี้ดินแดนพฤกษานิรันดร์คงกลายมาเป็นนรกบนดินไปแล้วในปัจจุบัน!
หลงซานนิ่งเรียบอยู่นานดั่งจักจั่นในฤดูหนาว และไม่กล้าเอ่ยวาจาหักล้างหรือปฏิเสธแต่อย่างใด
ชีวิตทาสอันแสนยาวนานนี้ทำให้เขากลายมาเป็นคนที่ขี้กลัวและระมัดระวังคำพูดคำจามากขึ้น
เขาในตอนนี้รู้ดีว่า หากตนเอ่ยปากกล่าวออกไปอีกสักคน อาจสร้างหายนะแก่ตัวเองได้
“เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาโดยละเอียด! หากคิดปกปิดก็เตรียมรับผลที่ตามมาได้เลย!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นชา
หลงซานมิกล้าปิดบังความจริงและเล่าอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดในตอนนั้นให้ฟังทันที
ในตอนนั้น พวกเขากระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะเดินทางออกจากดินแดนพฤกษานิรัรดร์ อนึ่งเป็นเพราะศาสตร์แห่งสวรรค์ที่ลดฮวบลงอย่างผิดปกติ และในทางตรงข้าม พวกเขาก็หวาดกลัวต่อการรุกรานของเผ่าปีศาจเช่นกัน
เนื่องจากในเวลานั้น ดินแดนพฤกษานิรันดร์ไม่สามารถให้กำเนิดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้อีกต่อไป พวกเขาไร้ซึ่งพลังอำนาจที่จะไปต่อกรกับการตื่นขึ้นอีกครั้งของเผ่าปีศาจได้เลย
ปัญหาทั้งสองข้อนี้เปรียบเสมือนหุบเขาสองลูกใหญ่ที่กดทับหัวใจของเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าทั้งหมดไว้
ในที่สุดหลังสถานการณ์ทุกอย่างสงบดีนับหมื่นปี ในที่สุดเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าทั้งหมดก็เห็นเป็นประจักษ์ เดินทางออกจากดินแดนพฤกษานิรันดร์ทันที!
และอดีตประมุขเผ่ามังกรเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกที่ริเริ่มแผนการนี้เช่นกัน
กลุ่มผู้ริเริ่มแผนการนี้คือเหล่าเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า
พวกเขารวบรวมเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าทั้งหมดบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และวางแผนการหลบหนีออกไป
หากผู้ใดกล้ารั้งรอนตัวเองและยังยืนยันจะอยู่ในดินแดนพฤกษานิรันดร์ต่อ พวกเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นที่หมายหัวและถูกคนอื่นกล่าวล้อดูถูก
โดยปกติแล้ว มิใช่ว่าพวกเขาต้องการดูถูก แต่การที่มีคนเดินทางออกไปพร้อมกันมากขึ้น มันก็ยิ่งเพิ่มหลักประกันให้พวกเขารอดชีวิตในห้วงอวกาศนี้ได้
และจุดนัดพบของทุกคนในเวลานั้นก็อยู่ที่ ทะเลมารคลั่ง!
สถานที่แห่งนี้ยังเคยเป็นสนามรบใบยุคโบราณของมนุษย์และเผ่าปีศาจมาก่อน
เหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าทิ้งมรดกมากมายภายในที่แห่งนั้น
ต่อมาพวกเขานับร้อยก็เดินทางผ่านกระแสวายุอันปั่นป่วนในห้วงอวกาศ โดยอาศัยจำนวนเป็นกลุ่มเข้าต้านรับ และหนีออกมาจากดินแดนพฤกษานิรันดร์
…………………………………