วูบ! วูบ! วูบ!
หนานฉีและเย่หยวนเคลื่อนทะยานร่างโฉบเฉี่ยว ด้วยความเร็วถึงขีดสุด
โหย่วเนี่ยเฝ้าจับจ้องภาพฉากนี้ด้วยความตื่นตาตรึงใจนัก ดั่งปรากฏเพียงภาพทับซ้อนทิ้งทวนเป็นเงาไล่หลัง ทุกคนที่จับจ้องต่างมึนงงกันเป็นแถบ
โหย่วเนี่ยนับเป็นผ้าไหมลายครามอย่างแท้จริง แม้เขาจะมีระดับพลังอยู่ที่แม่ทัพปีศาจสองดาวขั้นสุด ทว่าความแข็งแกร่งของเขายังขาดตกอยู่มาก
เขาไม่สามารถมองตามความเร็วของทั้งสองได้ทันเลย
หนานฉีคลี่กรงเล็บคู่ยาวออกมาจากข้อมือ ทันทีทันใดปราดพุ่งทะลวงกรงเล็บยาวเข้าใส่โดยตรง
ทว่าทุกครั้งไปเย่หยวนกลับเลี่ยงหลบพ้นผ่านออกไปได้
แต่ละคราที่กรงเล็บปราดพุ่ง มันเฉี่ยวซ้ายเฉี่ยวขวารอดมาได้หวุดหวิด
กรงเล็บเหล่านี้มิอาจเข้าสัมผัสร่างเย่หยวน แม้จะขาดไปเศษเสี้ยวนิ้ว แต่กลับมิอาจสัมผัสร่างได้ นี่แทบทำให้หนานฉีคลั่ง
“ไอ้เด็กเหลือขอ แน่จริงก็โจมตีข้าหากมีปัญญา! เอาแต่หนีเลี่ยงหลบนับเป็นความสามารถได้อย่างไร?”
กลางลานประลอง เสียงคำรามของหนานฉีดังขึ้นมา
“นี่คือสิ่งที่เจ้าอยากพูด?”
ร่างของเย่หยวนเคลื่อนหลบพลิ้วไปมาด้วยความเร็วสูง ทว่าเนื้อเสียงที่เอ่ยกล่าวยังคงเรียบนิ่งดูไม่เหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด
“เศษสวะ! แน่นอนนี่คือสิ่งที่ข้าอยากกล่าว! หากเจ้ามีความสามารถจริงๆ ก็จงสู้อย่างเปิดเผย! ไอ้เด็กเหลือขอหน้าหวานเป็นแต่หลบกระมัง?”
หนานฉีตะโกนอย่างสุดจะเดือดดาล
ซวบบบ!
ทันใดนั้นเอง คมดาบยาวทะลวงกะโหลกศีรษะของหนานฉีโดยตรง กระทั่งแกนวิญญาณปีศาจยังแหลกเป็นเสี่ยงๆ
เสียงคำรามของมันหยุดลงกะทันหัน
“ตอนที่ข้าเริ่มโจมตี เจ้าก็กลับตายเสียแล้ว”
ช้อนสายตาจับจ้องศพของหนานฉี เย่หยวนเอ่ยปากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“บัดซบ! สำแดงกระบวนท่านับร้อย แต่ไม่สามารถสัมผัสปลายเสื้อมันได้! มันกลับหาตระหนักถึงความแตกต่างไม่ แล้วยังท้าทายให้อีกฝ่ายโจมตี! รนหาที่ตายแล้วจริงๆ!”
โหย่วตันเค้นเสียงเย็นสะท้านเอ่ยกล่าว
โหย่วเนี่ยเอ่ยขึ้นอย่างโง่งมว่า
“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ในสายตาของหนานฉี มันมั่นใจอย่างมากว่าต้องสามารถจัดการเย่หยวนได้แน่นอน
แล้วไฉนกลับเป็นตัวมาเสียเองที่ถูกจำกัดในพริบตาเดียว?
สีหน้าการแสดงออกของไคซินแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬ ยามนี้ฉายแววประหลาดใจออกมาอยู่คู่ดวงตา เจืออารมณ์โกรธปะทุ แต่ท้ายที่สุดเขาก็เงียบสงัดไป
สายตาคู่งามของหลี่จีจับจ้องด้วยความมึนงงไม่คลายอ่อน
ทุกท่วงท่ากระบวนเคลื่อนไหวของเย่หยวน ช่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติอย่างแท้จริง
หากพินิจให้ดี ความแกร่งกล้าของเขาช่างดูน่าเกรงขามนัก และไม่สามารถจับผิดหรือหาจุดติได้เลยแม้สักนิด!
นอกจากนั้น นางยังไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เย่หยวนจะทรงพลังขนาดนี้!
ดูท่าแล้ว ตอนที่เขาสังหารหลางเก๋อ เย่หยวนยังมิได้ใช้พลังเต็มที่
“เจ้าหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก! ดูเหมือนว่าพวกเราจะประเมินเขาต่ำเกินไป!”
“แต่เดิม ใครๆต่างก็คิดว่า เขาอ่อนแอที่สุดในบรรดาทั้งสาม แต่ข้าไม่คิดเลยว่า เขากลับเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด!”
“เขาเป็นแค่แม่ทัพปีศาจสองดาวชั้นกลาง น่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
“เอ๊ะ? เขา…เขากำลังทำอะไร?”
…………………..
ท่ามกลางเสียงอุทานแซ่ซ้องของทุกคน เย่หยวนกลับเก็บดาบเข้ามากอดและค่อยๆถอยกลับไปนั่งที่ขอบสนาม สักครู่หนึ่งได้มุมดีจึงเหยียดตัวนอนลงทันที
ลั่วฉีกับเป่ยหลานเข้าสัประยุทธ์ต้านรับอย่างขมขื่น ในขณะเดียวกัน พวกมันยก็ทราบแล้วว่า ศึกด้านนั้นเย่หยวนเป็นฝ่ายชนะแล้ว
เดิมทีพวกเขาคิดว่าเย่หยวนจะมาช่วยพวกมันอีกแรง แต่ในท้ายที่สุด เมื่อสบโอกาสเหลียวมอง กลับพบว่าเย่หยวนเหยียดตัวยืดนอนบนข้างสนามไปเสียแล้ว ยามเห็นดังนั้นควันพิโรธแทบพุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของทั้งคู่
“เจ้าเด็กนี่! รีบมาช่วยพวกเราเร็ว!”
“นี่! เจ้าบรรพกาลราตรี! เจ้าไม่ต้องการสมบัติพวกนั้นรึไง?”
ทั้งสองเริ่มตะโกนโห่ลั่นด้วยความเป็นกังวลสุดขีด แต่สิ่งที่ดังตอบกลับให้พวกเขากลับเป็นเสียงกรนของเย่หยวน
ไอ้เด็กเวรตัวนี้มันหลับจริงๆ?
มันต้องบ้าแค่ไหน!
หรือไอ้เด็กเวรนี่ไม่รู้จักคำว่า วาดภาพให้ใหญ่โตก่อนเป็นอันดับแรก?
แม้ว่าทั้งคู่ขุ่นข้องหมองใจเพียงใด แต่ว่าอย่างไรพวกมันต้องชำระบัญชีแค้นแน่นอนหลังสู้เสร็จ!
ฝ่ายของโหย่วเนี่ยที่เห็นอยู่สองคน เดิมทีพวกมันคิดว่าดเย่หยวนจะเข้ามาช่วยเป็นกำลังเสริม
แต่ในท้ายที่สุดเย่หยวนกลับหลับไปจริงๆ แถมยังกรนเสียงดังมาก!
ความสุขใจนี้ล้นปรี่ขึ้นกลางอกของพวกเขาในทันทีทันใด
ความขัดแย้งกันเองก่อเกิดผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมนัก!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาเอาชนะได้แน่นอน คล้อยหลังจัดการสองตัวนี้เสร็จ จะเป็นการสัประยุทธ์แบบสองต่อหนึ่ง ซึ่งพวกมันไม่มีทางแพ้แน่นอน
ดังนั้นพวกมันจึงมีแรงฮึดขึ้นทันทีและปราดพุ่งโจมตี เล่นเอาลั่วฉีกับเป่ยหลานวุ่นวายพัลวัน
โชคยังดีที่ลั่วฉีกับเป่ยหลานยังคงแกร่งกล้าสามารถอยู่ข้าง คล้อยหลังการสัประยุทธ์แสนขมขื่นใจ ในที่สุดก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ลงได้แบบหวุดหวิด
รอบแรกผ่านไปได้แต่ก็เจียนตาย!
ทันทีที่รอบแรกจบลง ลั่วฉีแทบระเบิดอารมณ์ใส่เย่หยวน
“ไอ้หนู นี่หมายความอย่างไร? เจ้าสามารถจัดการคู่ต่อสู้ของตนได้เร็วมาก แต่กลับหาที่นอนกรนไม่หยุดอยู่ที่นี่!”
เย่หยวนเบิดตาทั้งสองข้างขึ้นอย่างช่วยมิได้ พลางขยี้ตาแลดูง่วงหาว
“หื้ม? จบแล้วรึ? ขอโทษที เมื่อวานข้านอนดึกไปหน่อย ง่วงมากเลย”
“อุ๊บ!”
ทุกคนต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที เพราะเหตุผลของเย่หยวน…ค่อนข้างไร้สาระอย่างยิ่ง
ในฐานะแม่ทัพปีศาจสองดาว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้นอนมาเป็นสิบปี แต่ก็มิอาจทำให้พวกเขาอ่อนเพลียได้เลย แต่เย่หยวนเมื่อสักครู่กลับบอกว่าตัวเองนอนดึกเลยง่วงเสียได้
ลั่วฉีใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเกลียดชังยิ่งยวด
“เจ้า!!”
ลั่วฉีโมโหจัดแทบคลั่ง
เย่หยวนลุกขึ้นยืนพร้อมบิดตัวขี้เกียจพลางหาวเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวท่าทีมิค่อยสบอารมณ์นัก
“เอ๊ะ? ก็ไม่มีใครวิ่งมาหาข้าเลย? เอ๊า พวกเราชนะหรือนี่? อืมม…ท่านพี่ทั้งสองช่างน่าเกรงขามจริงๆ บรรพกาลราตรีคนนี้ขอชื่นชม ศึกต่อสู้หลังจากนี้ข้าจำต้องพึ่งพาพวกท่านทั้งสองแล้ว”
ในขณะที่เย่หยวนเอ่ยกล่าว เขาก็ประสานมือโค้งให้ด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก นี่ทำเอาพวกมันทั้งคู่เดือดดาลหนักแทบอาเจียนเป็นเลือดสด
ท่าทีตลกขำขันของเย่หยวนได้ทำให้หลี่จีสะดุ้งเนื้อตัวสั่นเพราะเสียงหัวเราะ
สมาชิกของเผ่าปีศาจล้วนโหดเหี้ยมและบ้าคลั่งไร้ขีดจำกัด เอะอะก็คำรามฆ่าทุกครั้งไป แล้วจะมีปีศาจสักกี่ตนที่มีอารมณ์ขันแบบเย่หยวน?
หน้าตาก็ดีเลิศ ฝีมือเลิศล้ำ ทั้งยังมีอารมณ์ขันอีก
ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ ล้วนเป็นที่ใฝ่ฝันของเหล่าสตรีเผ่าปีศาจ
นี่หาใช่แค่หลี่จีเท่านั้น แม้แต่สายตาของเหลียนฮวาในขณะนี้ ยังจับจ้องเย่หยวนด้วยความหลงใหลใคร่รักยิ่ง
หลังผ่านเรื่องขำขันมา กลุ่มอื่นๆก็เริ่มจับคู่ประลองกันต่อไป
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของกลุ่มไคซินไร้เทียมทานอย่างมาก ศึกสัประยุทธ์ของกลุ่มนี้จบลงอย่างง่ายดายราวกับปัดฝุ่น
กลุ่มของโหย่วต้าสามารถเอาชนะกลุ่มของเหลียนฮวาไปได้ โดยผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
ในขณะที่กลุ่มของฟางอวี้เองก็เอาชนะกลุ่มของตระกูลโม่ได้ ส่งผลให้ขึ้นติดสี่อันดับแรกเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ตระกูลฟางจึงกำจัดกลุ่มของตระกูลโม่ได้โดยตรง
คล้อยหลังการจับฉลากรอบนี้ ปรากฏว่าคู่พี่ชายและน้องสาวตระกูลฟาง กลับถูกจัดคู่ให้มาเจ้ากันในรอบต่อไป
หลี่จีเอ่ยกล่าวด้วยวาจาสุภาพว่า
“พี่ใหญ่ มิใช่ท่านเคยบอกรึว่า คนของข้าอ่อนแอดูธรรมดา คราวนี้กลุ่มของท่านพี่กับน้องสาวคนนี้กำลังจะเข้าสัประยุทธ์กันแล้ว!”
ต่อหน้าความแข็งแกร่งของเย่หยวน ฟางอวี้เองก็ประหลาดใจอย่างมากเช่นกัน
เพียงแค่นี้เขาก็ทราบแล้วว่า ตนเข้าใจน้องสาวนางนี้ผิดไปจริงๆ
บรรพกาลราตรีมิได้มีดีแค่รูปลักษณะเท่านั้น แต่เขายังทรงพลังอย่างมากอีกด้วย!
ข้อโต้แย้งที่เย่หยวนอาศัยรูปลักษณ์มาได้ไกลขนาดนี้เป็นอันยุติลงในที่สุด ปรากฏว่าเรื่องนี้เป็นเท็จ
“หุหุ ถ้าเช่นนั้นพวกเราพี่น้องคงต้องแข่งกันสักตั้ง! ข้าขอบอกไว้ก่อนเลยว่า พวกเขาหาใช่เรื่องง่ายที่จะโค่นล้ม ต่อให้ข้าบอกให้พวกเขาล้มมวย แต่ดูท่าพวกเขาเองกลับไม่เต็มใจเช่นกัน!”
ฟางอวี้เอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ
หลี่จียิ้มและกล่าวว่า
“ข้าเองก็ไม่ยอมง่ายๆเช่นกัน!”
คู่แรกของรอบนี้คือ กลุ่มของไคซินปะทะกับกลุ่มของโหย่วตัน หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด ผลกลับกลายเป็นกลุ่มของไคซินที่ได้รับชัยชนะไป
ศึกการต่อสู้ดังกล่าว สิ่งที่ต้องถูกทดสอบมากที่สุดคือ ความสมดุลและร่วมมือกันระหว่างสามคน
และเห็นได้ชัดว่า ความสามัคคีและความแข็งแกร่งของกลุ่มไคซินทั้งสามเองก็เหนือชั้นจนน่ากลัว
ข้อได้เปรียบ ณ จุดนี้ เป็นสิ่งที่ฝ่ายสามตระกูลใหญ่ไม่สามารถโค่นฝ่ายตำหนักเจ้าเมืองได้เลย
เมื่อคู่ที่สองกำลังจะเริ่มศึกประลอง เป่ยหลานก็ดึงลั่วฉีเข้ามากระซิบว่า
“รอบนี้ หากมันยังกล้านอนหลับอีก เราจะแกล้งทำเป็นไม่ไหวและขอยอมแพ้โดยตรง! คราวนี้เด็กนั้นมีหวังหน้าถอดสีแน่นอน! กลุ่มของนายน้อยฟางอวี้เองก็หาใช่ชนชั้นกินเจไม่ ต่อให้พวกเราจะทำอย่างไรก็แพ้อยู่ดี เช่นนั้นปล่อยให้ไอ้เด็กฉลาดนั้นจัดการที่เหลือไป บางทีอาจยังพอมีหวังที่จะชนะ”
ลั่วฉีพยักหน้าและกล่าวว่า
“ตกลงตามนั้นเลย!”
……………………………………………………………….