สำหรับสมุนไพรวิญญาณที่ใช้หลอมกลั่นโอสถทองคำเลิศล้ำสำหรับการวิวัฒนาการครั้งที่สองแทบไม่มีใครเคยเห็น กล่าวได้ว่าหายากยิ่ง แต่ขุมพลังอำนาจของโถงโอสถปีศาจเองก็หาได้มีไว้แสดงเท่านั้นจริงๆ
เมิ่งฉีบอกเย่หยวนว่า ภายในครึ่งเดือนเขาจะช่วยรวบรวมสมุนไพรวิญญาณที่ต้องการมีทั้งหมดให้
ความคิดความอ่านของเมิ่งฉี มีหรือที่เย่หยวนจะมองไม่ผ่านอ่านไม่ออก? ดังนั้นเขาจึงให้สัญญากับเมิ่งฉีไว้ว่า อีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ เขาจะกลับมาบรรยายสั่งสอนเรื่องเต๋าแก่เขาอีกครั้ง
เมื่อกล่าวจบ เย่หยวนก็จากออกไปคนเดียวเดินนำหน้า
แม้ว่าหลี่จียังคงรวนเรรั้งท้ายอยู่ ทว่ายามนี้นางเองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
เย่หยวนไปยังโถงร้อยปัญญาเพื่อสอบถามข้อมูล ในขณะที่นางมิได้ออกไปไหนและอยู่แต่ในโถงโอสถปีศาจดังเดิม
หลี่จีหาใช่เด็กสาวตัวน้อยในสายตาของเมิ่งฉีแล้วในตอนนี้
นางกล่าวอันใดไป? บรรพกาลราตรีเป็นชายหนุ่มของนาง?
ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ มีหรือที่เมิ่งฉีจะไม่ใช้ประโยชน์จากมัน?
สิ่งใดกันที่ทรงอานุภาพที่สุด?
หาใช่กำปั้นบุรุษชาย แต่เป็นหมอนของสตรี!
แน่นอนว่าเรื่องจัดหาสมุนไพรวิญญาณก็เรื่องหนึ่ง
เมิ่งฉีตัดสินใจแล้วว่า จะมอบของขวัญอีกครึ่งหนึ่งให้แก่ตระกูลฟางเพื่อสร้างมิตรภาพ
ความสุขที่แรกพบประสบเจอโดยกะทันหันนี้ทำเอาฟางอวี้ลืมสิ่งที่จะทำโดยปริยาย
โอสถของโถงโอสถปีศาจค่อนข้างขาดตลาดอย่างยิ่ง แม้แต่ฝ่ายตำหนักเจ้าเมืองเองยังต้องหยิบจ่ายในราคามหาศาลเพื่อให้ได้มันมาเช่นกัน
เม็ดโอสถนับเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตระกูลหรือกลุ่มอำนาจ
สำหรับเย่หยวน ฟางอวี้รู้สึกขอบคุณเขาจากก้นบึ้งหัวใจ ยามนี้กล่าวได้ว่า เขาแทบประเคนหลี่จีส่งขึ้นบนเตียงของเย่หยวนในทันใด
ทันใดนั้นเอง ดั่งเสียงระฆังเตือนถูกตีขึ้นกลางใจ!
ชวิ้ง ชวิ้ง ชวิ้ง…
เสียงฉีกผ่านห้วงอากาศลั่นดังขึ้น หลากแสงประกายเย็นสาดสะท้อนพุ่งเข้าจู่โจมเย่หยวนด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงยิ่ง!
มันเป็นอาวุธลับที่เร้นซ่อนอยู่ทั่วบริเวณ!
“จงระเบิด!”
หัวเอ๋อทำการสร้างตราประทับขึ้นบนมีดบินเหล่านั้นให้ระเบิดกลางอากาศ คมสีเย็นนับไม่ถ้วนปลดปล่อยแรงระเบิดสกัดกั้นทุกทางหนีของเย่หยวนโดยตรง!
เมื่อใดที่มีดบินเหล่านั้นระเบิดใส่เย่หยวน ร่างของเขาคงระเบิดเป็นจุณกลายมาเป็นตอตะโก
ร่องรอยยิ้มแย้มอันเลือดเย็นพลันแสยะฉีกขึ้นบนมุมปากของหัวเอ๋อ ยามทราบว่าภารกิจของเขาได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
จอมทัพปีศาจครึ่งขั้นเฉกเช่นเขาวางแผนในยามอีกฝ่ายประมาท เย่หยวนไม่มีทางรอดพ้นจากการลอบสังหารครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน!
ทั้งหมดทุกภาพฉากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงสะเก็ดไฟแค่แวบเดียว
ไม่ว่าเย่หยวนจะแกร่งกล้าปานใด แต่ก็ไม่มีเวลาตอบสนองได้ทันเป็นแน่
หัวเอ๋อมิกลับย้อนกลับไปดูเย่หยวน เขาพยุงตัวลุกขึ้นเตรียมจากไปทันที
แต่ทันใดนั้นเอง ร่างของเย่หยวนพลันอันตรธานหายวับไปจากจุดที่ยืนอยู่!
“ดับเงาสยบมาร!”
ท่าทางการแสดงออกของหัวเอ๋อพลันแปรเปลี่ยนทันที พลันสัมผัสถึงลางสังหารสุดอันตรายที่เสียดพุ่งเข้าสู่จิตใจ
ร่างไสวเป็นเงาพร่าอันตธานวับหาย เย่หยวนปราดพุ่งเข้าหาเขาในทันใด!
เร็วเกินไป!
อาศัยความแข็งแกร่งของเขา แทบไม่สามารถตรวจจับร่องรอยของเย่หยวนได้เลย
“เพลงดาบขนนกโลหิต!”
หัวเอ๋อเอ่ยปากลั่นตะโกนเดือดดุ พร้อมร่ายสำแดงกระบวนกายทิ่มแทงไปยังเงาไสวของเย่หยวนด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
ชวิ้ง! ชวิ้ง! ชวิ้ง!
ในไม่ช้า ทั้งสองก็แลกเปลี่ยนกระบวนเดือดไม่รู้กี่สิบท่าร่าง
คลื่นลายคมพัดกระชากซากบริเวณโดยรอบจนแหลกเสียหาย
หลังจากนั้นหลายอึดใจต่อมา เย่หยวนพลันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งอยู่ห่างไปนับพันฉื่อ ใบหน้าของเขาซีดเผือกลง พร้อมลมหายใจที่เริ่มระส่ำระส่ายไม่มั่นคง เห็นได้ชัดว่าการปะทะเมื่อครู่ได้กินแรงของเขามากเกินไป
อย่างไรก็ตามแต่ ทางฝ่ายหัวเอ๋อเองก็มิได้อยู่ในสภาพที่ดีเท่าไหร่นัก การปะทะเมื่อครู่เองก็ทำให้เขาสูญเสียพลังปราณปีศาจมากมิใช่น้อย
ตั้งแต่ที่เริ่มเปิดฉากลอบสังหารเย่หยวนจวบจนตอนนี้ เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงสิบอึดใจเท่านั้น
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป!
หัวเอ๋อไม่คิดไม่ฝันเช่นกันว่า ความแกร่งกล้าของเย่หยวนจะเหนือชั้นถึงระดับนี้
หากมิใช่เพราะว่าเขาเป็นนักฆ่า ที่มีปฏิกิริยาเฉียบคมและว่องไวกว่าทั่วไป ปานนี้เขาคงไม่สามารถตอบโต้เย่หยวนได้เช่นกัน
เด็กคนนี้อันตรายเกินไป!
ในที่สุดหัวเอ๋อก็ทราบแล้วว่า ไฉนค่าจ้างของเขาถึงมีมูลค่าถึงสามสิบล้านก้อนผลึกปราณปีศาจระดับต่ำ!
ปรากฏว่าเขาต้องมาเอาชีวิตสัตว์ประหลาด!
หัวเอ๋อเป็นนักฆ่ามือฉกาจ เขารับรู้ได้ว่า การเคลื่อนไหวก่อนหน้าทำให้เย่หยวนเสียแรงไปอย่างมาก ซึ่งในตอนนี้เขาก็ไม่มีแรงมากพอที่จะตอบโต้แล้ว
ความเร็วของเย่หยวนนั้นสูงส่งยิ่ง แต่ความเร็วของหัวเอ๋อเองก็หาได้ช้าไม่
ในฐานะนักฆ่า ความเร็วนับเป็นปัจจัยสำคัญ
“เพลงดาบขนนกโลหิต!”
คมแสงโลหิตสาดกระจายส่องจรัสสารทิศ ร่างไสววูบของหัวเอ๋อปราดพุ่งเข้าใส่เย่หยวนอีกครั้งดั่งอัสนีคำรน
อย่างไรก็ตาม ยามนี้เขาไม่มีโอกาสอีกต่อไป
“หยุด!!”
วูบ! วูบ! วูบ!
ร่างทั้งห้าตรงเข้าประจัญบานสกัดกั้นหัวเอ๋อโดยสมบูรณ์
สถานที่แห่งนี้คือที่ใด? หาใช่ด้านหน้าประตูโถงโอสถปีศาจหรอกรึ? ความโกลาหลระดับนี้จะไม่ทำให้คนภายในทราบได้อย่างไร?
สีหน้าการแสดงออกของหัวเอ๋อเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเอ่ยลั่นน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ข้าเป็นคนของโถงนักฆ่า มีใครบางคนจ้างให้ข้าเอาชีวิตของเด็กหนุ่มคนนี้!”
แม้ว่าผู้อาวุโสทั้งห้าจะเป็นนักปรุงโอสถปีศาจ แต่ความแข็งแกร่งในด้านการต่อสู้เองก็หาใช่ว่าอ่อนด้อยเช่นกัน
การต่อสู้แบบหนึ่งต่อห้า พวกเขาหาได้เสียเปรียบแม้สักนิด
เหตุผลที่หัวเอ๋อกล้าลงมือที่นี่เป็นเพราะ สถานที่แห่งนี้เป็นถิ่นของพวกเขาเอง
แม้ว่าเขาจะสังหารใครไป แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงเช่นกัน
แม้ว่าโถงต่างๆภายในโถงโลหิตปรโลกจะอยู่ภายใต้หน้าที่ที่แตกต่างกัน แต่นี่ก็เปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน
แต่หัวเอ๋อไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า กลับเป็นคนของเขาเองที่เข้าขัดขวางภารกิจของตน
เขาเฝ้ารอคอยอยู่ด้านนอกตลอดเวลา จึงไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านใน เขาคิดว่าผู้อาวุโสทั้งห้าจะไม่รู้จักภูมิหลังของเขา จึงเร่งแนะนำตัวก่อนทันที
เมิ่งฉีตะคอกเสียงเย็นสวนกลับไปทันที
“เราชายชราผู้นี้มิได้ตาบอดมองไม่เห็น! ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า เจ้าเป็นคนของโถงนักฆ่า! หึ! แต่เจ้ากล้าลงมือกับอาคันตุกะคนสำคัญของโถงโอสถปีศาจจริงๆ บัญชีแค้นในครั้งนี้ พวกเราจะไปพบกับโถงนักฆ่าด้วยตัวเองในภายหลัง!”
หัวเอ๋อตกใจอย่างมาก พลางสงสัยไปว่าตนได้ยินอะไรผิดไปหรือไม่?
เหตุใดผู้อาวุโสทั้งห้าแห่งโถงโอสถปีศาจถึงออกโรงช่วยเหลือบุคคลภายนอก?
เพื่อประโยชน์ของเด็กหนุ่มคนเดียว พวกเขาถึงขั้นประกาศสงครามกับโถงนักฆ่าเลยรึ?
อาคันตุกะ?
เด็กที่เส้นผมยังไม่ขึ้นเต็มที่อย่างเขาจะมาเป็นอาคันตุกะของโถงโอสถปีศาจได้อย่างไร?
“เมิ่งฉี ความหมายของเจ้าคืออย่างไร? เพื่อประโยชน์ของคนนอกคนเดียว เจ้าถึงกับทำเรื่องผิดใจกับโถงนักฆ่าเชียวรึ?”
หัวเอ๋อเอ่ยกล่าวน้ำเสียงสุดเคร่งขรึม
เมิ่งฉีตะวาดสวนด้วยความโกรธจัด
“ท่านอาจารย์บรรพกาลราตรีผู้นี้เป็นอาคันตุกะผู้มีเกียรติสูงสุดแห่งโถงโอสถปีศาจ! ข้าเตือนเจ้าแล้ว หากกล้าแตะต้องแม้แต่เส้นผม พวกเราจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!”
เมื่อเห็นเมิ่งฉีปะทุแรงกดดันใส่อย่างเดือดดาล หัวเอ๋อก็ทราบในทันทีว่า อีกฝ่ายหาได้ล้อเล่น
ท่านอาจารย์?
หรือเป็นไปได้ไหมว่า เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นนักปรุงโอสถปีศาจด้วยเช่นกัน?
นี่มันบ้าไปกันใหญ่แล้ว!
เมิ่งฉีมีสถานะศักดิ์เป็นนักปรุงโอสถปีศาจชั้นแนวหน้าในบรรดาระดับสองทั้งหมด แล้วกลับเรียกเด็กหนุ่มคนนี้ว่าท่านอาจารย์?
หัวเอ๋อพลันรู้สึกได้ทันทีว่า ผู้อาวุโสทั้งห้าบ้ากันไปใหญ่แล้ว?
เขาตะคอกกลับเสียงเย็นสะท้านว่า
“หึ! เมิ่งฉี อย่าลืมไปเสีย เจ้ามิใช่ประมุขโถงโอสถปีศาจ! เรื่องนี้กลับเป็นภัยหาตัวเจ้าเอง!”
เมิ่งฉีในยามนี้หัวร้อนเป็นไฟแล้วเช่นกัน เขาตอกกลับตะโกนลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวขึ้นว่า
“ดี! ดีมาก! คิดหรือว่าข้ากลัวโถงนักฆ่านักหนา? วันนี้ เราชายชราสลักจำใส่ใจไว้แล้ว! ไสหัวไป!”
หัวเอ๋อกรนเสียงเย็นตะหวาดดังลั่น จากนั้นร่างของก็อันตรธานหายวับไปทันทีจากสายตาของทุกคน
เมิ่งฉีเหลียวหลังหันไปหาเย่หยวนและประสานมือกล่าวขอโทษขึ้นว่า
“เดี๋ยวนี้คนของโถงนักฆ่านับวันยิ่งกำแหงขึ้นเรื่อยๆ! เมิ่งฉีพลาดเองที่ไม่ยอมส่งท่านกลับด้วยตัวเอง จนปล่อยให้ท่านอาจารย์บรรพกาลราตรีตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เมิ่งฉีคนนี้รู้สึกละอายใจยิ่งนัก!”
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เมิ่งฉีก็รู้สึกตื่นตกใจไม่ต่าง
เขาทราบดีว่านักฆ่าคนนั้นเป็นจอมทัพปีศาจครึ่งขั้น และเย่หยวนเป็นเพียงแม่ทัพปีศาจสองดาวชั้นกลาง แต่กลับสามารถเลี่ยงหลบการโจมตีของอีกฝ่ายมาได้โดยมิได้รับบาดเจ็บใดๆ
ในตอนนี้เมิ่งฉีมั่นใจแล้วว่า จักต้องมีการดำรงอยู่อันทรงพลังหาที่เปรียบไม่อยู่เบื้องหลังเย่หยวน
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ง่ายเลย! และห้ามทำให้เขาขุ่นเคืองใจเด็ดขาด!
เย่หยวนส่ายหัวและกล่าวว่า
“เรื่องนี้มิได้เกี่ยวอันใดกับพวกเจ้า มีใครบางคนต้องการจะเอาชีวิตข้า ด้วยเห็นนี้อีกฝ่ายได้หว่านเมล็ดแห่งความเสียใจครั้งใหญ่หลวงเอาไว้แล้ว!”
ต่อให้ใช้แก้มก้นคิดไม่ว่าใครก็รู้ว่า นี่คือฝีมือของไคซินที่อยู่เบื้องหลังอย่างแม่นยำ
ลอบสังหารครั้งนี้ล้มเหลว ในคราวหน้าอีกฝ่ายอาจจ้างมาจัดการเขาจริงๆ
หรือมันคิดว่าเย่หยวนง่ายต่อการรังแกกระมัง?
……………………………………………………………….