Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1497 ฝืนเลื่อนระดับชั้น

ในวันนี้เอง อัฒจันทร์ด้านหน้าลานประลองหลักถูกจับจองจนเต็ม

สีหน้าการแสดงออกของเหล่านักสู้เปี่ยมล้นไปด้วยใบหน้าแสนตื่นอกตื่นเต้น เจือความเลื่อมใสจากก้นบึ้งของหัวใจ

‘ราชันแห่งลานประลองเลือด’หวนคืนกลับสู่ลานประลองเลือดอีกครั้ง เพียงประโยคนี้เพียงประโยคเดียวก็มากเกินพอที่จะทำให้พวกเขาตื่นอกตื่นเต้นกันได้แล้ว

เหล่าผู้คนที่นั่งรับชมอยู่โดยรอบในทุกๆวันล้วนเป็นพวกชอบเสพติดความรุนแรง

เผ่าปีศาจชื่นชอบการต่อสู้ยิ่งกว่าสิ่งใด ดังนั้นพวกเขาจึงเคารพเลื่อมใสอย่างไม่มีสิ้นสุดต่อ‘ราชันแห่งลานประลองเลือด’

ไคซินเป็นตำนานและต้นแบบในการดำเนินชีวิตต่อใครหลายคา

“ฮ่าๆๆ ข้ารอวันนี้มากว่าสองร้อยปีแล้ว ในที่สุดท่านไคซินก็กลับมาลงสนามอีกครั้ง! คราวนี้อาจยิ่งใหญ่ดุจร่ายรำกระบวนหงส์ ข้าพลาดไม่ได้จริงๆ!”

“เจ้าเดิมพันฝั่งท่านไคซินเท่าไหร่กัน?”

“เหอะ ข้าวางทรัพย์สินทั้งหมดที่มี! อัตราชนะสิบในสิบส่วนเช่นนี้ เจ้ายังลังเลอันใดอยู่อีก?”

“ข้าเดิมพันสามแสนผลึกปราณปีศาจ! นั้นเท่ากับแปดในสิบส่วนของทรัพย์สินที่ข้ามีทั้งหใด! ศึกคราวนี้มีหน้าโง่ที่ไม่รู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาท้าสู้ แตทางเบื้องบนก็ยังกล้าเปิดเดิมพันจริงๆ!”

“ใครจะไปสน! แจกเงินง่ายๆแบบนี้ทำไมจะไม่เอา!”

ทุกคนบนอัฒจันทร์ต่างรู้สึกตื่นตกตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ ไม่เพียงพวกเขาจะได้รับชมการต่อสู้ของราชันแห่งลานประลองเลือดอีกครั้ง แต่พวกเขายังสามารถทำกำไรจากช่องทางนี้ได้อีกด้วย ของดีแบบนี้พวกเขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน

สำหรับเย่หยวนที่ส่งสาสน์ท้าดวลออกไป เรื่องนี้ย่อมมีคนติดตามสงสัยโดยธรรมชาติ

แต่เมื่อพวกเขาทราบระดับพลังของเย่หยวน ทั้งหมดก็ไม่เป็นอันสงสัยอีกต่อไป

แม่ทัพปีศาจชั้นกลางท้าทายราชันแห่งลานประลองเลือด?

นี่มันเรื่องบ้าอันหากมิใช่รนหาที่ตายเฉยๆ?

พื้นที่สิทธิพิเศษระดับสองของอัฒจันทร์ถูกจับจองจนเต็มแล้วเช่นกัน

บางตระกูลที่พอมีรากฐานต่างก็จับจองเฝ้าชมอยู่แถวที่นั่งด้านหลัง

บริเวณนี้ค่อนข้างเล็กก็จริง แต่ก็ไม่เบียดเสียดเท่ากับฝั่งที่นั่งคนธรรมดาที่อยู่ด้านนอก

ประมุขตระกูลใหญ่ทั้งสี่ต่างนั่งกันพร้อมหน้า

ไคหลานเป็นประมุขตระกูลไค ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการเรื่องราวภายในตระกูล

แม้ว่าตระกูลไคจะอยู่ในตำหนักเจ้าเมือง แต่นี่ก็แตกต่างไปจากตำหนักเจ้าเมืองของที่อื่นๆ

หลังจากที่ไคซั่วแห่งตระกูลไคขึ้นปกครองเมืองหลวงคาโปน ก็ไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเขาได้

ตระกูลไคมีสมาชิกตระกูลและลูกหลานมากมายนับไม่ถ้วยน ซึ่งไคซินมีสถานศักดิ์สูงที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด

“ฟางหลิน ตระกูลฟางของเจ้าอุตส่าห์ได้นักปรุงโอสถปีศาจอันทรงพลังมาอยู่ข้างกายแท้ๆ แต่ใครจะไปคิดว่ามันกลับโง่โดยสมบูรณ์ขนาดนี้! ตระกูลฟางเตรียมเก็บศพขอเขาได้เลยนกระมัง?”

ฟางหลินเป็นประมุขตระกูลฟาง เมื่อได้ฟังเช่นนั้นเขาก็สวนตอบทันทีอย่างไม่พอใจนัก

“หึ! ใครแพ้ใครชนะกลับยังไม่ทราบ!”

ไคหลานระเบิดหัวเราะลั่นและกล่าวว่า

“ข้ารู้ว่าเด็กคนนี้แข็งแกร่งจนสามารถฆ่าพวกสุริยันดาราทั้งสามได้ด้วยตนเพียงลำพัง แต่ความแกร่งกล้าของไคซินเอง ใช่ว่าเจ้าจะไม่ทราบ? พวกเจ้าต่างรู้ดีว่าเขามีฝีมือน่าประทับใจเพียงใด ไม่ว่าเด็กของเจ้าจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่ไม่รทางพลิกสวรรค์ได้!”

ฟางหลินยกมือปัดอย่างคร้านจะใส่ใจ

“ยังไม่สายเกินไปที่จะคุยโม้หลังจากไคซินชนะ!”

ไคหลานระเบิดหัวเราะลั่นเป็นคำรบสอง

“ดี! ดี! ดีมาก! เช่นนั้นหลังจากไคซินชนะและสับเจ้าเด็กนั้นเป็นเนื้อบด แล้วข้าจะมาโม้ให้ฟังใหม่ ฮ่าๆๆๆ…”

ฟางหลินส่งสายตาสาดสะท้อนเล็กน้อยอย่างเยียบเย็น และมิได้เอ่ยปากใดๆอีกต่อไป

เขาเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลที่จะเชื่อได้เช่นกันว่า เย่หยวนจะเอาอะไรไปชนะอีกฝ่าย

ในทีแรก เมื่อเขารู้ว่าตระกูลฟางของตนได้พานพบกับนักปรุงโอสถปีศาจระดับสองที่ทรงพลังยิ่ง ฟางหลินรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับสามวันสามคืน

แต่ยังไม่ทันได้เฉลิมฉลองอันใด ทุกอย่างกลับกำลังจะจบลงเสียแล้ว

“หลี่จี ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับบรรพกาลราตรีใกล้ชิดที่สุดแล้ว เจ้าบอกได้หรือไม่ว่า เขามีโอกาสชนะมากน้อยเพียงใด?”

สีหน้าการแสดงออกของหลี่จีก็ดูเลวร้ายอย่างมาก นางส่ายหัวตอบ เพราะไม่รู้จะเอ่ยกล่าวอันใดออกมา

ในเมื่อเย่หยวนส่งสาสน์ท้าดวลให้ไคซิน แสดงว่าเขาไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าไคซินคนนี้น่ากลัวเพียงใด

ฉายา‘ราชันแห่งลานประลองเลือด’ไคซินมิใช่ได้มาง่ายๆ!

นางไม่คิดเลยว่า เย่หยวนจะออกมามาท้าทายไคซินเช่นนี้จริงๆ หากนางรู้เรื่องนี้ก่อนหน้า หลี่จีไม่มีทางยอมให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นแน่นอน

ทว่าตอนนี้ ลูกธนูที่ยิงออกไปแล้วกลับไม่สามารถเรียกคืนแก้ไขได้

ในเวลานี้เอง กรรมการของลานประลองเลือดก็เดินขึ้นมาใจกลางสังเวียน และเประกาศกล่าวเสียงดังฟังชัดว่า

“วันนี้เป็นศึกสัประยุทธ์ระหว่าง คนที่ทุกคนต่างรู้จักกันดีในนาม‘ราชันแห่งลานประลองเลือด’ท่านไคซิน ในขณะที่อีกฝ่าย เป็นอาคันตุกะชั้นสูงของตระกูลฟาง บรรพกาลราตรี! เมื่อสองเดือนก่อน บรรพกาลราตรีได้ส่งสาสน์ท้าดวลให้ไคซิน โดยมีชีวิตและความตายเป็นเดิมพัน!”

สิ้นเสียงป่าวประกาศของกรรมการ เสียงสนทนาแซ่ซ้องพลันดังขึ้นท่ามกลางฝูงชนดั่งน้ำขึ้นบนอัฒจันทร์ในทันใด

“ท่านไคซินโปรดสังหารไอ้คนโง่เขลาคนนั้นทิ้งไปซะ! มันประเมินความสามารถตนเองสูงเกินไป!”

“ราชันแห่งลานประลองเลือดจงเจริญ! ราชันแห่งลานประลองเลือดจงเจริญ!”

“ท่านไคซิน ข้ารักท่าน!”

แม้ว่าไคซินจะรามือไปจากลานประลองเลือดมากว่าสองร้อยปีแล้ว แต่ชื่อเสียงความนิยมของเขาภายในนี้ก็ยังคงสูงมาก

คนที่เคารพสรรเสริญเขามิได้มีเพียงเหล่าบุรุษชาย แม้แต่เหล่านารีนักสู้หรืออิสตรีผู้สูงศักดิ์เองต่างก็ชื่นชมกันเป็นอย่างมาก

พวกนางไม่จำต้องคงมารยาทความยับยั้งชั่งใจใดๆ แต่ละคนต่างตะโกนส่งเสียงให้กำลังใจไคซินไม่หยุดปาก

สำหรับเย่หยวน เขาราวกับเป็นคนตายไปแล้วในสายตาของฝูงชนเหล่านี้

กว่าสองร้อยปีที่ผ่านมา ไคซินสังหารเหล่ายอดฝีมือในระดับชั้นเดียวกันจนสิ้น และด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา มันก็เกินหยั่งรู้ไปได้แล้ว

“ราชันแห่งลานประลองเลือด ท่านไคซิน โปลดลงสนาม!”

หลังจากสิ้นเสียงกรรมการ เสียงกรีดร้องก็ดังกังวานทั่ว

ไคซินในชุดอาภรณ์สีขาวค่อยๆย่างกรายเดินออกมา โดยพกพาความหยิ่งผยองไว้อัดแน่น

ความรู้สึกเช่นนี้…ข้ามิได้สัมพันธ์มานานยิ่งแล้ว!

เสียงให้กำลังใจอันอึกทึกหาได้ทำให้ไคซินรู้สึกประหม่าไม่ ในทางตรงข้ามเขาสงบนิ่งจนน่ากลัวผิดปกติ

กวาดสายตาจับจ้อง เขาในตอนนี้ได้หวนกลับมาสู่ลานประลองเลือดอีกครั้งแล้วในรอบสองร้อยปีที่ผ่านมา

ซึ่งความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาเองก็ไม่สามารถเปรียบได้กับในอดีตอีกต่อไป

แต่เมื่อกลับมายืน ณ จุดนี้อีกครั้ง ความโหดเหี้ยมเลือดเย็นของเขาดั่งวันวานพลันหวนกลับมาด้วยเช่นกัน

การสัประยุทธ์โดยมีชีวิตและความตายเป็นเดิมพัน ทำให้เขาไม่เคยประมาทต่อคู่ต่อสู้แม้นสักคน บางทีอาจมีม้ามืดเร้นแฝงอยู่ในฝูงชน

“ท่านบรรพกาลราตรี โปรดลงสนาม!”

ทันใดนั้นเองพลันปรากฏเย่หยวนในชุดคลุมสีดำทมิฬย่างกรายเดินออกมา

การปรากฏตัวของเย่หยวนพลันทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที

“มิใช่ว่าบรรพกาลราตรีเป็นเพียงแม่ทัพปีศาจชั้นกลางหรอกรึ? ไฉนตอนนี้กลับกลายมาเป็นแม่ทัพปีศาจชั้นปลายแล้ว?”

“เวลาเพียงปีเดียว เขาสามารถเลื่อนระดับได้จริงๆ?”

“ไม่น่าแปลกใจว่าไฉนเขาถึงกล้าท้าทายท่านไคซิน ปรากฏว่าเขายังพอมีดีอยู่บ้าง!”

“เหอะ เหอะ แค่เลื่อนระดับชั้นกลับเปล่าประโยชน์ สำหรับท่านไคซินที่อยู่ในขอบเขตจอมทัพปีศาจครึ่งขั้นมาเนิ่นนาน เขาสามารถทะลวงขึ้นกลายเป็นจอมทัพปีศาจเต็มขั้นได้ทุกเมื่อ! สุดท้ายนี้บรรพกาลราตรีก็ยังต้องตาย!”

ยามข่าวแพร่กระจายออกไปก่อนหน้านี้ เย่หยวนยังเป็นแค่แม่ทัพปีศาจชั้นกลาง แต่เมื่อเย่หยวนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง รัศมีความแกร่งกล้าของเขากลับทะลวงขึ้นเป็นแม่ทัพปีศาจชั้นปลายเรียบร้อยแล้ว!

“เด็กคนนี้ฝืนเลื่อนระดับชั้น ดูเหมือนว่าพวกเราจะประเมินเขาสูงเกินไป!”

คุนหมิงเอ่ยกล่าวขึ้นพลางถอนหายใจ

สีหน้าการแสดงออกของอินทรีโลหิตไม่สู้ดีนัก เขากล่าวว่า

“มันจบแล้ว! การเดิมพันครั้งนี้เกินเลยไปมาก! กำไรในช่วงหลายปีมานี้กำลังจมหายไปกันตา!”

 ไคซินที่เห็นเย่หยวนในคราแรก สีหน้าแววตาทอประกายบประหลาดใจเล็กน้อย ในไม่ช้าค่อยแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสุดเย้ยหยัน

“ข้าไม่คิดเลยว่า เจ้าจะฝืนเลื่อนระดับชั้นได้ คงพยายามอย่างหนักเพื่อการประลองครั้งนี้? หุหุ แต่คิดหรือว่าแค่ทะลวงฝ่าระดับพลังย่อยแค่นี้ จะสามารถฆ่าข้าได้?”

ไคซินเอ่ยกล่าวพราวระเบิดหัวเราะขบขัน

สำหรับนักสู้ที่ฝืนเลื่อนระดับชั้น นับเป็นข้อห้ามสำคัญที่ไม่พึงกระทำเด็ดขาด เพราะนั้นจะทำให้รากฐานพลังของคนนั้นๆไม่มั่นคง

ไคซินและฉินเทียน อัจฉริยะเหล่านี้ล้วนมีความเร็วในการบ่มเพาะพลังที่สูงมาก แต่พวกเขาก็สกัดปราบปรามระดับพลังตนเองเอาไว้ เพื่อมิให้เลื่อนระดับชั้นเร็วเกินไป ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาสมดุลของรากฐานพลัง

แต่เย่หยวนที่เลื่อนระดับชั้นได้อย่างรวดเร็วภายในปีเดียว นี่เห็นได้ชัดว่า เขากำลังฝืนเลื่อนระดับพลัง

แม้ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้น แต่นั่นก็ไม่ต่างอะไรจากระเบิดเวลาเลย

ซึ่งมันสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ

…………………………………

Unrivaled Medicine God

Unrivaled Medicine God

Type: Author: ,
จักรพรรดิโอสถแห่งยุคได้ถูกก่อกบฏโดยผู้ทรยศ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…แผ่นดินไร้ซึ่งนาม ฉิงหยุนซี และผู้ได้รับ แพรไหมหมื่นปี ก่อนที่จะสิ้นชีพลง…. กาลเวลาผ่านไป…เขาได้กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายเจ้าของคนเก่ากำลังเดินเล่นอยู่ใน สำนัก… ข้าจะทลายสวรรค์ให้สิ้น…ด้วยโอสถในมือข้า! A Pill Emperor of his generation was set up by a traitor. Since then, the world lost a Qingyun Zi and gained an invincible silkpants. Once again, walking the Great Dao of Alchemy. How can I defy the heavens . . . with the medicine in my hands!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset