“ถูกต้องแล้ว! เจ้าทำให้ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีขุ่นเคืองเพราะตัวเอง อย่าลากเราลงไปเอี่ยวด้วย!”
“กลับไปซะ กลับไป! พวกเรารอท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีมากว่าครึ่งเดือนแล้ว อยากตายก็ไปตายเอง! อย่ามากลากพวกเราลงไปด้วย!”
“ข้ายังต้องรอคอยให้ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีหลอมกลั่นโอสถให้เพื่อช่วยชีวิต! หากยังไม่รีบออกไป เป็นตายข้าขอสู้กับเจ้า!”
…
ในเวลานี้เองภายในโถงโอสถปีศาจอัดแน่นไปด้วยธารฝูงชน และทุกคนต่างชี้หัวหอกไปที่คงเซียวอย่างพร้อมเพรียง
กงเซียวค้นพบว่ายามนี้ตนได้กลายมาเป็นหนูน้อยที่กำลังข้ามถนน ทุกคนต่างแหกปากไสส่งตะโกนลั่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหวู่ห่าวและฤทัยเหล็ก ทัศนคติของทั้งสองในตอนนี้ ทำให้เขาโมโหจัดผลาญด้วยไฟแห่งความโกรธ
เจ้าสหายสองตัวนี้ต้องการเหยียบหัวของเขาเพื่อเอาใจบรรพกาลราตรี!
เขาในตอนนี้ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแล้ว
ต่อให้ใบหน้าของเขาจะหนาด้านเพียงใด แต่ขืนอยู่ต่อไปเกรงว่าจะอันตรายถึงชีวิตได้
“พวกเจ้าสองคนจำเอาไว้! กลับก็กลับ! ใครจะไปกลัว! หึ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเด็กเหลือขอคนเดียวจะสามารถทำให้พวกเจ้าทะยานขึ้นสวรรค์ได้!”
เมื่อกล่าวจบคงเซียวก็ลาจากไปด้วยความไม่พอใจ
เดิมทีเขาคิดว่า ตนเป็นถึงนักปรุงโอสถระดับสาม ทั้งยังมีสถานะศักดิ์เป็นถึงประมุขโถงโอสถปีศาจ เย่หยวนจำต้องให้หน้าเขาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ใครจะไปคิดว่าไอ้เด็กเหลือขอตัวนี้กลับไม่ไว้หน้าเขาเลย!
ต่อหน้าสาธารณชนผู้คนมากมาย ใบหน้าของเขาแตกละเอียดโดยสมบูรณ์
สำหรับภาพฉากตรงหน้านี้ เย่หยวนหาได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
เขาเองก็มีทิฐิความหยิ่งทะนงของตัวเอง ความภาคภูมิใจของเขาไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย้ำดูหมิ่นได้โดยง่าย
ในเมื่อคงเซียวดูหมิ่นศักดิ์ศรีของเขาในฐานะนักหลอมโอสถ อีกฝ่ายเองจำต้องรับผลจากการกระทำของตนเช่นกัน
“ต่อไป เริ่มหลอมกลั่นโอสถ!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวเอ่ยตอบอย่างเฉยชา
ไม่ว่าใครต้องการโอสถประเภทใด เย่หยวนย่อมหลอมกลั่นได้ตามสั่ง
ตราบใดที่พวกเขาไม่สร้างปัญหา แม้ว่าจะเป็นโอสถระดับชั้นใดย่อมไม่มีปัญหาเช่นกัน
ถึงเย่หยวนไม่ได้ร้องขอ แต่ภายในโถงโอสถปีศาจในยามนี้กลับเงียบสงัดลงอย่างน่าประหลาดใจ กล่าวได้ว่า เพียงเข็มตกลงพื้น ทว่าก็ยังได้ยินชัดเจน
เมื่อเย่หยวนหลอมกลั่นโอสถเม็ดแรกเสร็จสิ้น เหล่านักปรุงโอสถก็ราวกับถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที
“นี่…นี่เสร็จแล้วรึ?”
หวู่ห่าวกระพริบตาปริบๆสองสามคราก่อนจับจ้องอย่างไม่กล้าเชื่อสายตาเท่าไหร่นัก
นี่คือโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองชั้นต่ำ ผู้คนโดยส่วนใหญ่สามารถหลอมกลั่นได้ก็จริง
แต่ตั้งแต่เริ่มตั้งเตาจวบจนตอนนี้ เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น!
นี่…มันไม่เร็วเกินไปหน่อยรึ?
อวี้โม่และคนอื่นๆในที่แห่งนี้ คุ้นเคยกับความสามารถของเย่หยวนมาเนิ่นนานแล้ว ยามนี้เอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“หรือเป็นอย่างอื่นได้? คิดว่าข้าจะเรียกใครก็ได้ว่าปรมาจารย์? โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองทั่วไป ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีใช้เวลาไม่เกินหนึ่งชั่วยามเท่านั้นในการหลอมกลั่น หากยากกว่านั้นเล็กน้อยคงใช้เวลาไม่เกินสามชั่วยาม”
คู่ดวงตาของหวู่ห่าวเบิกกว้างสว่างไสวขึ้น ก่อนจะเอ่ยอุทานอย่างเหลือเชื่อขึ้นว่า
“ไม่มีทางใช่ไหม? นี่…นี่น่าทึ่งเกินไปแล้ว! คะ-คุณภาพโอสถล่ะ?”
อวี้โม่ยิ้มและกล่าวว่า
“จะไปรู้รึหากมิลองไปดู?”
ในเวลานี้เอง เย่หยวนก็เปิดหม้อหลอมโอสถขึ้นมา
เหล่าผู้คนต่างร้องขอพินิจมองเม็ดโอสถใบหน้าแดงก่ำด้วยความกระวนกระวายใจยิ่ง
แม้ว่าโอสถยังไม่ออกมาจากหม้อหลอม แต่เขาก็ดูมิได้กังวลกับคุณภาพที่ออกมาเลย
ฝ่ามือเย่หยวนพลันสั่นกระตุกเล็กน้อย ทันทีทันใด เม็ดโอสถก็ลอยออกมาพร้อมวางลงภาชนะหยกอย่างประณีต
สายตาทุกคู่รวมทั้งของหวู่ห่าวและฤทัยเหล็กต่างจับจ้องไปยังโอสถเม็ดนั้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!
ขั้นเทวะ!
สวรรค์! ภายในระยะเวลาหนึ่งชั่วยาม สามารถหลอมกลั่นได้โอสถขั้นเทวะ!
สายตาของข้ามีปัญหาแล้วกระมัง?
มิใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ตกใจ เสียงร้องอุทานดังลั่นทั่วทั้งโถงกว้าง เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างตกตะลึงยิ่งกับผลลัพธ์ที่ออกมาและความสามารถของเย่หยวน
ทักษะหลอมกลั่นโอสถของเย่หยวนช่างลึกซึ้งและยากจะหยั่งถึงเกินไป พวกเขาไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือกลิ่นอายแห่งเต๋าที่ระดมสั่งสมอยู่บริเวณโดยรอบหม้อหลอม
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็สามารถเข้าใจความเก่งกาจของเย่หยวนผ่านระดับคุณภาพของโอสถได้!
กล่าวได้ว่า สำหรับนักปรุงโอสถระดับสามการจะหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งให้ได้ขั้นเทวะ ก็แทบเรียกได้ว่าปาฏิหาริย์บังเกิดแล้ว
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองขั้นเทวะ ไม่มีใครกล้าจินตนาการด้วยซ้ำว่าจะได้เห็นกับตา!
“โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะ! ปรากฏว่ามันเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะจริงๆ! ข้าไม่เคยเห็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะมาก่อนเลยในชีวิตนี้!”
เสียงอุทานดังลั่นมาจากในหมู่ของนักปรุงโอสถปีศาจระดับสอง
เหล่านักสู้ที่ต่อแถวรอการหลอมกลั่นโอสถอยู่นั่นเอง พวกเขาจับจ้องไปยังกลุ่มนักหลอมโอสถหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาดูการหลอมกลั่นโอสถของเย่หยวนเป็นครั้งแรก ราวกับกำลังมองคนโง่และกล่าวขึ้นว่า
“โอสถที่ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีหลอมกลั่นขึ้นมา หากผู้ใดได้คุณภาพต่ำกว่าขั้นสวรรค์นับว่าต้องโทษดวงตะชาตนเองแล้ว ไฉนคนพวกนั้นต้องทำตัวตื่นตกตื่นใจอะไรขนาดนั้น? นี่มันเรื่องปกติ!”
“ถูกต้อง! เหมือนนักปรุงโอสถระดับสามที่ถูกไล่ออกไปก่อนหน้า? ชายคนนั้นต้องปัญญาอ่อนเพียงใด ถึงกล่าวลบหลู่ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรี! กระทั่งนักปรุงโอสถระดับสามยังเรียกท่านว่าปรมาจารย์เช่นกันเมื่ออยู่ต่อหน้าท่าน!”
อีกคนกล่าวเสริม
“หากคุณภาพต่ำกว่าขั้นสวรรค์ นับเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ควรเสนอมอบออกไป?”
มุมปากของบรรดานักหลอมโอสถระดับสองพลันกระตุกขึ้นทันที พวกเขาไม่เคยเห็นใครหลอมกลั่นโอสถได้สูงถึงขั้นเทวะมาก่อนเลยในชีวิต!
ไม่ เดี๋ยวก่อน กล่าวได้ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นใครหลอมกลั่นได้สูงกว่าขั้นยอดเยี่ยมมาก่อนเลยดีกว่า!
นักปรุงโอสถแห่งโถงโอสถปีศาจสาขาเมืองหลวงคาโปนต่างคุ้นชินกับภาพฉากนี้มานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกว่า ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่ถ้าหากเย่หยวนหลอมกลั่นแค่ขั้นสวรรค์จริงๆ นั่นแหละที่พวกเขาควรประหลาดใจ
หวู่ห่าวและฤทัยเหล็กต่างสบตากันไปมา แววตาทั้งคู่ล้วนทอประกายความประหลาดใจออกมาประจักษ์ชัด
แม้พวกเขาจะทราบนานแล้วว่า ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีน่าประทับใจเพียงใด แต่ความประทับใจที่ได้เห็นกับตากลับน่าเหลือเชื่อเกินกว่าจินตนาการมากมายนัก
แค่พินิจมองระหว่างกระบวนการหลอมกลั่นโอสถของท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีก่อนหน้านี้ พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าท่านมาจากโลกที่แตกต่างจากทั้งคู่โดยสิ้นเชิง!
ในฐานะนักปรุงโอสถปีศาจระดับสาม พวกเขากลับไม่สามารถเข้าใจการหลอมกลั่นของเย่หยวนได้เลย!
ต่อหน้าเย่หยวน พวกเขาเปรียบเสมือนกับคนที่ไม่รู้จักวรยุทธ์บ่มเพาะพลังมาก่อน และกำลังเฝ้ามองผู้ไร้เทียมทานทะยานสู่สวรรค์หยั่งลึกถึงใต้พิภพ
ต่อให้ไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนคือความน่าประทับใจเกินพรรณนา
ในตอนนี้พวกเขารู้สึกยินดีปรีใจเป็นอย่างยิ่งที่มิได้เลือกอยู่ข้างเดียวกับคงเซียว
หากพลาดการบรรยายครั้งนี้ พวกเขาต้องรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิตเป็นแน่!
นักสู้คนนั้นรับโอสถไปพร้อมแสดงความขอบคุณและจากออกไป คนต่อไปตรงเข้ามาพร้อมมอบสมุนไพรวิญญาณจัดเตรียมไว้ให้เสร็จสับพร้อมสูตรโอสถ
เย่หยวนไม่คิดจตะหยุดพักแม้แต่น้อย ก่อนจะเริ่มหลอมกลั่นต่อทันที
หวูห่าวและที่เหลือเฝ้ามองเย่หยวนหลอมกลั่นต่อไป พวกเขารู้สึกตื่นตกตื่นเต้นชนิดแทบลืมหายใจ กล่าวได้ว่าจับจ้องไม่กล้าละสายตาออกเพราะกลัวว่าจะพลาดระละเอียดยิบย่อยไป
ขั้นเทวะ!
ขั้นเทวะ!
และก็ยังเป็นขั้นเทวะ!
ครึ่งวันผ่านพ้น เหล่าผู้คนที่เข้ามาดูและเรียนรู้ต่างยืนอึ้งตะลึงงัน พร้อมความรู้สึกแสนประหลาดใจ
เมื่อเห็นสีหน้าการแสดงออกบนใบหน้าของผู้คนเหล่านั้น กลุ่มนักปรุงโอสถปีศาจแห่งโถงโอสถปีศาจสาขาเมืองหลวงคาโปนทุกคน ต่างเผยรอยยิ้มคลี่ออกมาเล็กน้อยประดับใบหน้าทุกคน
ในอดีต พวกเขาเองก็เคยเป็นเหมือนผู้คนเหล่านี้เช่นกัน ที่ตื่นตะลึงประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกนั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นความมึนงงแทน
ระดับชั้นการหลอมกลั่นของท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีหาใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้เลย
เพราะเหตุนี้เอง โถงโอสถปีศาจแห่งเมืองหลวงคาโปนจึงเคารพเลื่อมใสเย่หยวนประดุจเทพสวรรค์จุติลงมา
ในยามเย็น เย่หยวนค่อยๆลุกขึ้นและกล่าวว่า
“วันนี้ยุติแต่เพียงเท่านี้ ค่อยดำเนินการต่อในวันต่อไป”
ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนพร้อมทำความเคารพ ก่อนเลี่ยงหลบเปิดเส้นทางให้เย่หยวนจากออกไป ก่อนจะจับกลุ่มสนทนากันลือลั่น
“ราวกับเป็นงานศิลปะสุดน่าอัศจรรย์ยิ่ง! นี่คือผลงานศิลปะชั้นเลิศ! มันคือผลงานชิ้นเอกที่เกิดขึ้นจากการหลอมกลั่นโอสถ!”
หวูห่าวถอนหายใจด้วยความชื่นชมไม่หยุดหย่อน
“การเดินทางมาครั้งนี้มิได้คว้าน้ำเหลว! การเดินทางครั้งนี้ช่างมีประโยชน์มหาศาลยิ่ง! เฮ้ออ…อิจฉาพวกเจ้าจริงๆที่สามารถรับชมท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีหลอมกลั่นโอสถได้ทุกวัน นับว่าต้องมีบุญขนาดไหน!”
ฤทัยเหล็กกล่าวขึ้นเจือความอิจฉาไม่รู้จบ
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนพวกเจ้าถึงพัฒนากล้าแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด ด้วยคำสอนสั่งที่ท่านบรรพกาลราตรีมอบให้แก่พวกเจ้า มันทำให้ข้ารู้สึกอิจฉาเจียนตาย!”
ประมุขโถงโอสถปีศาจจากอีกเมืองกล่าวขึ้นด้วยความอิจฉาเช่นกัน
…………………………………