“น้องอวี้หาน เจ้าเป็นถึงจ้าวทัพปีศาจผู้สูงส่งแสนสง่างาม ทั้งยังเป็นประมุขโถงโลหิตปรโลกอีก แต่นักปรุงโอสถปีศาจสองดาวตัวจ๋อย เจ้ากลับปราบยศมิได้หรอกรึ?”
เบื้องหน้าของอวี้หาน ณ ขณะนี้ปรากฏเป็นชายในชุดคลุมสีดำ สีหน้ายามนี้ของเขาค่อนข้างทมึนมืดมนนัก เห็นได้ชัดว่าหาได้มีความสุขอย่างใด
อวี้หานเห็นว่าอีกฝ่ายหงุดหงิด แต่นางกลับยิ้มหวานกล่าวว่า
“พี่ใหญ่โม่หาน กล่าวถูกต้องแล้ว! รอจนกว่าจะเดินทางไปสู่ซากโบราณสถาน ท่านสามารถจัดการเขาได้ตามต้องการ แต่ตอนนี้ข้ามิอาจกำราบเขาได้จริงๆ! ท่านอย่าคิดตั้งคำถามนี้เลย เด็กคนนั้นฉลาดเป็นกรดและหาใช่เรื่องง่ายที่จะคลุกคลี สิ่งใดที่เขาไม่เต็มใจแม้ท่านจะหักขาเขาไปข้าง แต่เขาก็ไม่ยอมถอยกลับง่ายๆเช่นกัน!”
โม่หานคนนี้เป็นประมุขโถงโลหิตปรโลกสาขาเมืองหลวงมรกตทมิฬ
คงเซียวทำได้เพียงรายงานเรื่องนี้กลับไปผ่านช่องทางลับอย่างจนปัญญา
โม่หานมองว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นเขาจึงรีบเดินทางออกจากเมืองหลวงมรกตทมิฬทันที
เขาทราบดีว่าเมืองหลวงมรกตทมิฬในขณะนี้กลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นไปแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาโกรธมากจนตบคงเซียวไปหลายครั้ง
หากมองข้ามมิได้พิจารณาถึงทักษะหลอมกลั่นโอสถของเขาที่ค่อนข้างใช้ได้ ปานนี้เขาคงฆ่าคงเซียวทิ้งไปโดยตรงแล้ว
โกรธก็ส่วนโกรธ แต่สิ่งที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้คือการแก้ไข
ดังนั้นแล้วเขาจึงเดินทางเข้าพบอวี้หานเป็นการส่วนตัว แต่ใครจะไปรู้ว่าแม้กระทั่งนางเองยังไม่มีปัญญา!
จ้าวทัพปีศาจไม่สามารถกำราบแม่ทัพปีศาจให้อยู่ในอาณัติได้ ใครทราบคงไม่หัวเราะท้องแข็งกันเลยกระมัง?
โม่หานเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นชืดดังว่า
“เจ้าไม่มีปัญญาจัดการเขาใช่ไหม? เช่นนั้นข้าจะไปพบเขาเป็นการส่วนตัว! อยากจะเห็นเสียจริงว่ากระดูกมันจะแข็งสักเพียงใด!”
อวี้หานเอ่ยตอบน้ำเสียงเย็นว่า
“หากท่านต้องการจะไปกดดันอีกฝ่าย เกรงว่าอย่าไปเสียดีกว่า! ไม่ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่หากท่านทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมา กระทั่งข้าเองก็ไม่สามารถสะสางปัญหาหลังจากนั้นได้! ท่านเองก็ควรทราบ การเดินทางเข้าสู่ซากโบราณสถานครั้งนี้มันหมายความอย่างไร ข้าไม่ต้องการให้เขาขุ่นเคืองใจจนกระทบกับเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่ควรทราบเขายังติดพันธสัญญาเลือดกับข้าอยู่!”
สีหน้าการแสดงออกของโม่หานดทมิฬมืดลงเล็กน้อย ขณะกล่าวว่า
“ความหมายของเจ้าคือ จะให้ข้าไปขอร้องมัน?”
อวี้หานยิ้มและกล่าว่า
“ทำไมล่ะ? อย่าคิดว่าสถานะของท่านสูงส่งปานนั้น ท่านยังมิทราบ สถานะปัจจุบันของเขาในหมู่นักปรุงโอสถปีศาจ แม้แต่ท่านยังเทียบเคียงไม่ติด! อย่าว่าแต่นักปรุงโอสถระดับสอง กระทั้งนักปรุงโอสถปีศาจระดับสามนังปฏิบัติต่อเขาด้วยความสุภาพราวกับศิษย์ผู้ภักดีคนหนึ่ง เพียงว่าระดับพลังของเขายังขาดตกไปเสียแค่นั้น เมื่อเขาเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือท่านกลับไม่มีคุณสมบัติมองหน้าเขาด้วยซ้ำ!”
สายตาที่จับจ้องของโม่หานหรี่แคบแฝงนัยจริงจังขึ้นเล็กน้อย มองไปที่อวี้หานด้วยความประหลาดใจ
นี่ไม่ประเมินค่าอีกฝ่ายสูงเกินไปหน่อยรึ?
เขารู้แล้วว่าเย่หยวนคนนี้มีความสามารถที่น่าเกรงขามยิ่ง แต่ความเข้าใจของเขาทั้งหมดล้วนมาจากคำบอกเล่า
โม่หานเดินทางมาหาอวี้หานเป็นการส่วนตัว เนื่องจากเขายังไม่เข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันชัดแจ้งดี
หรือเป็นไปได้ไหมว่า บรรพกาลราตรีคนนั้นจะน่าเกรงขามถึงระดับชั้นที่ว่ากล่าวไปจริงๆ?
“เอาล่ะ ข้าสัญญาจะไม่ยัดเยียดหรือบังคับเขา! ข้าอยากจะเห็นเช่นกันว่ามันเป็นเด็กแบบไหน”
โม่หานกล่าวน้ำเสียงเข้ม
…
“ไม่มีทาง!”
เมื่อเย่หยวนเห็นถึงความจุดประสงค์การมาของโม่หาน เขาก็ทิ้งมวนสามพยางค์นี้งออกมาโดยตรง
สีหน้าการแสดงออกของโม่หานมืดลงทันใด
เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้มันไม่หยิ่งผยองเกินไปหน่อยรึ?
เขาเป็นถึงประมุขโถงโลหิตปรโลกผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังแกร่งกล้าระดับชั้นจ้าวทัพปีศาจ แต่เด็กคนนี้กลับกล่าวออกมาง่ายๆเช่นนี้ตามตรง?
โม่หานแทบจะเดือดขึ้นทันทีที่ได้ยิน แต่พลางเห็นอวี้หานขยิบตาเชิงว่าให้ใจเย็นลงก่อน
โม่หานเร่งเก็บงำความโกรธลงในใจทันทีและกล่าวว่า
“เรื่องนี้เป็นความผิดของคงเซียวทั้งหมด และข้าเองก็ลงโทษเขาอย่างสาสมแล้ว ทั้งยังปลดเขาออกจากตำแหน่งประมุขโถงโอสถปีศาจ! ท่านปรมาจารย์บรรพกาลรราตรี ท่านเป็นคนจิตใจกว้างขวาง อย่าเสียเวลาก้มใส่ใจคนอย่างเขาเลย”
แม้เขาจะกล่าวด้วยวาจาแสนสุภาพเช่นนั้น แต่การที่จ้าวทัพปีศาจอย่างเขาต้องลดศีรษะให้กับจอมทัพปีศาจตัวน้อยเช่นนี้ นับเป็นความอัปยศอดสูอย่างไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน
หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องราวทั้งหมด รวมถึงเรื่องซากโบราณสถาน เขาจะหาโอกาสจัดการเจ้าตัวน้อยนี้แน่นอน
ต่อหน้าสายตาอันเฉียบคมของเย่หยวน เขาจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าคำกล่าวอีกฝ่ายมันก็แค่ลมปากไร้ซึ่งความจริงใจ?
เขาเอ่ยตอบอย่างเฉยเมยว่า
“ข้ามีหลักการของข้า ในเมื่อข้ากล่าวแล้วว่าเมืองหลวงมรกตทมิฬขึ้นบัญชีดำ ก็คำไหนคำนั้น ต่อให้ใครมาขอร้องอ้อนวอนก็เปล่าประโยชน์เช่นกัน!”
“เจ้า!”
โม่หานมิอาจระงับความโกรธได้ไหวแล้ว ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้มันขวางโลกเกินไป!
เขาเป็นถึงจ้าวทัพปีศาจ อุตส่าห์ยอมลดหัวกล่าวขนาดนี้แล้ว แต่เย่หยวนกลับไม่ยอมแพ้แม้กระทั่งจะแยแสไม่!
“เอาล่ะ หากต้องการสิ่งใดอย่างลังเลที่จะกล่าว! ตราบใดที่เราสามารถให้คนของเราเข้าฟังการบรรยายของท่านได้ ข้ายินดีจ่ายแน่นอน!”
โม่หานกล่าว
อวี้หานที่นั่งอยู่ข้างๆพลันเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างอดมิได้ ไฉนถึงฟังดูแปลกพิกล
รู้สึกดั่งว่า…ปัญหากำลังจะมาในไม่ช้า
แต่โม่หานกลับไม่คิดเช่นนั้น ตอนนี้เขากำลังโกรธเกรี้ยวทั้งยังขื่นขมยิ่งภายในใจ แล้วจะไปมีอารมณ์คิดเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนยังคงกล่าวเสียงเย็นตอบไปว่า
“ท่านประมุขโถงใหญ่โม่หาน ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว ต่อให้ท่านมอบตำแหน่งประมุขโถงใหญ่ให้ แต่ข้าก็ไม่สนใจเช่นกัน โปรดกลับไปเถิด”
ในท้ายที่สุดนี้ โม่หานก็อดทนอดกลั้นระงับความโกรธไม่ไหว พร้อมระเบิดออกมาทันที
“เจ้า! ไอ้เด็กเหลือขอ! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าผู้นี้ไม่กล้าทำอะไรเจ้า!?”
ในขณะที่เอ่ยกล่าว แรงกดดันอันทรงพลังพลันแผ่ออกมาจากร่างของโม่หานพร้อมปราดพุ่งใส่เย่หยวนโดยตรง
อวี้หานเองก็เตรียมตัวมาพักใหญ่แล้ว นางเร่งปลดปล่อยแรงกดดันออกมาทันทีเพื่อสกัดกั้นแรงกดดันของโม่หาน
“พี่ใหญ่โม่หาน อย่าผลักดันจนไกลเกินไป! หากท่านทำตัวเช่นนี้ ข้าเองก็จะไม่เกรงใจแล้วเช่นกัน!”
อวี้หานคำรามเสียงทุ้มต่ำเข้าใส่
โม่หานเอ่ยตอบทันควันว่า
“อวี้หาน คราวนี้ข้าเห็นแก่หน้าเจ้า! ไอ้เด็กเวร อย่าให้หลุดมาอยู่ในมือข้า! มิฉะนั้นเตรียมตัวตายอย่างน่าสยดสยอง!”
สิ่นเสียงกล่าวจบ โม่หานก็พุ่งทะลุห้วงแห่งความว่างเปล่าและอันตรธานหายไปทันที
อวี้อานหันควับจับจ้องไปที่เย่หยวนและเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มแสนขมขื่นอย่างอดมิได้ว่า
“ไฉนเจ้าต้องทำเช่นนี้? มีอะไรในตัวเจ้าที่สามารถต่อกรกับจ้าวทัพปีศาจได้บ้าง?”
แต่เย่หยวนกล่าวตอบอย่างเฉยเมยว่า
“แม้ฟ้าจะถล่มลงมา มิใช่ว่าท่านประมุขโถงใหญ่อวี้หานก็ยังให้การช่วยเหลือ? บางสิ่งกระทำลงไปแล้ว จำต้องรับผลที่ตามมา”
อวี้หานมองเย่หยวนเจือความขุ่นเขืองใจไม่น้อย นางกล่าวว่า
“เจ้านี่มันหัวรั้นจริงๆ!”
…
เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ยังคงมีนักปรุงโอสถปีศาจเดินทางเข้ามารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆในเมืองหลวงคาโปน
ในครั้นบางที ตอนนี้เมืองหลวงคาโปก็กลายมาเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่านักปรุงโอสถปีศาจไปแล้ว
จากสถิติล่าสุดของโถงโอสถปีศาจของเมืองหลวงคาโปร มีนักปรุงโอสถปีศาจเข้ามารับฟังการบรรยายของเย่หยวนมากกว่าห้าพันคนแล้ว
นักปรุงโอสถเหล่านั้นล้วนแต่เป็นระดับจอมทัพปีศาจกันทั้งสิ้น
คนอื่นๆหรือแม้แต่จะเป็นนักปรุงโอสถปีศาจของเมืองหลวงคราโปนก็ตาม คนเหล่านี้ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะฟังเย่หยวนบรรยาย
แน่นอน เหล่านักปรุงโอสถปีศาจทั่วทั้งเมืองหลวงคาโปนล้วนแต่เคยได้ยิน ชื่อเสียงคำเลื่องลือของท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีกันมาหมดแล้ว
เพียงว่าโชคร้ายเกินไปที่พวกเขามิได้อยู่ในสถานะที่จะเข้ารับฟังได้ จึงไม่มีโอกาสได้เก็บเกี่ยวจันทรามาไว้ข้างกาย
มีหรือที่โถงโอสถปีศาจจะปล่อยให้กลุ่มอิทธิพลอื่นเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากแหล่งของตนเอง?
นักปรุงโอสถปีศาจของโถงโอสถปีศาจทุกคนรู้สึกเป็นเกียรตินักที่ได้รับโอกาสดีเช่นนี้
ณ ปัจจุบันมีนักปรุงโอสถมากมานแหแหนกันเข้ามา ราวกับเดินทางมาแสวงบุญที่เมืองหลวงคาโปน
เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเกินไป โถงโอสถปีศาจจึงไม่สามารถรองรับเหล่านักปรุงโอสถปีศาจได้ทั้งหมด
ดังนั้นแล้วจึงมีกำหนกการในภายหลังว่า มีเพียงประมุขโถงโอสถปีศาจจากเมืองหลวงต่างๆเท่านั้นที่สามารถเข้าไปด้านในเพื่อฟังการบรรยายได้
ในที่สุดวันที่มาบรรยายก็มาถึง
เหล่านักปรุงโอสถปีศาจต่างพูดกันปากต่อปาก และกล่าวขานถึงความแกร่งกล้าของเย่หยวนว่าน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
การบรรยายครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่ามีผู้คนนับล้าน
…………………………………