ต่อหน้าดาราสวรรค์สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนดูอิดโรยเป็นอย่างมาก ผิวพรรณใบหน้าซีดเซียวราวกับป่วยเป็นโรคร้าย
เมื่อเห็นสภาพเย่หยวนดังนั้น ดาราสวรรค์ก็พอใจเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าสภาพของเขาเองก็มิได้ดีไปกว่าเย่หยวนเท่าไหร่นัก
พลังวิญญาณของเขาถูกคั่นชนิดที่ว่าแทบแห้งเหือดโดยหวูเฉินและกุ้ยหยุนในช่วงหลายวันมานี้
แม่ว่าพลังวิญญาณของดาราสวรรค์จะกล้าแกร่ง แต่ภายใต้ความกระหายของหวู่เฉินและกุ้ยหยุน มีปริมาณมากขนาดไหนก็ไม่เพียงพอ ไหนเลยไข่มุกสยบวิญญาณยังเป็นถึงสมบัติเวทย์สวรรค์ในตำนานอีก
“ท่านอาวุโสดาราสวรรค์ เรื่องที่ท่านเคยเสนอไปเมื่อหลายวันก่อน ข้าได้พิจารณาแล้ว ข้าตัดสินใจเข้าร่วมกับโถงโลหิตปรโลก!”
เย่หยวนกล่าว
“ฮ่าๆๆ น้องชายคนนี้นับเป็นคนฉลาดโดยแท้! น้องบรรพกาลราตรี เจ้าการันตีความสำเร็จในอนาคตได้เลย การเข้าร่วมฝักฝ่ายเดียวกับพวกเราโถงโลหิตปรโลกนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว! การเดินทางเข้าสู่ซากโบราณสถาน ข้าจะไปพร้อมกับพวกเจ้าทุกคน หลังจากที่เจ้าออกมาจากที่นั่นแล้ว ข้าจะพาเจ้ากลับสู่เมืองจักรพรรดิโดยตรง!”
ดาราสวรรค์เอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะดีใจ
“ท่านอาวุโสจัดการได้ตามสมควร”
เย่หยวนในปัจจุบันราวกับสูญเสียเขี้ยวเล็บไปเสียแล้ว จากพญาเสือแสนหยิ่งผยองกลับกลายมาเป็นว่านอนสอนง่ายไปซะแบบนั้น
เพียงลงแรงลงความพยายามเสียหน่อยในตอนแรก ยามนี้กลับสบายมากนัก
ดาราสวรรค์เป็นเพียงตัวแทนของโถงโลหิตปรโลกแห่งเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะเท่านั้น เพื่อกำราบเย่หยวนมิให้กล้ารุนแรงพวกเขาเกินไป
ชีวิตของเย่หยวนถูกผูกไว้ในมือเขาแล้วตั้งแต่นี้และต่อไป
แต่ในทางตรงกันข้ามเอง เขายังต้องคิดหาวิธีปัดเป่าคำสาปภายในใจของเย่หยวนด้วย
มิฉะนั้นหากเกิดเหตุอันใดร้ายแรงเสียก่อนในอนาคต เขาคงแย่เช่นกัน
นอกจากนี้มันยังช่วยสร้างสัมพันธ์อันดีกับยอดอัจฉริยะคนนี้ภายในตัวเช่นกัน
ดังนั้น นี่คือสาเหตุที่เขาเรียกเย่หยวนเปรียบเสมือนน้องชาย และปฏิบัติตัวดีกับเขา ทุกคนกล่าวล้วนฟังดูจริงใจเป็นอย่างยิ่ง
“ฮ่าๆ น้องบรรพกาลราตรีโปรดยกโทษให้พี่ชายคนนี้ด้วย ประมุขโถงใหญ่ต้องการตัวเจ้ายิ่งกว่าสิ่งใด แต่ในขณะเดียวกันก็ทราบด้วยว่า เจ้าคงไม่ยอมฟังโดยง่ายจึงเป็นเหตุให้เราคิดแผนเช่นนี้ขึ้นมา แต่เจ้ามั่นใจได้เลยตราบใดที่เจ้ายินดีที่จะเข้าร่วมกับพวกเราโถงโลหิตปรโลก เหตุการณ์ดั่งหลายวันก่อนจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแน่นอน นอกจากนี้ข้าจะหาทางช่วยเจ้าด้วย!”
คำกล่าวของดาราสวรรค์ฟังดูจริงใจอย่างมาก
แต่เย่หยวนกลับมิได้โกรธโมโหใดๆ เขาเร่งกล่าวตอบทันทีว่า
“ท่านอาวุโสใจดีเกินไป! บรรพกาลราตรีคนนี้มิกล้า!”
ถึงบอกว่ามิกล้า แต่สีหน้าของเย่หยวนกลับดูไม่ค่อยมีความสุขนัก
ดาราสวรรค์ลอบสังเกตเห็นพร้อมเอ่ยหัวเราะขึ้นว่า
“โอ้น้องชายอย่าทำสีหน้าเช่นนั้นเลย! หม้อหลอมโอสถของพี่คนนี้ใช้งานมากว่าหมื่นปีแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นหม้อหลอมคู่กายข้า ตอนนี้น้องชายเองก็ยังไม่มีหม้อหลอมดีๆกระมัง? เช่นนั้นพี่คนนี้ขอมอบให้!”
หม้อหลอมโอสถขนาดจิ๋วปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือดาราสวรรค์ ก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมตั้งลงตรงหน้า
กลิ่นอายบรรพกาลลึกล้ำหาที่เปรียบไม่กระจายไปทั่วทั้งห้องทันที
สายตาการจับจ้องของเย่หยวนแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนจะอุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า
“นี่หรือว่า…สมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำ?”
ยามนี้เห็นสีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนที่เปลี่ยนไป ดาราสวรรค์พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตามที่คาดไว้ไม่มีผิด สำหรับนักปรุงโอสถปีศาจแล้ว หม้อหลอมโอสถนี่แหละคือสิ่งล่อตาล่อใจที่สุด!
การมอบสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำเป็นของกำนันให้เช่นนี้ กล่าวได้ว่าดาราสวรรค์เจียดเนื้อเลือดตกออกไปมิใช่น้อยเลย
ระดับชั้นของสมบัติจ้าวปีศาจเลิศล้ำอยู่สูงเสียยิ่งกว่าเครื่องรางสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามนุษย์!
สิ่งนี้คือสมบัติคู่กายของยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า และภายในเผ่ามนุษย์เรียกกันว่า สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ
สมบัติแต่ละระดับขั้นจะชื่อเรียกตามอาณาจักรพลังที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
อย่างเช่นหากเป็นสมบัติที่ยอดเซียนอาณาจักรนภาสวรรค์ใช้ สิ่งนั้นจะถูกเรียกว่า สมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำเป็นต้น
ดังนั้นแล้วทางฝ่ายมนุษย์จะเรียกมันว่า สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ ในขณะที่เผ่าปีศาจจะเรียกสิ่งนี้ว่า สมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำนั้นเอง
ชื่อเรียกขานแตกต่างกันก็จริง แต่คุณสมบัติโดยส่วนใหญ่แทบเหมือนกันหมด
เพียงว่าสมบัติของเผ่าปีศาจย่อมเหมาะสำหรับเผ่าปีศาจมากกว่า
การจะหลอมสร้างสมบัติเลิศล้ำเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนยิ่ง เพียงเครื่องหลอมสวรรค์ระดับสี่ทั่วไปไม่สามารถหลอมสร้างสมบัติเลิศล้ำขึ้นมาได้ แม้นต้องใช้เวลากว่าหลายพันปี
ดังนั้นแล้วสมบัติเลิศล้ำแต่ละชิ้นจึงมีค่าอย่างประเมินไม่
สำหรับเหล่านักสู้แล้ว สมบัติเลิศล้ำนับว่ามีเสน่ห์ดึงดูดเป็นอย่างยิ่งยวด
และหาใช่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าทุกคนที่จะสามารถครอบครองสมบัติเลิศล้ำเหล่านี้ได้
เมื่ออวี้หานทที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นภาพฉากนี้เข้า นางก็อดยกมือป้องปากมิได้ด้วยความอิจฉา
ลูกตาของนางแทบถลนออกมาด้วยซ้ำ
นางขึ้นกลายมาเป็นจ้าวทัพปีศาจมานานกว่าสองหมื่นปีแล้ว แต่กลับไม่มีสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
เย่หยวนเป็นแค่จอมทัพปีศาจตัวน้อย แต่กลับได้ครอบครองหม้อหลอมโอสถระดับชั้นสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำแล้ว!!
ท่านดาราสวรรค์ใจใหญ่ลงทุนมิใช่น้อยจริงๆ!
“หุหุ น้องบรรพกาลราตรีมีสายตาเฉียบคมเสียจริง! สิ่งนี้ชื่อว่า หม้อหลอมพิสุทธิ์มณีเหลือง เป็นสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำระดับต่ำ สิ่งนี้เป็นหม้อหลอมประจำกายข้ามากว่าห้าหมื่นปี วันนี้…ขอมอบให้แก่น้องชายแทนคำขอโทษ!”
ดาราสวรรค์ดูใจกว้างมากเมื่อเขาเอ่ยกล่าวออกมาเช่นนี้
โชคยังดีที่ประมุขโถงสัญญากับเขาไว้ว่า ตราบใดที่สามารถพาบรรพกาลราตรีกลับมาได้ ท่านประมุขโถงจะตบรางวัลเป็นสมบัติจ้าวทัพปีศาจระดับกลางให้ มิฉะนั้นเขาไม่ยอมมอบหม้อหลอมพิสุทธิ์มณีเหลืองให้คนอื่นประเคนถึงมือเช่นนี้แน่นอน
ถึงกระนั้นเอง สำหรับดาราสวรรค์เอง เขาก็ตั้งใจจะมอบของกำนัลแก่เย่หยวนอยู่แล้ว
แต่ใครจะไปคิดว่าสิ่งมอบให้จะมีค่ามหาศาลปานนี้?
เย่หยวนเองก็แอบประหลาดใจอยู่เช่นกันเกี่ยวกับเรื่องนี้
ดาราสวรรค์เป็นคนใจกว้างขวางโดยแท้จริง ไม่เพียงสละพลังวิญญาณตนให้เป็นของขวัญแก่หวูเฉินและกุ้ยหยุนไว้กลืนกิน ตอนนี้อีกฝ่ายยังมอบสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำให้แก่เขาอีกด้วย!
จุจุ ตาแก่ตนนี้ใจใหญ่นัก!
เย่หยวนจับจ้องดาราสวรรค์ด้วยความสงสัยและเอ่ยถามว่า
“ให้ข้าคนนี้จริงๆรึ?”
ดาราสวรรค์ยิ้มและกล่าวตอบไปว่า
“นี่ข้ายังล้อเล่นกับน้องชายกระมัง? ข้าปลูกคำสาปวิญญาณเลือดในกายเจ้าอย่างไม่มีทางเลือกจริงๆ เพราะพวกเราต้องการตัวเจ้ายิ่งกว่าใครๆ! ดังนั้นสิ่งนี้เกิดขึ้นไปแล้ว ข้าจึงมอบหม้อหลอมพิสุทธิ์มณีเหลืองนี้ให้แก่เจ้าเป็นคำขอโทษ เจ้าต้องเลี้ยงดูมันให้ดีด้วยพลังวิญญาณปีศาจ ต่อแต่นี้มันเป็นของเจ้าแล้ว!”
เย่หยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งกับเรื่องนี้ พร้อมพยักหน้ากล่าวว่า
“เช่นนั้น เนื่องจากท่านอาวุโสดาราสวรรค์จริงใจต่อข้าขนาดนี้ หม้อหลอมพิสุทธิ์มณีเหลือง บรรพกาลราตรีคนนี้ขอรับไว้ด้วยความเต็มใจ!”
ทันทีที่ดาราสวรรค์ได้ยินเช่นนั้น พลันอดหัวเราะมิได้อย่างดีอกดีใจและกล่าวขึ้นว่า
“ฮ่าๆ น้องชายคนนี้ตรงไปตรงมาจริงๆ! ในอนาคตต่อไป เมื่อเดินทางไปถึงเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะแล้ว หากน้องชายต้องการหรือประสงค์สิ่งใดอย่าเกรงใจที่จะเอ่ยกล่าว บอกพี่ชายคนนี้ได้ตลอด เพราะในเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะ ข้ายังพอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง!”
เย่หยวนคลี่ยิ้มกว้างขณะประสานมือกล่าวว่า
“หากเช่นนั้น บรรพกาลราตรีคนนี้ขอขอบคุณท่านอาวุโสไว้ล่วงหน้า”
…
เมื่อกลับไปยังตระกูลฟาง หลังจากที่เย่หยวนได้หม้อพิสุทธิ์มณีเหลืองมา เขาก็ลองหลอมกลั่นโอสถทันที ปรากฏว่ายิ่งใช้เท่าไหร่เขาก็ยิ่งติดใจมากขึ้นเท่านั้น
“จุจุ สมแล้วที่เป็นสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำ ปรากฏว่ามีผลช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ไฟศักดิ์สิทธิ์ การหลอมกลั่นโอสถต่อไปในอนาคต จำต้องฝากตัวไว้กับมันเสียแล้ว!”
“คุณภาพในการหลอมกลั่นโอสถเพิ่มขึ้นอย่างมาก! ตอนนี้ยามข้าหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ!”
“หื้ม? นี่คืออะไรกัน?”
เย่หยวนที่กำลังเอ่ยปากชื่นชมอยู่ ทันใดนั้นเอง ภายในหม้อหลอมพิสุทธิ์มณีเหลืองก็มีรัศมีพลังขุมหนึ่งไหลเวียนอยู่อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งพวกมันดูลึกลับยิ่ง
“นั้นคือพลังพิสุทธิ์มณีเหลือง!”
หวูเฉินกล่าวอธิบาย
“พลังพิสุทธิ์มณีเหลือง?”
เย่หยวนที่ได้ฟังดังนั้นพลันฉงนใจไปชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“เมื่อยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าสร้างดินแดนขึ้นมา จะให้กำเนิดพลังพิสุทธิ์มณัเหลืองเช่นนี้! ทุกครั้งที่เจ้าหลอมกลั่นโอสถ มันจะทำหน้าที่คงรักษายอดเต๋าของเจ้ามิให้หายไปไหน”
หวูเฉินอธิบาย
เย่หยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง ถึงว่าเหตุใดภาพฉากที่ได้สัมผัสยอดเต๋ายังคงสดใหม่อยู่ตลอดภายในใจ
มีพลังฟ้าดินช่วยเหลือในการหลอมกลั่น ช่างเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม
“สมแล้วที่เป็นสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำ! นี่ข้าไม่ต่างอะไรกับเสือติดปีกเลย!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างสุดแสนจะพอใจ
หวูเฉินระเบิดหัวเราะดังลั่น
“ตาแก่ดาราสวรรค์อะไรนั้นใช้กลอุบายเล่ห์เหลี่ยมสารพัด แต่สุดท้ายกลับตัดชุดแต่งงานให้เจ้าทุกที่ทุกเวลา เมื่อมันพบว่าขันที่มันกำลังใช้ตักเป็นตะแกรงขึ้นมาในภายหลัง สงสัยเสียจริงว่ามันจะมีสีหน้าเช่นไร! ฮ่าๆๆๆ…”
…………………………………………………………..