โม่หานตรงเข้ามาปิดกั้นเส้นทางของทั้งสามโดยตรง เขามาเคียงคู่กับเด็กหนุ่มคนหนึ่งผู้มีแววตาใสบริสุทธิ์และดูสำรวมละเอียดอ่อนยิ่ง
เย่หยวนปรับขนาดสายตาจับจ้องวิหคเพลิงอสูรตนนี้ครู่หนึ่ง ก่อนจะพบว่าสายตาอันลึกลับของชายหนุ่มคนนี้นิ่งสงบไร้ระลอกคลื่นอารมณ์ใด เห็นได้ชัดว่าหาใช่คนที่จะต่อกรด้วยโดยง่าย
อวี้หานขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงชืดชาขึ้นว่า
“โม่หาน นี่เจ้าหมายความอย่างไร?”
ดวงตาคู่นั้นของโม่หานหรี่แคบลงเล็กน้อย เขากล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“ไม่มีอันใดทั้งนั้น สำหรับท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีแล้ว ข้ามีเรื่องที่ต้องตอบแทนเสียเล็กน้อย เจ้าไม่คิดเช่นนั้นรึ?”
สำหรับเย่หยวนคนนี้ โมหานรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เพราะปัจจุบัน เขากลายมาเป็นตัวตลกประจำโถงโลหิตปรโลกไปเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาเองยังถูกประมุขโถงคนอื่นล้อเลียนไม่หยุดปาก
อย่างไรก็ตาม ถึงเขาจะถูกล้อเลียนน่าอับอายเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรเย่หยวนได้เลย
โม่หานหาใช่คนโง่ไม่ เขาทราบดีว่าเย่หยวนคนนี้ได้รับการสนับสนุนดูแลจากโถงโลหิตปรโลกสาขาใหญ่แน่นอน
ท้ายที่สุดแล้ว อัจฉริยะด้านหลอมกลั่นโอสถที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าขึ้นได้ก็หายากเกินเสาะหาได้แล้วในชั่วชีวิตนี้
แต่ก่อนหน้านี้เองเขาต้องหักหน้าหรือเอาชนะเย่หยวนอะไรได้บ้าง มิฉะนั้นคงยากที่จะปัดเป่าความเกลียดชังภายในใจนี้ลงไป
ข่าวเรื่องดาราสวรรค์ที่เดินทางมาหาเย่หยวน มีเพียงอวี้หานคนเดียวเท่านั้นที่รู้
ตอนนี้ดาราสวรรค์ปลอมแปลงใบหน้าตัวเองและซ่อนรัศมีกลิ่นอายของตนเอาไว้อย่างมิดชิด ยืนอยู่ด้านหลังของอวี้หานราวกับคนรับใช้แก่ชราคนหนึ่ง กระทั่งโม่หานเองยังจำอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่น้อย
เย่หยวนเหลือบมองโม่หานเล็กน้อยและกล่าวเสียงเย็นชืดดังขึ้นว่า
“ไม่ว่าจะเป็นกลเม็ดเล่ห์เหลี่ยมอันใด อย่าได้ลังเลที่จะหยิบใช้!”
แต่โม่หานพลันแสยะยิ้มกล่าวว่า
“เหอะ ยังหยิ่งผยองไม่เปลี่ยน! สิ่งที่จำเป็นชิงดีชิงเด่นภายในซากโบราณสถานแห่งนี้หาใช่เรื่องหลอมกลั่นโอสถ แต่เป็นวรยุทธต่อสู้! เจ้าคิดว่าการเอาชนะไคซินได้จะทำให้ตนไร้เทียมทานภายใต้สวรรค์แห่งนี้กระมัง? แม้เจ้าจะเป็นอัจฉริยะ แต่ภายใต้ซากโบราณสถานแห่งนี้ เจ้าก็อย่าสำคัญตัวผิดไป!”
คำกล่าวเหล่านี้นับเป็นการคุกคามเย่หยวนอย่างชัดแจ้ง
“หึ! ประมุขโถงโม่หานช่างน่าประทับใจเสียจริง! เจ้าหาญกล้าแม้กระทั่งคิดวางแผนต่อต้านคนของสาขาใหญ่กระมัง?”
สุ้มเสียงเย็นชืดเอ่ยดังสนั่นจากเบื้องหลังอวี้หาน
โม่หานที่ได้ยินเช่นนั้นพลันขมวดคิ้วแน่นทันที ขณะที่กำลังจะตะหวาดกลับด้วยความโมโหจัด ทันใดนั้นเขาก็เห็นเปลวไฟสีครามอ่อนวิ่งเต้นปรากฏอยู่บนปลายนิ้วของคนรับใช้ชราด้านหลังอวี้หาน
รูม่านตาดำของโม่หานหดลงเท่ารูเข็มในทันใด เขาในยามนี้ตกใจสุดขีด!
เปลวไฟสีครามอ่อนนี้หาใช่ใดอื่น มันมีชื่อว่า เพลิงครามสวรรค์ ซึ่งเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวของผู้อาวุโสดาราสวรรค์แห่งเมืองจักรพรรดิ!
นี่ยังต้องกล่าวอธิบายอันใดให้มากความอีก!
ปรากฏว่าคนรับใช้ชราคนนี้กลับเป็นผู้อาวุโสดาราสวรรค์ที่ปลอมตัวมา!
บุคคลระดับชั้นเช่นนี้ถึงกับเดินทางมาด้วยตนเอง!!
โม่หานยามนี้หน้าถอดสีเหงื่อตกในทันใด ขณะที่กำลังจะโค้งคำนับ ดาราสวรรค์ก็ส่งเสียงเอ่ยขึ้นขัดก่อนว่า
“รู้แล้วก็จงเงียบไว้! การเดินทางมาครั้งนี้ของเราชายชราถือเป็นความลับ หากเจ้ากล้าเรียกชื่อข้า เศษเสี้ยวชีวิตน้อยๆของเจ้าอาจสูญสลายในพริบตา! นอกจากนี้เจ้าควรเตือนคนที่เจ้าพามาด้วย หากพวกเขากล้าแตะต้องบรรพกาลราตรี เจ้าคงรู้ถึงผลที่ตามมา!”
โม่หานเหงื่อแตกพลั่กไม่หยุด ยามนี้ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง
ตอนแรกเขาคิดว่า ตนหวังจะใช้โอกาสนี้สั่งสอนเย่หยวนให้เข็ดหลาบซะบ้าง แต่ไปเลยจะคาดฝันว่าผลกรรมจะติดทะยานเร็วปานนี้ ถึงขั้นที่ว่าผู้อาวุโสดาราสวรรค์เดินทางมาด้วยตัวเอง!
“ฮ่าๆ น้องสาวอวี้หานของเรามาแล้ว! คำนับท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรี!”
“น้องสาวอวี้หานของเรา คราวนี้เจ้ามาช้า!”
“น้องอวี้หาน ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรี พวกเราเหล่าประมุขโถงใหญ่ต่างต้องขอบคุณจริงๆ!”
…
ในเวลานี้เองมีคำจำนวนไม่น้อยเพิ่งสังเกตเห็นอวี้หาน พวกเขาเหล่าประมุขโถงจึงเร่งตรงเข้ามาทักทายทันที
เมื่ออโม่หานเห็นฉากนี้ก็ราวกับตนหลุดจากบ่วงกรรมออกมาทันที ก่อนจะก้าวถอยออกไปอย่างสงบสำรวมยิ่ง จนตอนนี้เขาหรือจะกล้ากล่าวอันใดอีก?
แม้เรื่องที่เย่หยวนสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าจะเป็นความลับต่อโลกภายนอก มีเพียงบุคคลระดับสูงของโถงโลหิตปรโลกเท่านั้นที่ทราบ แต่เรื่องที่เย่หยวนเปิดการบรรยายให้เหล่านักปรุงโอสถระดับสูงฟังกลับหาใช่ความลับไม่
เหล่าประมุขโถงเหล่านี้มีเหตุผลชัดเจนที่เข้ามาท้าทายประจบเช่นนี้
ยกเว้นเสียแล้วว่า เหล่าอัจฉริยะหนุ่มสาวที่พวกเขาพามาโดยส่วนใหญ่ ล้วนปลีกวิเวกเก็บตัวอยู่คนเดียวมาโดยตลอด
พอเห็นว่าบุคคลระดับชั้นจ้าวทัพปีศาจสุภาพกับแม่ทัพปีศาจขนาดนี้ พวกเขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“เด็กคนนั้นคือใคร? ระดับพลังของเขาอ่อนด้อยยิ่ง แต่ปรากฏว่าคนสำคัญมากมายกลับยังต้องให้ความเคารพเขา?”
“มากกว่าให้ความเคารพเสียอีก ไฉนข้าถึงรู้สึกว่า…เหล่าท่านประมุขโถงใหญ่กำลังประจบเขา?!”
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กนี่จะเหนือชั้นกว่าพวกเราแล้ว? นี่…นี่เป็นไปไม่ได้?”
“บัดซบ! พวกเจ้าเคยรู้อะไรกันบ้าง? เด็กคนนั้นเป็นนักปรุงโอสถปีศาจแห่งยุค! ฟังว่าฝีมือการหลอมกลั่นโอสถของเขาแกร่งกล้าอย่างมาก! ครั้นล่าสุดในเมืองหลวงคาโปน เขาจัดการบรรยายเรื่องเต๋าแห่งโอสถให้แก่เหล่าประมุขโถงโอสถปีศาจจากเมืองหลวงต่างๆฟังนับพันหมื่น!”
“อะไรนะ?! นักปรุงโอสถปีศาจระดับสองสั่งสอนเหล่าท่านประมุขโถงโอสถปีศาจ? นี่…นี่ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านประมุขโถงใหญ่จึงสุภาพกับเขาขนาดนี้!”
…
เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายรวมตัวเข้าจับกลุ่มสนทนากันและเรื่องซุบซิบคุยเรื่องเย่หยวนกัน
ในไม่ช้าพอพวกเขาทราบ‘เรื่องราวความเป็นมา’ของเย่หยวน ทุกคนก็กระจ่างแจ้งในทันใด
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ฟังว่าเย่หยวนเป็นยอดฝีมือด้านหลอมกลั่นโอสถ พวกเขาก็หมดความสนใจไปในทันที
ถึงจะเป็นยอดฝีมือด้านหลอมกลั่นโอสถ ฝีมือฉกาจเพียงใด แต่เขาจะสร้างภัยคุกคามให้แก่เหล่าอัจฉริยะอย่างพวกเขาได้มากเพียงใด?
สุดท้ายนี้นี่คือการเดินทางเข้าสำรวจซากโบราณสถาน หาใช่ประลองหลอมกลั่นโอสถ!
ในขณะนั้นเอง คลื่นพลังปราณสุดแกร่งกล้าพลันปะทุขึ้น รัศมีกลิ่นอายสุดแสนทรงพลังเข้าครอบงำทั่วทั้งท้องนภา
“ผู้อาวุโสตี้เอ๋อ!”
เหล่าประมุขขโถงใหญ่ต่างโค้งคำนับให้ในทันที
เห็นได้ชัดว่าสถานศักดิ์ของท่านตี้เอ๋อผู้นี้ในโถงโลหิตปรโลกค่อนข้างสูงอย่างมาก
ตี้เอ๋อเหลือบมองดาราสวรรค์เล็กน้อย ก่อนจะปริปากกล่าวขี้นอย่างเมินเฉยว่า
“ถึงเวลาแล้ว ตอนนี้ข้าได้เปิดประตูสู่ซากโบราณสถาน ผู้ที่เข้าไปและสามารถเข้าสำรวจได้มากที่สุดจะได้รับรางวัล! แต่สิ่งของทั้งหมดที่เสาะพบในซากโบราณสถานจักต้องเป็นของโถงโลหิตปรโลก! ใครก็ตามที่กล้าล้วงกระเป๋าเก็บเป็นการส่วนตัว มันผู้นั้นนับเป็นศัตรูกับโถงโลหิตปรโลก!”
เมื่อเอ่ยกล่าวถึงประโยคหลัง ทันใดนั้นพลันมีคลื่นจิตสังหารขุมหนึ่งปะทุขึ้นจากร่างตี้เอ๋อ ทำให้ทุกคนขนลุกซู่วสะท้านขึ้นหนังหัวในทันใด
เย่หยวนรู้สึกประหลาดใจเช่นกันเมื่อได้ฟังเช่นนั้น การที่จะควบคุมคนเหล่านี้ให้ทำตามข้อกำหนดได้ แสดงว่ารางวัลที่ว่าคงมีมูลค่ามหาศาลพอสมควร!
ตี้เอ๋อยกมือขึ้นพร้อมโบกปัดเสียเล็กน้อย ทันใดนั้นผนึกมณีสีขาวขุ่นนับพันก้อนก็ลอยออกมากลางอากาศ
เขาสร้างตราประทับขึ้นบนมือ ทันใดนั้นผลึกมณีสีขาวนับพันก้อนก็เปล่งแสงจรัสจ้า ก่อนพุ่งตรงไปที่ประตูซากโบราณสถานทันที
“นั้นมันผลึกปราณปีศาจระดับกลาง! ผลึกปราณปีศาจนับพันก้อน! โถงโลหิตปรโลกครั้งนี้นับว่านำจ่ายฟุ่มเฟือยนัก!”
“ดูเหมือนว่าซากโบราณสถานนี้จะไม่ธรรมดาจริงๆ!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่โถงโลหิตปรโลกควักเนื้อจ่ายราคามหาศาลขนาดนี้เพื่อให้เราเดินทางมา ปรากฏว่าภายในซากโบราณสถานกลับต้องมีสมบัติล้ำค่ามากมาย!”
…
ผลึกมณีสีขาวนับพันก้อนเหล่านั้นคือ ผลึกปราณที่ระดับสูงกว่าผลึกปราณระดับต่ำ หรือก็คือผลึกปราณปีศาจระดับกลางนั้นเอง!
ผลึกปราณปีศาจระดับกลางหนึ่งก้อนมีค่าเทียบกับผลึกปราณปีศาจระดับต่ำหนึ่งหมื่นก้อน สิ่งนี้คือค่าเงินที่ชนชั้นจ้าวปีศาจขึ้นไปใช้จ่ายกัน
ในเมืองหลวงนับเป็นของหายากมาก การที่ผลึกปราณปีศาจระดับกลางจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นสักครั้งนับว่านานครั้ง
เพียงเปิดตัว ตี้เอ๋อก็นำจ่ายผลึกปราณปีศาจระดับกลางนับพันชิ้น นี่นับว่าฟุ่มเฟือยเป็นอย่างยิ่ง
ตึงงง!
ประตูหินยักษ์เบื้องหน้าทุกคนเปิดขึ้น เผยให้เห็นถึงภายในที่เป็นถ้ำสีดำสนิท
“น้องชายบรรพกาลราตรี หลังจากเข้าไปแล้วเจ้าต้องระมัดระวังให้มาก หากเจ้าเห็นว่าฝืนเกินมือตนเอง จงเร่งถอยออกมาโดยตรง สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือ ชีวิตของเจ้ามีค่าเสียยิ่งกว่าสมบัติในซากโบราณสถานแห่งนี้มาก!”
ดาราสวรรค์กระซิบให้เย่หยวนฟัง
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“พี่ชายโปรดมั่นใจ ข้าไม่เคยเห็นว่าชีวิตตนเองเป็นเรื่องตลก”
“ทุกคนเข้าไปได้แล้ว! หลังจากเข้าไปคงทราบดีว่าพวกเจ้าควรปฏิบัติตัวอย่างไรต่อไป”
ตี้เอ๋อเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น
เมื่อเหล่าอัจฉริยะได้ยินดังนั้น ก็ปรี่ตัวปราดพุ่งเข้าไปทันทีประดุจธารน้ำ และหายตัวเข้าไปภายในถ้ำ
เย่หยวนรู้สึกเพียงเบื้องหน้ากลายเป็นภาพฉากแสนพร่ามัว ก่อนจะถูกส่งออกไปสักที่หนึ่งโดยตรง
เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เย่หยวนก็ได้มาถึงห้องโถงขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
เขาปรากฏตัวขึ้นบนแท่นวงแหวน
กวาดสายตาช้อนมองดูก็พบว่า แท้จริงแล้วโดยรอบโถงแห่งนั้นมีแท่นวงแหวนทั้งหมดสิบสองจุด
เช่นเดียวกันกับเย่หยวน อีกสิบเอ็ดคนที่เหลือยืนอยู่บนวงแหวนเช่นกันพร้อมความตกใจ
“ยินดีต้อนรับสู้ดินแดนมรดกแห่งนิกายบัลลังก์ม่วง!”
สุ้มเสียงกึกก้องเอ่ยดังขึ้นจากในโถง
………………………………………………………….