“ข้าแพ้แล้ว! เจ้าหนุ่ม เจ้าแข็งแกร่งมาก!”
เหว่ยฟางเอ่ยกล่าวขึ้นจากใจจริง
เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“ท่านอาวุโสเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน! เพลงดาบของท่านได้สร้างแรงบันดาลใจแก่ข้าเป็นอย่างมาก!”
เหม่ยฟางหัวเราะเสียงดังกล่าวตอบว่า
“อันที่จริงเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ตั้งแต่กระบวนแรกแล้ว แต่เจ้าพัลวันสัประยุทธ์กับข้านานกว่าห้าร้อยกระบวนดาบ เพียงเพื่อเรียนรู้ศึกษาเพลงดาบของข้าใช่หรือไม่?”
เย่หยวนยิ้มแต่หาได้ปฏิเสธไม่
แม้ว่าเหม่ยฟางจะแข็งแกร่งกว่าไคซินมาก แต่เย่หยวนก็ยังสามารถเอาชนะเขาได้ภายในหนึ่งกระบวนเคลื่อนไหวเท่านั้น
เย่หยวนในปัจจุบันยากนักที่จะหาคู่ต่อกรในระดับชั้นเดียวกันได้
“หุหุ ช่างเป็นท่าร่างไร้รูปแบบที่สมบูรณ์จริงๆ! เพลงดาบของเจ้าในยามนี้อาจลุถึงจุดสูงสุดแล้วก็เป็นได้! เอาล่ะด่านแรกเจ้าผ่านได้แล้ว ไปพบคู่ต่อสู้คนต่อไปเถิด”
ด้านนอกที่เหล่าฝูงชนกำลังรับชม ยามนี้เห็นว่าเย่หยวนเพิ่งเอาชนะคู่ต่อสู้คนแรกได้ พวกเขาต่างเผยใบหน้าเย้ยหยันออกมาอย่างอดมิได้
โดยเฉพาะกับปู่เจ้อ ใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดพร้อมกล่าวอย่างดูถูกขึ้นว่า
“เหอะ มันขึ้นกลายเป็นจ้าวสังเวียนได้อย่างไร? สุดท้ายก็ยังเป็นแค่ตัวประกอบ?”
“ฮ่าๆๆ ปู่เจ้ออย่าบอกเสียว่าองุ่นเปรี้ยวฟาดจนเจ้ากินไม่ได้? ถึงอย่างไรเขาก็ได้รับของรางวัลจากลานประลองแห่งนี้”
“ถึงกระนั้นกล่าวได้ว่า เขาอยู่ในอันดับล่างสุดของบรรดาจ้าวสังเวียนทั้งหมด ด้วยความแข็งแกร่งเพียงแค่นี้ของเขา ช่างยากนักที่จะผ่านรอบสองไปได้”
“ทั้งสิบแปดคนได้ชื่อว่าเยาวชนที่แกร่งกล้าที่สุด ติงฟานเอาชนะได้แล้วสามคน อีกสิบหกคนที่เหลือคงไม่เท่าไหร่กระมัง”
…
ในเวลานี้ ติงฟานผู้ได้รับสมญานามว่าเป็นอันดับหนึ่งของหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะ เขาเอาชนะสามคนติดต่อกัน และขณะนี้กำลังสัประยุทธ์กับคนที่สี่
แต่ติงฟานในปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่ายังไม่เอาจริงด้วยซ้ำ เริ่มต้นเพียงสำแดงออกสิบกระบวนก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้อย่างไม่ยาก
ซึ่งคู่ต่อสู้ของเขาเองล้วนแต่เป็นระดับชั้นจอมทัพปีศาจครึ่งขั้นทั้งสิ้น
เห็นได้ชัดว่า สถานการณ์ของพวกติงฟานทั้งหกเริ่มที่จะตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
บูมมม!
จ้าวสังเวียนหนึ่งถูกคู่ต่อสู้ทุบแหลกเป็นชิ้นๆทันควัน!
เหล่าอัจฉริยะที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอกต่างตื่นตะลึงตกใจยิ่ง จนถึงตอนนี้พวกเขาทราบแล้วว่า สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่มันไม่ง่ายเสียเลย
อุบัติเหตุเพียงครั้งเดียว นำพามาสู่อันตรายถึงชีวิต!
จุดแข็งของอีกสามคนในลานประลองวงแหวนค่อนข้างอ่อนแอกว่ามาก
ที่เพิ่งจะอยู่ในรอบที่สองเท่านั้น แต่กลับถูกคู่ต่อสู้สังหารทิ้งโดยตรง ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสให้กล่าวยอมแพ้ใดๆ
เมื่อพบเห็นภาพฉากนี้ ปู่เจ้อดูร้อนใจขึ้นทันทีขณะกล่าวว่า
“พวกเจ้า ข้าเดาได้เลยว่าไอ้เหลือขอบรรพกาลราตรีจะถูกสังหารทิ้งโดยตรง คิดเห็นอย่างไร?”
“ฮ่าๆ มีความเป็นไปได้มาก! เพียงรอบแรกก็สร้างงานยากสำหรับตัวเขามากแล้ว รอบสองอาจถูกกำจัดทิ้งไปโดยธรรมชาติ”
ทันทีที่คำถามนี้เอ่ยดังขึ้น ก็มีคนเอ่ยตอบเห็นด้วยในทันที
คนอื่นๆโดยรอบต่างพยักหน้าตอบอย่างลับๆ เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครสักคนที่คัดค้านหรือกังขาต่อคำถามนี้เลย
อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนกลับต้องทำให้พวกเขาเหล่านั้นผิดหวัง
แม้เย่หยวนจะใช้เวลานานในรอบที่สอง พร้อมพัลวันกว่าสามร้อยกระบวนสัประยุทธ์ แต่สุดท้ายเขาก็สามารถผ่านไปได้
“บัดซบ! นี่ข้าตาฝาดไปหรือเปล่า? แม้จะผ่านไปได้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี่จะโชคช่วยจริงๆ!”
ปู่เจ้อกระทืบเท้าลงอย่างแรงด้วยความโกรธ
ถึงคนที่เหลือจะไม่เป็นแบบปู่เจ้อ แต่พวกเขาเองต่างก็รู้สึกประหลาดใจกับที่เย่หยวนผ่านรอบนี้ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ดูนั้นเร็ว! ปาถู่พ่ายแล้ว! สวรรค์! คู่ต่อสู้ในรอบนี้จำต้องแกร่งกล้าเพียงใด?! ถึงสามารถข้ามระดับต่อสู้จนเอาชนะไปได้!”
ทันใดนั้นสุ้มเสียงหนึ่งลั่นอุทานดังขึ้น
วูบบ!
ปาถู่ถูกส่งตัวกลับออกมาโดยตรง
เมื่อลงจากลานประลอง สีหน้าการแสดงออกของปาถู่พลันบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่ง
ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาแทบจะมองข้ามทุกคนไม่จำต้องเหลียวแล
ทว่าตอนนี้เขากลับแพ้ให้กับจอมทัพปีศาจครึ่งขั้น!
เป็นเรื่องปกติที่เขาจะข้ามระดับสัประยุทธ์ต่อสู้อยู่เสมอ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะประมาทคู่ต่อสู้ของตนมากเกินไปจริงๆ
“ปาถู่ คู่ต่อสู้เหล่านี้ที่เจ้าเผชิญพบ ล้วนแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวรึ?”
มีคนหนึ่งเริ่มเปิดฉากเอ่ยถามขึ้นทันทีอย่างอดสงสัยมิได้
เพียงพวกเหล่านี้เฝ้าดูอยู่ภายนอกเท่านั้น เห็นเพียงสองฝ่ายเข้าต่อสู้สัปยุทธ์กันเท่านั้น แต่มิอาจเข้าใจถึงความตื้นลึกหนาบางของคู่ต่อสู้เหล่านั้นได้ แนวคิดความเข้าใจลึกซึ้งเพียงใดมิอาจสัมผัสรับรู้
สีหน้าการแสดงออกของปาถู่บูดบึ้งขณะพยักหน้าตอบว่า
“แข็งแกร่งเกินไป! แนวคิดความเข้าใจของคนพวกนั้นโดยพื้นฐานล้วนบรรลุชั้นสวรรค์ระดับสามขั้นปลายทั้งสิ้น! มีแม้กระทั่งขั้นสุด! ยิ่งไปกว่านั้นไม่เพียงแนวคิดความเข้าใจของพวกนั้นจะลุถึงจุดสุดยอด แต่วรยุทธต่อสู้ของพวกนั้นล้วนแล้วแต่ทรงพลังเกินจินตนาการ! โดยรวมจุดแข็งของคนพวกนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง! ข้าไม่มีข้อกังขาใดที่พ่ายในมือคนพวกนี้!”
“ฟ่อ…”
ทุกคนต่างสูดไอเย็นแช่มลึกสุดขั้วปอด ทันทีทันใดพวกเขาก็ตระหนักชัดถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เหล่านี้ในทันที
ไม่นานนัก ก็มีหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะอีกสองคนที่พ่ายลงในรอบที่ห้า
ณ ปัจจุบันบรรดาจ้าวสังเวียนที่ยังเหลืออยู่มีเพียงสี่คนเท่านั้น
สามบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะและ…เย่หยวน
ความเร็วในการผ่านด่านในแต่ละรอบของเย่หยวนดำเนินไปอย่างเชื่องช้า จนทุกคนต่างหมดความสนใจไปแล้ว
ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่ติงฟาน
ณ ตอนนี้ติงฟานกำลังสัประยุทธ์อย่างดุเดือดกับคู่ต่อสู้ในรอบที่หก ทั้งสองอาละวาดหนักชนิดมืดฟ้ามัวดิน
“หากไม่เห็นกับตาตนเอง ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจอมทัพปีศาจครึ่งขั้นจะสามารถไล่ต้อนติงฟานได้ถึงขนาดนี้!”
“นั้นสิ ข้าไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่าเซียนในยุคบรรพกาลจะทรงพลังมากปานนี้!”
“นี่เป็นเพียงคนที่หกเท่านั้น! หากเป็นคนที่สิบแปดจะต้องน่ากลัวเพียงใด!”
…
แม้ว่าคลื่นความผันผวนจะมิได้รุนแรงมากนักจากที่เฝ้ามอง แต่พวกเขาก็สัมผัสได้อย่างชัดแจ้งถึงสถานการณ์การสู้รบที่แสนกดดัน
บูมมม!
ในที่สุดติงฟานก็พบโอกาสโจมตีสวนคืนพร้อมระดมพลังทั้งหมด ซัดกระหน่ำคว่ำอีกฝ่ายทันทีภายในหนึ่งกระบวนเบ็ดเสร็จ!
“จ้าวสังเวียนหมายเลขหนึ่ง ผ่านรอบที่หกไปได้ รางวัลที่ได้รับคือสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำระดับต่ำ!”
สุ้มเสียงโบราณเอ่ยดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ทันทีที่ทุกคนได้ฟังดังนั้นต่างเผยแววรุ่มร้อนแสนอิจฉาขึ้นทันทีอย่างอดมิได้
สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำที่ว่าก็คือสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำ!
มีเพียงจ้าวทัพปีศาจเท่านั้นที่มีคุณสมบัติถือครอง!
แม้สุดท้ายสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำนี้จะต้องมอบให้แก่โถงโลหิตปรโลกก็ตาม แต่ทางโถงโลหิตปรโลกย่อมตอบแทนด้วยมูลค่าที่สมน้ำสมเนื้อแน่นอน!
ได้ยินเช่นนั้น ติงฟานพลางคลี่ยิ้มขึ้นทันทีด้วยความภาคภูมิใจ
เห็นได้ชัดว่าเขาพึงพอใจอย่างมากที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในรอบที่หกได้
“ติงฟานสมควรแล้วที่ได้ชื่อว่าอันดับหนึ่งของหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะ เขาช่างกล้าแกร่งเหลือเกิน!”
“สงสัยเสียจริงว่า หลังผ่านรอบที่หกไปได้แล้ว เขาจะสามารถไปไกลถึงเท่าใด”
“ข้าเดาว่าอย่างน้อยที่สุดคงไปไกลถึงรอบที่เก้า!”
“พวกเจ้าดูนั้นเร็ว! เด็กนั่น…เด็กนั่น…”
ทันทีทันใดพลันปรากฏสุ้มเสียงอุทานดังขึ้นทันทีด้วยความตกใจ
ปาถู่ที่กำลังเฝ้ามองติงฟางรับมอบสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำอยู่ ยามนี้พลันขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่มีความสุขนัก ที่มีสุ้มเสียงเอ่ยดังขัดจังหวะ ก่อนจะกล่าวน้ำเสียงเย็นขึ้นว่า
“เอะอะอันใด? ไม่จำเป็นต้องสนใจ”
“เด็กนั่นนามว่าบรรพกาลราตรีกระมัง? เขาผ่านถึงรอบที่ห้าแล้ว!”
คนๆนั้นเอ่ยอุทานขึ้นอีกครั้งราวกับกำลังเห็นบางสิ่งที่อยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจไปแล้ว
สีหน้าของปาถู่ผู้นั้นมืดลงทันทีก่อนจะเร่งหันขวับจับจ้องไปยังลานประลองวงแหวนหมายเลขสาม ก่อนพบว่าเย่หยวนผ่านไปถึงรอบที่ห้าแล้วจริงๆ!
ทุกคนต่างหน้าซีดเผือดทันทีด้วยความตกใจสุดขีด ก่อนหน้านี้พวกเขามัวแต่มุ่งความสนใจไปที่ติงฟานเพียงคนเดียว แต่มิคาดมิฝันเลยว่า ยามนี้เย่หยวนจะผ่านไปไกลถึงรอบที่ห้าแล้ว!
ปาถู่ที่พ่ายลงในรอบที่ห้า ในขณะที่เย่หยวนฝ่าฟันมาถึงรอบที่ห้าได้แล้วเช่นกัน นี่มิได้หมายความว่าความแข็งแกร่งของเด็กคนนี้เทียบเคียงกับเขาได้แล้วงั้นรึ?
นี่ต้องล้อเล่นเป็นแน่!
เด็กน้อยที่ยังมีพลังไม่ถึงจอมทัพปีศาจครึ่งขั้นด้วยซ้ำ กลับแกร่งกล้ากว่าเขาได้อย่างไร?
“นี่มันอะไรผิดพลาดกระมัง?! ด้วยระดับพลังของเด็กนั่น เขาจะไปไกลถึงรอบที่ห้าได้อย่างไร?”
“ถูกต้องแล้ว! ปาถู่ที่ว่าแกร่งกล้ายิ่งยังไต่มาถึงรอบที่ห้าเท่านั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เด็กนั่นจะแข็งแกร่งไปกว่าปาถู่!”
“ต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่นอน! นี่อาจเป็นเรื่องภายใน! บางทีคู่ต่อสู้ของบรรพกาลราตรีอาจแข็งแกร่งไม่เท่าพวกปาถู่แน่นอน!”
…
เหล่าฝูงชนระเบิดความโกลาหลในทันใด!
พวกเขาไม่สามารถยอมรับความจริงตรงหน้าได้เลย แม้แต่ตัวปาถู่ยังไต่มาถึงแค่รอบที่ห้า แล้วเย่หยวนจะผ่านรอบที่ห้าไปได้อย่างไร?
ก็เห็นได้ชัดว่า เย่หยวนดูมีปัญหาตั้งแต่รอบแรกแล้ว!
เมื่อได้ฟังวาจาของผู้คนดังนั้น ปาถู่ก็ดูผ่อนคลายลงอย่างมากและกล่าวน้ำเสียงใจเย็นลงว่า
“ผ่อนคลาย เด็กนั่นไม่มีทางผ่านรอบที่ห้าไปได้แน่นอน”
………………………………………………………………