คู่ต่อสู้ในรอบที่เจ็ดแข็งแกร่งกว่ารอบที่หกก่อนหน้าอย่างชัดเจน
แต่เย่หยวนยังคงก้าวออกไปไม่มีหวาดหวั่น หาได้รู้สึกลำบากเป็นปัญหาไม่
ซวบบ!
คล้อยหลังผ่านไปนับหลายร้อยกระบวนดาบ เย่หยวนก็สามารถทะลวงร่างของคู่ต่อสู้ได้ในที่สุด
ผ่านรอบที่เจ็ด!
เพลงดาบของเย่หยวนบิดพลิ้วเคลื่อนไหวยากจะมองออก ความรู้สึกของเหล่าผู้คนภายนอกที่ได้เห็นเสมือนภาพลวงตาไม่จีรังอยู่จริง
บางครั้นบางคราคล้ายว่าคมดาบเย่หยวนอยู่ห่างไกลยากจะเข้าถึง ทว่าทันใดนั้นพลันลุถึงเบื้องหน้าอีกฝ่าย กะทันหันไม่มีโอกาสได้ป้องกัน
สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อเกิดขึ้นจากแนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวน
สองขั้วสุดยอดแนวคิดที่สอดผสานหลอมรวม หาใช่ผลลัพธ์ดั่งหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง
“หุหุ ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเจ้าที่อยู่แค่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าจะสามารถเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติแล้วจริงๆ ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!”
“ความเข้าใจต่อแนวคิดแห่งห้วงมิติของข้ายามนี้อยู่ในระดับชั้นใดกัน?”
เย่หยวนเอ่ยถามพร้อมความสงสัย
เขารู้สัมผัสชัดแจ้งดีว่า แนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นยิ่งใหญ่และลึกซึ้งเสียยิ่งกว่าแนวคิดแห่งดาบหลายทวีเท่านัก
ยิ่งเป็นเพราะแบบนั้น ก็ยิ่งทำให้เย่หยวนรู้สึกถึงความยากในการบรรลุแนวคิดประเภทนี้
“ยังเร็วเกินไป! ระดับชั้นปัจจุบันของเจ้ายังไม่สมบูรณ์สำหรับชั้นสวรรค์ระดับหนึ่งขั้นต้นด้วยซ้ำ!”
หวูเฉินเอ่ยตอบ
“ยังคงอ่อนแอเกินไป! หึ!”
เย่หยวนหมดวาจาจะเอ่ยกล่าว
“อ่อนแอ? เหอะ เหอะ ตอนนี้แนวคิดแห่งห้วงมิติที่เจ้าเข้าใจนั้นแกร่งกล้าเสียยิ่งกว่ายอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นด้วยซ้ำไป! แต่ให้เป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าขนานแท้ แต่ก็ใช้ได้เพียงแนวคิดแห่งห้วงมิติชั้นสวรรค์ระดับหนึ่งเท่านั้น แนวคิดประเภทนี้มิได้ง่ายอย่างที่คิดจินตนาการ”
เย่หยวนอดรู้สึกประหลาดใจมิได้เมื่อได้ยิน การที่เขาเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้ เป็นเพราะเขาอนุมานความคิดขึ้นภายในห้วงจินตนาการของตนเอง
ดังนั้นแล้วแนวคิดประเภทนี้ทรงพลังเพียงใด เขากลับไม่รู้ตัว
ยามนี้ได้ฟังหวูเฉินเอ่ยกล่าวเช่นนี้แล้ว เขาจึงเข้าใจอะไรหลายอย่างได้มากขึ้น
ที่ผ่านมาเย่หยวนเพียงแตะสัมผัสแค่หางอึ่ง ทว่าปัจจุบันหลังจากที่เย่หยวนผ่านการบ่มเพาะพลังแสนขมขื่นและพัฒนาขัดเกลาตนเองเสมอมาต่อเนื่อง ก็ดูเหมือนว่าแนวโน้มความเข้าใจต่อแนวคิดแห่งห้วงมิติของเขาจะมีพัฒนาการมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด
“แนวคิดแห่งห้วงมิติช่างยากเกินหยั่งถึงนัก!”
เย่หยวนร้องอุทานพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เหอะ ยากกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้มากโข! แนวคิดแห่งเวลาและแนวคิดแห่งห้วงมิติเป็นสองสุดยอดขั้วแนวคิดที่หยั่งลึกสู่รากเหง้าที่สุดในมหาพิภพแห่งนี้ กล่าวได้ว่าแนวคิดทั้งสองประการลึกล้ำเกินหยั่งถึงได้! เจ้าอย่ามองเพียงว่าที่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าเหาะเหินเดินอากาศได้ เป็นเพราะพวกเขาเข้าใจแนวคิดแห้งห้วงมิติแล้ว ในความเป็นจริงพวกเขามิได้เข้าใจแนวคิดประเภทนี้เลย ที่สามารถเหาะเหินได้เป็นเพราะมีพลังปฐพีเท่านั้น ซึ่งพลังปฐพีก็เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดแห่งห้วงมิติ แม้นี่จะเป็นข้อได้เปรียบที่ติดตัวยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้ามาเมื่อบรรลุ แต่หากกล่าวกันตามตรง บางคนยังไม่สามารถเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้เลยด้วยซ้ำ ในขณะที่เจ้าตอนนี้สามารถแตะถึงขอบประตูแล้ว!”
หวูเฉินเอ่ยอธิบาย
“เช่นนั้น…ข้าก็น่าทึ่งมิใช่น้อย?”
เย่หยวนร้องอุทานขึ้นอย่างความแปลกใจ
เขาไม่ทราบมาก่อนจริงๆว่า แนวคิดแห่งห้วงมิติที่เขาเข้าใจจะน่าเกรงขามขนาดนี้จริงๆ
แต่หวูเฉินกล่าวเสียงขรึมตอบจริงจังกลับว่า
“น่าทึ่งยิ่งนัก! อย่างไรก็ตาม ข้าเองก็ช่วยอะไรเจ้ามิได้เช่นกันเกี่ยวกับเรื่องแนวคิดแห่งห้วงมิติ เจ้าจะเข้าใจมากน้อยเพียงใด ล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้าแล้ว”
เย่หยวนพยักหน้า ทว่าทันใดนั้นเขาก็พลันนึกถึงบางสิ่งอย่างขึ้นได้กะทันหัน กล่าวว่า
“โอ้จริงสิ ในโลกแห่งศิจาลึกบัลลังก์พิภพมันสามารถเปลี่ยนอัตราการไหลของเวลาได้ใช่หรือไม่…”
หวูเฉินพยักหน้าตอบ
“ถูกต้องแล้ว! หากย้อนกลับไป ณ ตอนนั้น จอมเทพนิรันดร์เองก็เข้าใจเศษเสี้ยวของแนวคิดแห่งเวลาได้โดยบังเอิญเช่นกัน อย่างไรก็ตามนั้นเป็นเพียงผิวเผินเท่านั้น”
เช่นนี้นี่เอง!
ระยะเวลาที่เย่หยวนอยู่บนมหาพิภพถงเทียนแห่งนี้ก็มิใช่ว่าสั้น แต่เขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับแนวคิดแห่งเวลาในทางนี้มาก่อนเลย
ปรากฏว่า แท้ที่จริงแล้วที่ภายในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมีอัตราการไหลของเวลาที่ต่างจากโลกภายนอก เป็นเพราะวิชาลับของจอมเทพนิรันดร์
เข้าใจได้เพียงเศษเสี้ยวของแนวคิดแห่งเวลาก็สามารถเปลี่ยนอัตราส่วนการไหลของเวลาได้ถึงหนึ่งในสิบส่วน หากเขาเข้าใจแนวคิดแห่งเวลาได้อย่างถ่องแท้ มันจะยิ่งน่าสะพรึงกลัวเพียงใด?
เย่หยวนพลันขนลุกซู่วทันทีที่นึกถึงเรื่องนี้
ขณะนี้เย่หยวนระดมความสนใจทั้งหมดไปที่คู่ต่อสู้เบื้องหน้าในรอบที่แปด
ในเวลาเดียวกัน ติงฟานที่กำลังพัลวันกับคู่ต่อสู้ในรอบที่แปดก็ใกล้ปิดฉากลงแล้ว
บูมมม!
เป็นอีกครั้งที่ติงฟานเป่าคู่ต่อสู้ออกไปด้วยกำปั้น
“ฮ่าๆๆ ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
ติงฟานยามนี้ร่างกายปกคลุมด้วยบาดแผล รอยฉกรรจ์ศึกนับไม่ถ้วนทำเอาร่างกายดูไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าที่ควรนัก
แค่เขายังคงสามารถสังหารคู่ต่อสู้ตรงหน้าและฝ่าฟันรอบที่แปดมาได้
เมื่อเขาฟื้นฟูพลังกลับมา ติงฟานก็พึมพำกับตัวเองว่า
“น่าเสียดายนักที่ข้าไม่สามารถผ่านรอบที่เก้าไปได้แน่นอน! แต่ถึงอย่างไร ข้าควรจะเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาจ้าวสังเวียนทั้งสิบสองจริงหรือไม่? ถึงคนอื่นจะแกร่งกล้าเพียงใด แต่อย่างมากถึงมาไกลถึงแค่รอบที่หก หุหุ หมายความว่าอันดับหนึ่งคงไม่พ้นข้ากระมัง? อย่างไรก็ตาม การท้าทายครั้งนี้ทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆ!”
ติงฟานกลับหาทราบถึงความตื่นตะลึงที่เหล่าอัจฉริยะด้านนอกเผชิญพบได้เลย
เย่หยวนสามารถผ่านรอบที่เจ็ดไปได้อย่างง่ายดาย!
“ข้าจำได้ว่า ติงฟานใช้เวลาต่อสู้กับคู่ต่อสู้รอบที่เจ็ดกว่าสองพันกระบวนใช่หรือไม่? แต่บรรพกาลราตรีสามารถพิชิตได้ภายในสามถึงสี่ร้อนกระบวนท่าเองกระมัง?”
“แทบไม่อยากเชื่อเลยว่า บรรพกาลราตรีที่อยู่ท้ายหลังมาตลอด ยามนี้จะผ่านมาได้ไกลปานนี้”
“สงสัยเสียจริงว่า หากติงฟานออกมาเห็นบรรพกาลราตรี เขาจะแสดงสีหน้าอย่างไร?”
ความเร็วในการผ่านด่านที่ผ่านมาของเย่หยวนค่อนข้างช้ามาก กล่าวได้ว่าความเร็วเทียบเท่ากับเต่า
แต่ตั้งแต่ตอนไหนมิทราบ ยามนี้เย่หยวนกลับไล่ตามติงฟานมาติดๆแล้ว!
จากที่เข้าประเมินคาดการณ์กัน ขีดจำกัดของติงฟานน่าจะมาได้เพียงรอบที่เก้า
กระนั้นเองขีดจำกัดของเย่หยวนอยู่ไกลเพียงใด พวกเขากลับไม่สามารถมองเห็นได้เลย
ในรอบที่เจ็ด เย่หยวนใช่เวลาผ่านด่านเทียบเท่ากับรอบแรก
ระยะเวลาที่ใช้ไปเท่ากับหนึ่งในสี่ส่วนของติงฟาน!
ยิ่งได้เห็นเย่หยวนต่อสู้มากเท่าใด เหล่าอัจฉริยะพวกนี้ก็ยิ่งรู้สึกกลัว
และในที่สุดติงฟานก็พ่ายแพ้ลงในรอบที่เก้า
หลังจากศึกนี้จบลง เขาก็ถูกส่งตัวไปยังอีกที่หนึ่งเพื่อเลือกชนิดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ ก่อนจะถูกส่งตัวออกมา
แต่คล้อยหลังที่ถูกส่งตัวออกมา เขากลับพบว่าทุกคนต่างมองตนด้วยสายตาผิดแปลกออกไป
ติงฟานที่เห็นเช่นนั้นพลางคิดไปว่า ทุกคนกำลังตื่นตะลึงกับการผลงานการต่อสู้ของตน ยามนี้จึงระเบิดหัวเราะเสียงอึ่งโขกล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าจะมองข้าเช่นนั้นไปเพื่ออันใด? ฮ่าๆ ความท้าทายครั้งนี้สะใจถึงแกนข้าโดยแท้! ข้าสามารถทะลวงฝ่าไปถึงรอบที่เก้าได้ในอึดใจเดียว! แม้ว่าสมบัติเลิศล้ำชิ้นนี้จะต้องมอบให้ทางโถงโลหิตปรโลกก็ตาม แต่รางวัลที่ได้ตอบแทนกลับมานับว่าคุ้มค่าเช่นกัน!”
นิสัยดั่งวัยหนุ่มสาวยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ในตอนท้าย ภายในใจติงฟานยามนี้ร่าเริงนักที่ได้อวดอ้างผลงานของตนอย่างเลี่ยงมิได้
ราวกับว่าเขากลับคนอื่นไม่รู้ว่ายามนี้ตนได้ฝ่าฟันมาถึงรอบที่เก้าได้
ทว่าจู่ๆ เขาก็เพิ่งมาค้นพบว่า ทุกคนในตอนนี้มิได้สนใจมองเขาเลยสักนิด
ในบรรดาหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะทั้งหมด ปาถู่ค่อนข้างสนิทสนมกับติงฟานที่สุด
เมื่อปาถู่เห็นอีกฝ่ายอวดอ้างดังนั้น เขากลับมองติงฟานด้วยสายตาแปลกๆและกล่าวว่า
“ติงฟานหยุดอวดไปเลย คราวนี้เจ้าเจอคู่แข่งคนสำคัญแล้ว! หันไปดูเร็ว!”
สีหน้าการแสดงออกของติงฟานแปรเปลี่ยนไปทันทีเจือฉงนใจ ก่อนจะเหลียวหลังหันไปมองตามที่ปาถู่ชี้นิ้วไป ชั่วฉับพลันนั้นเองกายาพลันสั่นสะท้านหนัก เบิกตาโตเผยสะท้อนแววประหลาดใจเดินควบคุม
สำหรับปฏิกิริยาเช่นนี้ของติงฟาน ทุกคนดูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก
หลังจากที่หกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะออกมา แต่ละคนล้วนมีสีหน้าเช่นนี้เหมือนกันหมด
ซวบบบ!
ในเวลาเดียวกัน คมดาบยาวของเย่หยวนก็ทะลวงเสียบกลางอกของคู่ต่อสู้อีกครั้ง
ผ่านรอบที่แปด!
เสมือนสายฟ้าฟาดสะบั้นเข้ากลางหัวติงฟาน ร่างกายสั่นเทาเอ่ยกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่า
“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร? เขาเป็นแค่แม่ทัพปีศาจขั้นสุดเองมิใช่รึ? ไฉนถึงผ่านเข้าสู่รอบที่เก้าได้! เดี๋ยวก่อน…ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่!”
“หุบปาก!”
ทันทีทันใดปาถู่คำรามเสียงเย็นสกัดคำกล่าวของติงฟานไป
ติงฟานผงะง้ำแสนตื่นตะลึงใจนัก ขณะกำลังจะอ้าปากคำรามสวนตอบ จู่ๆ ปาถู่ก็เร่งคำรามขึ้นแทรกทันที
“หากเจ้าไม่อยากตายก็หุบปากซะ!”
…………………………………………..