“ปาถู่ นี่เจ้ากล้าตะคอกใส่ข้ารึ?”
ติงฟานเอ่ยกล่าวพร้อมสีหน้าบูดบึ้ง
ปาถู่เหลือบมองอีกฝ่ายราวกับคนโง่และกล่าวขึ้นว่า
“เช่นนั้นอยากพูดอะไรก็เชิญ เมื่อครู่พวกเราเห็นกับตา นั่วเต๋อพล่ามตามใจปาก ยามนี้มันตายไปแล้ว”
“ทีแรกพวกเราก็คิดเหมือนกันกับเจ้า แต่ตอนนี้พวกเราเสาะเห็นแล้วว่า บางสิ่งกลับมิได้ง่ายดั่งผิวเผิน เจ้าเด็กนั้นแกร่งกล้ายิ่ง!”
ปาถู่กล่าว
ติงฟานเสมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นอ่างใหญ่ สีหน้าการแสดงออกอันมั่นใจก่อนหน้าสลายหายไปในอึดใจเดียว ไม่เหลือกระทั่งร่องรอย
เขามิใช่คนแรกที่รู้สึกเช่นนี้!
เมื่อจับจ้องไปยังเย่หยวนที่กำลังสัประยุทธ์เดือดอยู่ในจอภาพฉาย ติงฟานยามนี้พลันรู้สึกฉงนใจสงสัยขึ้นมา
หรือเป็นไปได้ไหมว่า เขาต้องพ่ายให้แก่แม่ทัพปีศาจขั้นสุดตัวน้อยนี่จริงๆ?
ผลลัพธ์เช่นนี้ยากนักที่จะรับได้
เขาจ้องเขม็งไปที่เย่หยวนในภาพฉาย ทันทีทันใดก็เอ่ยปลอบใจตนเองขึ้นพร้อมรอยยิ้มขึ้นว่า
“หึ! มันยังไม่จบง่ายๆเช่นนี้หรอก! ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ในรอบที่แปดเป็นอย่างไร ข้าชัดเจนยิ่งกว่าใคร เด็กนั้นไม่มีทางผ่านได้แน่นอน”
ในขณะที่สิ้นเสียงของเขาจางหาย ทุกคนต่างเหลียวสายตาเข้าจับจ้องเขาอีกครั้ง
ติงฟานเผยสีหน้ามึนงงพร้อมเอ่ยตอบไปว่า
“ทำไม? ข้ากล่าวอะไรผิดอีก? ดูเจ้าเด็กนั่นสิรับมือพัลวันยุ่งเหยิงเช่นนั้น ดูเหมือนคนที่กำลังชนะรึไง?”
บางคนอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะลั่น แต่ก็ไม่กล้า
เพราะท้ายที่สุดนี้ความแข็งแกร่งของติงฟานยังคงเหนือกว่าพวกเขาหลายขุม กล่าวขัดขาออกไปเช่นนั้นเกรงว่ามิได้ส่งผลดีอันใด
ปาถู่อดส่งสายตามองอีกฝ่ายอย่างเอาจริงเอาจังมิได้ ก่อนที่จะเล่ากล่าวเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้าของเย่หยวนให้แก่ติงฟานฟัง
คล้อยหลังที่ติงฟานได้ยินแบบนั้นดวงตาพลันโพล่งโตขึ้นเล็กน้อย พลางแลบลิ้นใส่
การท้าทายครั้งนี้เองเขาก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยม แต่หากจะเล่นรั้งรอนฝีมือดึงเวลาแบบเย่หยวน เกรงว่าเขาเองก็ไม่กล้าจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรอบที่เจ็ด คู่ต่อสู้แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน สร้างแรงคุกคามจนกระทั่งเขาเองยังแทบหายใจหายคอไม่ออก
ตราบใดที่เขาผ่อนมือประมาทแม้นเล็กน้อย นั่นจะหาใช่เรื่องชนะหรือแพ้อีกต่อไป แต่อาจอันตรายถึงชีวิตและความตาย
ด้วยเหตุนี้ ติงฟานจึงไม่มีถกเถียงใดๆอีกต่อไป พร้อมมุ่งความสนใจจับจ้องภาพฉากตรงหน้าอย่างเงียบนิ่งเสมือนคนอื่นๆ
ภายในใจก็ภาวนาขอให้เย่หยวนพ่ายต่อคู่ต่อสู้คนที่แปด
แต่เขาจำต้องผิดหวังในทันที เพียงคมดาบที่กระหน่ำแทงไม่กี่กระบวนของเย่หยวนก็สามารถพุ่งเสียบทะลุศีรษะและเอาชีวิตคู่ต่อสู้ได้ในท้ายที่สุด
รอบที่แปดผ่านไปได้อย่างง่ายดาย!
เมื่อพินิจมองจากภาพฉายภายนอก การเคลื่อนไหวของกระบวนดาบเหล่านั้นกลับดูเรียบง่ายแสนธรรมดาเกินไป
พวกเขาไม่สามารถเข้าใจเลยว่า ไฉนคู่ต่อสู้เหล่านั้นถึงมิอาจสกัดกั้นกระบวนดาบธรรมดาๆเช่นนี้ได้
แม้ทุกคนจะไม่เผยแสดงความสงสัยออกมา แต่ภายในใจความสงสัยนี้กลับไม่เคยคลายอ่อน
‘หึ! หากเจ้าเด็กนี่ออกมา มันมิใช่คู่ต่อกรของข้าแน่นอน! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าการท้าทายนี้จะไม่มีการลำเอียงเกิดขึ้น!’
ติงฟานเอ่ยกล่าวภายในใจพร้อมน้ำเสียงเหยียบเย็น
ในฐานะอัจฉริยะอันดับหนึ่งของหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะ เขาไม่สามารถยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ปาฏิหาริย์ยังคงไม่จบสิ้นแต่เพียงเท่านี้
เย่หยวนยังคงทำตัวราวกับโกงอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าต่อไปไม่มีเร่งรีบใดๆ
รอบที่เก้า รอบที่สิบ รอบที่สิบเอ็ด…รอบที่สิบสอง!
“ขอแสดงความยินดีกับจ้าวสังเวียนหมายเลขสาม ผ่านรอบที่สิบสอง ได้รับของรางวัลครั้งที่สอง!”
สุ้มเสียงโบราณเอ่ยดังกึกก้องขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนต่างสั่นสะท้านด้วยความหวั่นเกรง
“เจ้าเด็กนี่จะผ่านไปถึงรอบใดกัน?”
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า เขาจะผ่านจนควรทุกรอบ! นี่…นี่จะวิปลาสเกินไปแล้ว!”
“หกรอบสุดท้ายย่อมยากกว่าเดิมหลายเท่าทวีแน่นอน! บางที…นี่อาจถึงขีดกำจัดของเขาแล้วก็เป็นได้?”
…
สำหรับสุ้มเสียงสนทนาดังจากภายนอก เย่หยวนย่อมไม่ได้ยิน
ตลอดทางที่ผ่านมา กล่าวได้ว่าความแกร่งกล้าของเย่หยวนกำลังพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ไม่เพียงแค่ความเข้าใจของเขาต่อเต๋าแห่งดาบเท่านั้นที่ทะลวงขึ้นถึงจุดสูงสุดของชั้นสวรรค์ระดับสามขั้นต้นเท่านั้น แต่แนวคิดแห่งห้วงมิติเองยังคงพัฒนาขึ้นเช่นกัน
คู่ต่อสู้ในรอบที่สิบสาม เป็นหญิงสาวหน้าตางดงามยิ่ง ในขณะเดียวกันนางก็ดูเย็นชาอย่างมาก
“หนุ่มน้อย เจ้าที่สามารถผ่านมาถึงรอบนี้ได้นับว่าน่าประทับใจนัก! แต่ทุกอย่างคงต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้!”
หญิงสาวเอ่ยกล่าว
เย่หยวนยิ้มกล่าวตอบว่า
“หยุดสนทนาต่อคำ เริ่มกันเลยเถิด! คมดาบของข้ามิอาจทานทนความกระหายหิวได้ไหวอีกต่อไป!”
ใบหน้าเรียวงามของหญิงสาวพลันขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเยียบเย็นว่า
“ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่ารังเกียจนัก! เตรียมรับกระบวนดาบ!”
เย่หยวนระเบิดหัวเราะคำโตเอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“ยอดนักดาบอีกคนแล้ว ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
ทันทีที่กล่าวจบ เย่หยวนก็ปลดปล่อยจันทร์สบายกวาดสะบั้นออกไปพร้อมร่างที่อันตรธานหายวับในทันใด!
เย่หยวนเร่งเร้าความเร็วถึงขีดสุด จนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เกร๊งง!
คมดาบทั้งสองเล่มเข้าชนปะทะเสียงกึกก้อง ห้วงอากาศพลันระเบิดกวาดผ่านตัวดาบสู่กายาของเย่หยวนจนสั่นสะท้านถึงทรวงใน
ความตื่นตกใจนี้ของเย่หยวนหาได้มีนัยยะสำคัญใด เสี้ยวอึดใจนั้นเองเย่หยวนเร่งถอยแลบประดุจสายฟ้า
แต่ทันทีทันใด สุ้มเสียงเย็นสะท้านของหญิงสาวพลันดังก้องอยู่ข้างหูเย่หยวน
“คิดหนี? สายเกินไปแล้ว!”
เย่หยวนใจสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ หญิงสาวนางนี้เคลื่อนไหวเร็วมาก!
ขณะที่เสียงหวาดเอ่ยดังคมดาบยาวก็ปราดถึงคอเย่หยวนเสียแล้ว
“ดับเงาสยบมาร!”
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างเป็นตาย เย่หยวนรีบเร่งสำแดงใช้ดับเงาสงบมารโดยไม่ลังเลใดๆ ความเร็วของเขาโหมทวีเพิ่มขึ้นในชั่วอึดใจ
รีดเร้นขีดสุดแห่งความเร็ว เร่งเร้าเลี่ยงหลบกระบวณดาบอย่างฉับไว!
เกร๊ง! เกร๊ง! เกร๊ง!
เงาร่างทั้งสองสายพัลวันไล่โฉบกันไปมาด้วยความเร็วเกินพรรณนามองเห็น เสี้ยวพริบตาเดียวทั้งคู่แลกเปลี่ยนเพลงดาบนับร้อนกระบวนร่ายอย่างสมน้ำสมเนื้อ!
ความตื่นตะลึงที่ครอบงำภายในใจเย่หยวนมิอาจยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ได้แล้ว ถึงขั้นสำแดงใช้ดับเงาสยบมารด้วยขุมพลังความแกร่งกล้าในปัจจุบัน อานุภาพที่เผยออกมามิอาจกล่าวอธิบายได้ภายในหนึ่งลมหายใจพรั่งพรู
ควบคู่ไปกับแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เข้าผสานรวมเป็นหนึ่ง การเคลื่อนไหวของเย่หยวนแทบไม่มีผู้ใดไล่ตามได้ทัน
ทว่าอย่างไร หญิงสาวนางนี้กลับสามารถรักษาความเร็วไล่ล่าติดตามเย่หยวนได้ทันอย่างไม่น่าเชื่อ
เกร๊งง!
สองร่างผลักไสแยกจาก นัยน์ตาไสวของเย่หยวนยามนี้เผยสะท้อนถึงความกังวลชัดแจ้ง
ใบหน้าอันเย็นชาของหญิงสาวคล้อยประดับค้างความประหลาดใจอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่านางไม่คาดหวังว่าเย่หยวนจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
“ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าสามารถมาถึงรอบนี้ได้ เจ้ามีความสามารถบางอย่างจริงๆ!”
หญิงสาวยังคงเอ่ยเสียงเรียบแสนเย็นชา
เย่หยวนสูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มว่า
“เจ้าเองก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ผสานรวมแนวคิดแห่งน้ำแข็งลงในเต๋าแห่งดาบ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนเผชิญพบกับยอดฝีมือที่สามารถหลอมรวมสองแนวคิดเข้าด้วยกันได้!
มิใช่แค่เต๋าแห่งดาบของหญิงสาวนางนี้ที่สูงถึงชั้นสวรรค์ระดับสามขั้นปลายเท่านั้น
แต่สิ่งที่น่ากลัวอีกอย่างคือ แนวคิดแห่งน้ำแข็งของนางเองก็ได้รับการขัดเกลาจนบรรลุชั้นสวรรค์ระดับสามแล้วเช่นกัน!
นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่นางเหมือนกับเย่หยวนคือ การหลอมรวมสองแนวคิดเข้าด้วยกัน อานุภาพความแข็งแกร่งจึงเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่าทวี
ก่อนหน้าที่จะเปิดฉากสู้รบ หญิงสาวผู้แสนเยือกเย็นนางนี้เปลี่ยนสมรภูมิโดยรอบให้เป็นน้ำแข็งแทรกซึมเข้ามา ตราบใดที่เย่หยวนล่วงล้ำเข้าสู่เขตของนาง ความเร็วของเขาจะตกลงโดยไม่รู้ตัว
นี่จึงเป็นเหตุที่หญิงสาวนางนี้สามารถไล่ตามความเร็วของเย่หยวนได้ทัน
แนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนช่างวิปลาสผิดแปลกมาก แต่นั่นยังคงอยู่ในขอบเขตชั้นสวรรค์ระดับหนึ่งขั้นต้นเองเท่านั้น
การที่สามารถต่อกรสัประยุทธ์กับหญิงสาวนางนี้ได้ ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาได้แล้ว!
“เร็วมาก! เจ้าเด็กนี่ปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้!”
“สวรรค์! สิบสามรอบก่อนหน้าปรากฏว่าเขายังไม่ได้เอาจริง?”
“เจ้าเด็กคนนี้…แข็งแกร่งจนวิปลาสไปแล้ว!”
…
แม้พวกเขาจะไม่สามารถสัมผัสถึงความน่ากลัวของความเร็วเย่หยวนได้ แต่จากที่เฝ้ามองอยู่ภายนอกเช่นนี้ พวกเขายังพอที่จะรับรู้ได้
เย่หยวนที่สำแดงใช้ดับเงาสยบมารออกมา ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก เหล่าอัจฉริยะพวกนี้ย่อมมองออกโดนธรรมชาติ
“ดูเหมือนว่าในที่สุด เขาก็เจือคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว! ติงฟาน การเคลื่อนไหวของเขาก่อนหน้า เป็นเจ้าจะสามารถไล่ตามได้ทันหรือไม่?”
ปาถู่เอ่ยถามติงฟานที่อยู่ข้างๆ
ติงฟานเงียบไปสักครู่ก่อนส่ายหัวกล่าวว่า
“ไม่รู้! เฝ้ามองอยู่ตรงนี้กลับสัมผัสพลังได้เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่กล่าวตามตรง…บางทีข้าอาจไล่ตามไม่ทันด้วยซ้ำ!”
เมื่อคำกล่าวนี้ดังออกมา เหล่าฝูงชนต่างระเบิดความโกลาหลขึ้นทันที
พวกเขาต่างหันขวับจับจ้องไปที่ติงฟานประดับสีหน้าตื่นตะลึงเหลือเชื่อ ทุกคนต่างไม่คาดคิดเลยว่า ติงฟานจะยอมรับเองเช่นนี้ว่า ตนด้อยกว่าเย่หยวน!
…………………………………..