“น้องเล็กสายตาเฉียบแหลมนัก ข้าอาซื่อมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในเขตเมืองทางตอนใต้! แต่เรื่องนี้ภายในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์กลับไม่มีใครรู้! ข้าบอกน้องเล็กเป็นคนแรกเลย!”
อาซื่อยังคงพูดโม้ไปเรื่อยจนน้ำลายสาดกระเซ็นไปทั่วสารทิศ
เย่หยวนกวาดสายตามองอีกฝ่ายและกล่าวว่า
“เช่นนั้น ช่วยเล่าถึงสถานการณ์ภายในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ในตอนนี้ให้ข้าฟังหน่อย”
อาซื่อเผยท่าทีค่อนข้างตื่นอกตื่นเต้น เขากล่าวว่า
“แน่นอน หาใช่ปัญหาเลย…”
จากนั้นอาซื่อก็เริ่มเอ่ยปากพ่นวาจาคำเหล่าต่างๆไม่มีหยุด อธิบายไปถึงโครงสร้างของเมืองจักรพรรดิอินทวีสวรรค์
เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้แบ่งออกเป็นห้าเขตใหญ่ได้แก่ เหนือ กลาง ตะวันออก ตะวันตก เขตจตุรทิศ และเขตเมืองชั้นใน
ภายในเมืองจักรพรรดิมีกฏระเบียบที่เข้มงวดมาก ชาวเมืองทั้งเขตจตุรทิศมิได้รับอนุญาตให้ข้ามเขตแดนมาได้ นอกจากจะมีใบรับรอง
ผู้ใดละเมิดกฎจักต้องถูกประหารไม่มีรองลงอาญาใดๆ
และเงื่อนไขสำคัญคือ การจะเข้าสู่ตัวเขตเมืองชั้นในนั้นจำต้องถือครองป้ายตราอาศัยถาวรเท่านั้น
ผลึกปราณเทวะนับห้าสิบล้านก่อน ใครได้เห็นราคานี้แทบหมุนตัวกลับไม่ทัน
ในเขตจตุรทิศกล่าวได้ว่าเป็นเขตแดนที่มีปลาและมังกรอยู่ปะปนกัน
ส่วนพื้นที่ที่เย่หยวนอยู่ในตอนนี้คือ เขตเมืองทางตอนใต้
เขตเมืองทางตอนใต้แห่งนี้ถูกปกครองโดยหกกลุ่มอิทธิพลใหญ่ ได้แก่ ตระกูลตงฟาง ตระกูลจ้าว ตระกูลซุน สามตระกูลใหญ่ และกลุ่มล่ามังกร กลุ่มขนนกเงิน สุดท้ายกลุ่มสุริยันจันทรา สามกลุ่มเจ้าถิ่น
สามตระกูลใหญ่ผูกขาดเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของเขตเมืองทางตอนใต้ ส่วนสามกลุ่มองค์กรเจ้าถิ่นครองส่วนตลาดค้าขาย
พวกเย่หยวนทั้งสามขณะเดินสนทนากันอยู่ เดินตัดผ่านถนนหลากหลายสายออกไป
บนถนนคึกคักไปด้วยเสียงผู้คนและพ่อค้า การจราจรนับว่าหนาแน่นเฟื่องฟูนัก
ตุบๆๆ!
ขณะที่ทั้งสามกำลังเดินเล่นอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นพลันปรากฏกลุ่มคนจำนวนมากวิ่งตรงเข้ามาปิดล้อมพวกเย่หยวนทันที
เมื่อฝูงชนโดยรอบเห็นแบบนั้น พวกเขาก็เร่งจับกลุ่มรวมตัวกันมุงดูทันที ราวกับเป็นเรื่องคุ้นเคยไปเสียแล้ว
“กลุ่มล่ามังกรมันเอาอีกแล้ว! เด็กหนุ่มคนนี้ช่างโชคร้ายเหลือเกิน ไฉนต้องไปเจอกับอาซื่อ”
“เด็กหนุ่มคนนี้ใบหน้าหล่อเหลา ผมเผ้าเสื้อผ้าดูดีมีชาติตระกูลคงเป็นนายน้อยจากตระกูลใหญ่สักแห่ง เพียงปราดตาเดียวก็รู้แล้วว่ารวย ไม่แปลกที่จะโดยเจ้าอาซื่อเพ่งเล็ง”
“หวังว่าเด็กนั้นคงฉลาดพอ ยอมๆอีกฝ่ายไปเลี่ยงถูกทำร้าย”
…
บนใบหน้าของกลุ่มคนที่ล้อมกรอบเย่หยวนเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ดูน่ากลัวยิ่ง
มีคนหนึ่งก้าวย่างออกมาพร้อมปรับขนาดจับจ้องเย่หยวนราวกับหมาป่าแสนละโมบมองเหยื่อ
“อาซื่อ แกะอ้วนตัวนี้ที่เจ้านำมาดูดีเลยทีเดียว!”
ชายคนนั้นมีบาดแผลบนใบหน้าดูน่ากลัวที่สุด เขาเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
อาซื่อเร่งตรงไปทันท้ายอย่างสุภาพและกล่าวว่า
“ท่านประมุขหู่ เด็กคนนี้มีดีกว่าที่คิดนัก! เขาหยิบจ่ายผลึกปราณเทวะมูลค่าล้านก้อนโดยไม่แยแสแม้แต่น้อย!”
คิ้วของชายใบหน้าโฉดกระตุกขึ้นทันที พร้อมระเบิดหัวเราะกล่าวขึ้นด้วยความยินดีว่า
“โอ้! ปลาตัวใหญ่โดยแท้! อาซื่อคราวนี้เจ้าทำดีมาก หลังจากนี้เจ้าเอาไปเลยหน้าพันก้อน!”
เย่หยวนจับจ้องภาพฉากนี้อย่างไม่แยแสเท่าไหร่นักและกล่าวขึ้นว่า
“เช่นนั้น….เจ้ามิได้พาข้าไปยังหอมหาสมบัติหรอกรึ?”
ทันทีที่ชายใบหน้าโฉดได้ยิน เขาพลันระเบิดหัวเราะเยาะดังสนั่นและกล่าวว่า
“หอมหาสมบัติ? ฮ่าๆๆๆ…ทิ้งผลึกปราณเทวะทั้งหมดไว้ตรงหน้าให้ท่านปู่หู่ผู้นี้ซะ ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะไปที่ไหน!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวเสียงเย็นขึ้นว่า
“หากข้าบอกว่าไม่?”
ทันทีทันใด ชายใบหน้าโฉดพลันแสยะยิ้มฉีกกว้างดูน่าสยดสยองขึ้นหลายส่วน
“เจ้าหนู พวกหน้าใหม่อย่างพวกเจ้าล้วนดื้อรั้นเช่นนี้ทุกคน แต่หลังจากนั้นไม่นานคนอย่างพวกเจ้ากลับเชื่องยิ่งกว่าสุนัขเฝ้าบ้านเสียอีก! อาซื่อมิได้บอกรึว่า กลุ่มล่ามังกรของเราโหดเหี้ยมปานใด? ข้านามว่าหู่ ประมุขโถงพฤกษาอสูรแห่งกลุ่มล่ามังกร!”
คู่ดวงตาของเย่หยวนหรี่แคบลงเล็กน้อย ก่อนยิ้มกล่าวว่า
“กลุ่มล่ามังกร? ช่างเป็นชื่อที่ฟังดูดีจริงๆ!”
เย่หยวนเป็นลูกครึ่งเผ่ามังกร ดังนั้นกลุ่มล่ามังกรที่ว่ามิได้เกิดมาเพื่อสังหารเขาหรอกรึ?
หู่แห่งโถงพฤกษาอสูรระเบิดหัวเราะลั่นพลางได้ยินแบบนั้น และกล่าวว่า
“ใช่ไหมล่ะ? ข้าเองก็รู้สึกว่าชื่อกลุ่มล่ามังกรฟูงดูขลังยิ่งนัก! ฮ่าๆ แต่ถึงเจ้าจะชอบหรือไม่กลับเปล่าประโยชน์! รีบๆส่งผลึกปราณเทวะออกมาได้แล้ว มิฉะนั้น…ท่านปู่ผู้นี้จำต้องสั่งสอนเจ้าสั่งหนึ่งบทเรียน!”
แสงเย็นทอประกายสาดวาบผ่านนัยน์ตาของเย่หยวน ทันใดนั้นร่างของเขาก็อันตรธานหายไป
วูบ วูบ วูบ!
หู่แห่งโถงพฤกษาอสูรยังไม่ทันตอบสนองใดๆได้ ทว่ายามนี้เย่หยวนกลับโผล่ขึ้นประจักษ์หน้าเขาชนิดเผาขนในพริบตา!
สีหน้าการแสดงออกของเขาแปรเปลี่ยนไปในทันที ก่อนชี้หน้าขึ้นใส่เย่หยวนกล่าวว่า
“เจ้า-เจ้าหนู เจ้าเล่นอะไร!?”
เย่หยวนยืนจ้องหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเหลียวไปกล่าวกับหลงซานว่า
“ไปกันเถอะ! เอ่อ…พาสหายล่ามังกรของเราไปด้วย”
หลงซานพยักหน้าและยื่นมือออกไปคว้าจับร่างอาซื่อโดยตรง
ระดับพลังอาซื่ออยู่แค่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเท่านั้น แล้วจะเป็นคู่มือของหลงซานได้อย่างไร? หลงซานผลักฝ่ามือพร้อมจับกระชากร่างออกไปอย่างง่ายดาย เสมือนกำลังลากฝูงสุนัขใกล้ตาย
“คิดจะไปไหน? ถามท่านปู่ผู้นี้หรือยัง?”
หู่แห่งโถงพฤกษาอสูรตะโกนลั่น ขณะกำลังจะเคลื่อนไหวลงมือนั้นเอง
ทันทีทันใดเขาพลันรู้สึกเย็นหวิวบริเวณท่อนล่างอย่างบอกไม่ถูก
“ฮ่าๆๆๆ!”
เหล่าฝูงชนโดยรอบต่างระเบิดหัวเราะลั่นทันที
ปรากฏว่ากลุ่มของพวกหู่แห่งโถงพฤกษาอสูรยามยามนี้ ถ้วนถูกถอดกางเกงร่วงหล่นลงมาอยู่หว่างขากันถ้วนหน้า
ตอนนี้งวงช้างของพวกเขาต่างห้อยต่องแต่งราวกับลูกตุ้มเคว้งไปมา พลันทำให้รู้สึกหนาวเย็นมิใช่น้อย
“หัวเราะอะไร! หากยังกล้าหัวเราะอีกครั้ง ข้าจะทุบแผงร้านของพวกเจ้าทิ้งซะ!” หู่แห่งโถงพฤกษาอสูรเร่งปิดกุมเป้างวงช้างตนเองด้วยความเขินอาย จนใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู่
แต่บารมีของเขาก็มิไม่น้อยจริงๆ เสียงคำรามเพียงครั้งเดียว ทำให้ทุกคนไม่กล้าขำอีกต่อไป
แค่ว่าพวกเขาพยายามอดทนกลั้นหัวเราะจนใบหน้าแดงก่ำ ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด
เขารีบหยิบกางเกงขึ้นมาทันทีและกล่าวขึ้นเจือสีหน้าแสนขมขื่นว่า
“ระดับพลังของไอ้เด็กเหลือขอนั้นไม่สูงก็จริง แต่ความแกร่งกล้ากลับมิอารประมาทได้! หากมันต้องการฆ่าพวกเขาจริงๆ ปานนี้คงกลายเป็นศพนานแล้ว!”
หู่แห่งโถงพฤกษาอสูรเป็นยอดฝีมืออาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลาง ในขณะที่เหล่าผู้ใต้บัญชาที่เขาพามาด้วย ล้วนแต่เป็นยอดฝีมืออาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นจำนวนนับสิบ
ระดับความแข็งแกร่งภายในเขตเมืองทางตอนใต้นับว่าไม่ต่ำเตี้ยเลย แต่อย่างไร พวกเขาทั้งหมดกลับถูกเด็กหนุ่มลงมือพิฆาตกางเกงลิงได้ภายในหนึ่งกระบวนดาบ
ขนาดเจ้าตัวอย่างหู่แห่งโถงพฤกษาอสูรยังไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่า เย่หยวนชักดาบตั้งแต่เมื่อใด
แววตาแสนครั่นคร้ามเกรงกลัวพลันส่องประกายขึ้นบนดวงตาของหู่แห่งโถงพฤกษาอสูรทันที ตนเป็นถึงเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลาง แต่กลับไม่สามารถมองเห็นเจ้าหนูอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นชักดาบ? นี่…นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เหล่าชายโฉดนับสิบเร่งหยิบกางเกงที่ขาดรุ่ยขึ้นสวมด้วบความอับอายและวิ่งออกไปด้วยความตื่นกลัว
…
อาซื่อถูกอีกฝ่ายกระชากแรงไปหน่อย ยามนี้เพิ่งได้สติฟื้นขึ้น เมื่อเห็นว่าหลงซานกำลังจับจ้องจนด้วยแววตาเดือดดุ ทั่วทั้งร่างพลันสั่นเทาทันทียิ่งกว่ากลัวสุดขั้ว
“โปรดช่วยข้าด้วย! นายท่านโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! ผู้ต่ำต้อยคนนี้ก็ถูกบังคับให้ทำตามเช่นกัน!”
อาซื่อพยายามก้มศีรษะขอขมาทั้งน้ำตา ยามนี้น้ำมูกไหลไม่หยุด
“เมื่อครู่ข้าสอบถามคนอื่นมาแล้ว เขตเมืองทางตอนใต้ไม่มีหอมหาสมบัติ! หอมหาสมบัติสาขาเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อยู่ในเขตเมืองชั้นใน!”
เย่หยวนเอ่ยเสียงเย็นชืด
อาซื่อเนื้อตัวสั่นเทาหนัก กลัวจนเอ่ยกล่าวแทบไม่เป็นภาษา
“ข้า…ข้ามีวิธีติดต่อกับเขตเมืองชั้นใน! ข้าเหลือท่านได้…ข้าช่วยท่านได้จริงๆ!”
เย่หยวนกวาดตามองปราดหนึ่งและยิ้มกล่าวว่า
“สนทนากับคนฉลาดช่วยประหยัดเวลา แต่น่าเสียดาย เจ้ากลับไม่มีคุณสมบัตินั้น”
อาซื่อร้องไห้น้ำเสียงขื่นขมใจยิ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่า เด็กหนุ่มที่เพิ่งทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า จะแกร่งกล้าปานนี้?
เมื่อครู่ที่เย่หยวนร่ายกระบวนดาบออกไป อย่างว่าแต่มองเห็นแม้แต่เงา เขาเพียงสัมผัสได้แค่สายลมกระโชกแรงที่พัดผ่านไปเท่านั้น ที่เหลือกลับไม่ทันเห็นหรือตอบสนองใดๆเลยก่อนจะหมดสติไป
ความเร็วระดับชั้นนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เด็กหนุ่มอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าที่มีพรสวรรค์ฝีมือ อาซื่อย่อมเคยเห็นผ่านตามาไม่น้อย แต่เขากลับไม่เคยเห็นใครที่สำแดงใช้เพลงดาบน่าสะพรึงเช่นนี้มาก่อน
หากก่อนหน้าเขารู้เช่นนี้ ต่อให้เย่หยวนเสนอเงินเพิ่มเป็นสองหรือสามเท่า เอาซื่อก็ไม่กล้าแสนอหน้านำทางอีกฝ่ายแน่นอน!
“นายท่าน…ทั้งหมดเป็นความผิดของอาซื่อเอง เราผู้ต่ำต้อยมีตาหามีแววไม่! แต่โปรดมั่นใจเถิด อาซื่อไม่เคยคิดปองร้ายท่านแม้แต่น้อย! มั้งหมดเป็นเพราะคำสั่งของประมุขโถงหู่ พวกเขาเพียงต้องการเงินเท่านั้น แต่มิได้คาดเค้นถึงชีวิต!”
อาซื่อกล่าวน้ำเสียงสั่นคลอนไม่หยุดหย่อน
เย่หยวนกล่าวตอบสีหน้าเหยียดเย็นว่า
“แน่นอน หากพวกเจ้ามีเจตนาสังหารข้า ปานนี้คงมิได้ง่ายแค่กางเกงร่วง”
อาซื่อเนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุด ยามนี้เพิ่งรู้ตัวว่าตนเดินตรงเข้าประตูนรกแสนโง่งมและมิอาจเหลียวหลังกลับได้แล้ว
แต่ทันทีทันใด เย่หยวนก็เอ่ยกลับขึ้นว่า
“ไปกันเถอะ”
อาซื่อชะงักค้างแข็งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า
“ไป…ไปไหนรึท่าน?”
เย่หยวนแสยะยิ้มกว้างกล่าวว่า
“พาข้าไปยังรังของกลุ่มล่ามังกร!”
…………………………………