“ทะ ทะ ท่าน…นายท่าน! ช่วยข้าด้วย! คนพวกนี้สั่งให้ข้าพามาที่นี่ พวกมันจะฆ่าข้า!”
เมื่อเข้าใกล้รังใหญ่ของกลุ่มล่ามังกร แข้งขาของอาซื่อพลันอ่อนปวกเปียกแทบยืนไม่อยู่
จนหลงซานต้องเข้าไปอุ้มอีกฝ่าย ราวกับลูกเจี๊ยบตัวน้อย
เย่หยวนเหลือบมองแวบหนึ่ง ฉีกยิ้มกว้างกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าไม่กลัวข้าจะฆ่าทิ้งรึไง?”
ดวงตากลมโตของอาซื่อเบิกกว้างดำสนิท ก่อนจะเป็นลมไปทั้งแบบนั้น
ภายในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้ เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเฉกเช่นอาซื่อ นับเป็นตัวประกอบเล็กๆคนหนึ่ง โดยส่วนใหญ่ได้แต่หากินตามท้องถนน มีหรือจะกล้ารุกรานหนึ่งในหกกลุ่มอิทธิพลใหญ่?
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในหกกลุ่มอิทธิพลใหญ่ กลุ่มล่ามังกรคือองค์กรหนึ่งที่ยิ่งใหญ่มาก
เหนือประตูสูงมีแผ่นป้ายติดไว้ว่า‘กลุ่มล่ามังกร’สามตัวอักษรยักษ์ช่างโดดเด่นสะดุดตายิ่ง
นอกจากนี้ด้านหน้าประตูทางเข้ายังมีเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเฝ้าอยู่ห้าถึงหกคน กล่าวได้ว่าปราการเบื้องหน้าค่อนข้างเข้มงวดและหนาแน่นมาก
เมื่อเห็นเย่หยวนย่างกรายใกล้เข้ามา แม้พวกเขาจะสังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า แต่ด้วยจำนวนที่มากกว่ากลับหาได้ใส่ใจไม่ พร้อมเอ่ยตำหนิขึ้นทันทีว่า
“เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่าที่นี่ที่ไหน? ไสหัวไปซะ!”
เย่หยวนฉีกยิ้มเล็กน้อย ก่อนสะบัดมือฟันออกไป
แกร๊ก!
ป้ายกลุ่มล่ามังกรอันสง่ายิ่งใหญ่กลายเป็นกองฝุ่นในพริบตา
เหล่าทหารยามพวกนั้นตื่นตะลึงอย่างยิ่ง คำรามลั่นโกรธเกรี้ยวจัด
“ไอ้เด็กเหลือขอ! เจ้ารนหาที่ตายแล้ว! รู้หรือไม่ว่าทำอะไรลงไป?!”
พวกเขาไม่กล้าลงมือกับเย่หยวน แต่ก็ยังพอมีความกล้าที่จะลั่นวาจาคุกคามได้
เย่หยวนกวาดสายตามองกลุ่มคนพวกนั้นปราดหนึ่ง เอ่ยเสียงกล่าวขึ้นแสนเยือกเย็นว่า
“ไปพาประมุขพวกเจ้าออกมา ข้าต้องการพูดคุยกับเขา”
ทั้งหกต่างแหงนมองสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเย่หยวนโดยพร้อมเพรียงประดุจมองคนโง่
เด็กหนุ่มคนนี้ทำลายป้ายกลุ่มล่ามังกร ทั้งยังไม่คิดหลบหนีแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังต้องการเข้าพบประมุขของพวกตนอีก เด็กยุคนี้มันเหนื่อยกับชีวิตนักรึไง?
“หึ! ได้! ไอ้เด็กเหลือขอ รออยู่ตรงนี้แหละ! หากกล้าก็ลองหนีดู!”
ทหารยามคนหนึ่งกล่าว
เย่หยวนยิ้มตอบว่า
“สบายใจเถิด ข้าไม่หนีไปไหนแน่นอน”
ทหารยามคนนั้นหันเข้าสังหารคนอื่นว่า
“พวกเจ้าคอยจับตาดูมันไว้ อย่าปล่อยให้หนีไปได้ ข้าจะเร่งไปหาหัวหน้าห้า!”
ไม่นานนัก ยามคนนั้นก็นำชายร่างกำยำออกมา กล้ามเนื้อมัดหนารูปร่างสูงใหญ่ ปลดปล่อยรัศมีกลิ่นอายสุดน่าสะพรึงมิใช่น้อย สันนิษฐานได้ว่าเป็นหัวหน้าห้าอย่างที่ว่ากัน
บนกายาของหัวหน้าห้าเปร่งประกายแสงสีทองจางๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นยอดฝีมือแขนงบ่มเพาะกายเนื้อโดยเฉพาะ
“ท่านหัวหน้าห้า เด็กคนนี้แหละ! มันบังอาจทุบป้ายกลุ่มของเราโดยไม่พูดสักคำ!”
ทหารยามคนนั้นชี้หน้าใส่เย่หยวนในทันที
เมื่อเห็นร่างเย่หยวน เขาพลันหงุดหงิดคำรามลั่นในทันใด
“เจ้า! เป็นไอ้เด็กเหลือขอจากที่ใดกัน? บังอาจทำลายป้ายกลุ่มล่ามังกรของข้า! เตรียมลงนรกไปซะ! เพลงหมัดอัสนีสะบั้นสวรรค์!”
เห็นได้ชัดแจ้งว่าหัวหน้าห้าผู้นี้เป็นพวกเลือดร้อนใช้แต่กำลัง ยังไม่ทันจะให้โอกาสเย่หยวนอธิบายใดๆ เขาก็ซัดหมัดเข้าใส่โดยตรง
จากประกายแสงสีทองทั่วร่างของหัวหน้าห้า นี่เห็นได้ชัดว่ากายเนื้อของเขาสำเร็จถึงระดับสามแล้ว
ด้วยความแกร่งกล้าของกายเนื้อระดับชั้นนี้ กล่าวได้ว่าสามารถกวาดล้างเซียนระดับเดียวกันได้เกือบหมด
บูมมม!
จุดที่เย่หยวนยืนอยู่ก่อนหน้าแหลกเละกลายเป็นหลุมบ่อขนาดมหึมา โดยหนึ่งหมัดที่หัวหน้าห้าบรรจงทุบลงไป
“หึ! ช่างเป็นเด็กที่ดวงตามืดบอดและปัญญาอ่อนโดยแท้! จงเละกลายเป็นเนื้อไปเสีย พวกเจ้ามานี้! เก็บกวาดศพ!”
หัวหน้าห้าเอ่ยปากสั่งพลางตบมือเรียกทันที
“หะ-หัวหน้า…ขะ-ข้างหลัง!!”
ทหารยามเหล่านั้นหน้าถอดสีไปโดยพลัน เอ่ยกล่าวติดอ่างไม่เป็นภาษาราวกับเห็นผี
ทันทีทันใด ทั่วกายาหัวหน้าห้าพลันสั่นสะท้านเฮือก รีบเร่งเหลียวมองในทันใด ก่อนจะพบว่ายามนี้ปรากฏคมดาบยาวกำลังชี้ปักอยู่หว่างคิ้ว
พลังแห่งแนวคิดราวกับเขื่อนแตกทะลักรั่วไหลออกมา ทำเอาหัวหน้าห้าใจหายวูบตกไปถึงตาตุ่ม
เร็วมาก!
เขาที่มีกายเนื้อบรรลุระดับสามขั้นปลายแล้วยังไม่สามารถไล่ตามความเร็วของเด็กหนุ่มอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นได้!
นี่…นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ถึงกายเนื้อจะทรงพลังปานใด แต่มันก็มิได้หมายความว่า คมดาบหรือทวนหอกจะไม่สามารถทำอันตรายอะไรได้
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าห้าผู้มีกายเนื้อสุดแกร่งกร้าวนี้ก็มีจุดอ่อนเช่นกัน
ตราบใดที่ตอนนี้เย่หยวนเร่งเร้าพลังปราณเทวะออกมา อีกฝ่ายเตรียมตัวกลับบ้านเก่าได้เลย
ทุกอณูหนังศีรษะของหัวหน้าห้าพลันขนลุกซู่ว เหงื่อเย็นหลั่งไหลเปียกชุ่มกลางหลัง ยามนี้เอ่ยกล่าวตะกุกตะกักขึ้นว่า
“น้อง…น้องชาย…มีอะไรค่อยๆพูดคุยกันดีกว่า…”
เย่หยวนเอ่ยตอบเสียงเย็น
“ก็ข้าอยากสนทนาดีๆ แต่เจ้ากลับมิให้โอกาสข้า”
จวบจนกล่าวจบ เย่หยวนยังคงจ่อคมดาบอยู่แบบนั้นไม่ขยับไปไหน
หรือเป็นไปได้ไหมว่า เด็กหนุ่มคนนี้เดินทางมาจากเขตเมืองชั้นใน?
ในมุมมองของหัวหน้าห้า มีเพียงอัจฉริยะระดับหัวกะทิในเขตเมืองชั้นในเท่านั้น ที่ทรงพลังจนน่ากลัวปานนี้
ครู่หนึ่งภายในใจ หลากหลายความคิดโฉบแล่นผ่านห้วงสมองของหัวหน้าห้าโดยตรง
กล้ามเนื้อทั่วใบหน้าหัวหน้าห้าพลันกระตุกไม่หยุด เขาเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มแสนอึดอัดใจว่า
“เอ่อ…น้องชาย กลับเป็นเจ้าที่ทำลายป้ายกลุ่มของพวกเราก่อน นี่ทำให้ข้าเมิ่งฮั่วลำบากใจนัก”
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“ข้าย่อมเข้าใจดี และตอนนี้เจ้ายังไม่ตาย”
หัวหน้าห้าเงยมองปราดหนึ่งเจือแววครั่นคร้าม เอ่ยกล่าวว่า
“น้องชาย ข้าสงสัยเล็กน้อยว่าเหตุใดเจ้าถึงมาทำลายป้ายกลุ่มของเราก่อน? หรือเป็นไปได้ไหมว่า…กลุ่มล่ามังกรของเราไปเผลอทำสิ่งใดให้น้องชายไม่พอใจเข้า? มันเป็นไอ้บัดซบคนไหนกัน? ขอเพียงน้องชายสะดวกใขเอ่ยกล่าวออกมา ข้าจะทุบมันให้ตาย!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“มีใครบางคนขวางทางและดักปล้นกลางวันแสกๆ มันบอกเพียงว่าจำต้องสั่งสอนผู้มาใหม่”
สีหน้าการแสดงออกของเมิ่งฮั่วแปรเปลี่ยนไปทันที เขาโพล่งกล่าวว่า
“ผู้…ผู้มาใหม่? นี่น้องชายมิได้มาจากเขตเมืองชั้นในหรอกรึ?”
เย่หยวนกล่าวว่า
“นี่เป็นวันแรกที่เขาเข้าเมืองมา ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้รับการปรนนิบัติชนิดพิเศษจากกลุ่มของเจ้าเช่นนี้”
เมิ่งฮั่วพูดอะไรไม่ออกไปครู่ใหญ่ การดักปล้นคนรวยผู้มาใหม่คืองานประจำของกลุ่มนี้อยู่แล้ว
แต่กลับไม่คิดเลยว่า วันนี้พวกเขาจะแตะชนเข้ากับแผ่นเหล็กอย่างจัง
ด้วยความแกร่งกล้าของเด็กหนุ่มคนนี้ แม้ว่าว่ากลุ่มล่ามังกรจะมิได้เกรงกลัว แต่หากต้องการจะล้มอีกฝ่าย อย่างน้อยต้องวานหัวหน้าสามขึ้นไปช่วยเหลือ
แต่กล่าวถึงเรื่องนี้ก็ช่างบังเอิญเสียจริง เพราะหัวหน้าสามอันดับแรกดันไปเจรจากับกลุ่มขนนกเงินซะได้! และวันนี้ไม่มีใครอยู่เลย!
“แต่…วันนี้ข้ามิได้มาเพราะเรื่องนั้น”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวต่อ
เมิ่งฮั่วตกตกลึงค้างเติ่งไปครู่ใหญ่ มิใช่เรื่องนี้แล้วเรื่องไหน?
“น้องชายอย่าได้ลังเลที่จะกล่าว! กลุ่มล่ามังกรของเรานับว่ามีอิทธิพลไม่น้อยในเขตเมืองตอนใต้ ตราบใดที่ไม่เกินมือ พวกเราย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน”
เมิ่งฮั่วยกมือทุบแกตนเองอย่างสง่าผ่าเผย
เขาในยามนี้ไม่กล้าผลีผลามและมิได้โง่เง่าขนาดนั้น
เย่หยวนครอบครองความแกร่งกล้าสุดน่าสะพรึงขวัญยิ่งตั้งแต่อายุยังน้อย ในเขตเมืองทางตอนใต้นี้กลับมีไม่กี่คนที่สามารถทำอันตรายเขาได้
ตราบใดที่เขาเต็มใจย่อมเข้าร่วมกับกลุ่มอำนาจใดอำนาจหนึ่ง กลุ่มนั้นจักต้องทะยานขึ้นเป็นผู้กุมอำนาจทางตอนใต้อย่างไม่ต้องสงสัย!
และแน่นอน…คนประเภทนี้ไม่ควรรุกรานก่อปัญหาด้วยโดยเด็ดขาด
เมิ่งฮั่วเองก็ไม่สามารถอะไรเด็กหนุ่มนี่ได้เช่นกัน!
เย่หยวนพยักหน้าพร้อมกล่าวน้ำเสียงจริงจังว่า
“ดี ข้าอยากให้…พวกเจ้าช่วยเปลี่ยนชื่อกลุ่ม!”
เมิ่งฮั่วตื่นตะลึงงันหนัก สีหน้ายามนี้พลันมืดทมิฬลงในพริบตา เขาเอ่ยกล่าวเสียงเข้มว่า
“เจ้าหนุ่ม ชื่อกลุ่มล่ามังกรของพวกเราถูกใช้มาตั้งหลายพันปีแล้ว! เจ้ากำลัง…หาเรื่องกันอย่างงั้นรึ?”
เย่หยวนส่ายหัวและกล่าวว่า
“เปล่าเลย เพียงว่า…ชื่อกลุ่มของเจ้ากลับขัดใจข้าเกินไป!”
สีหน้าการแสดงออกของเมิ่งฮั่วยิ่งทมิฬมืดลง เขาคำรามขึ้นทันทีว่า
“นี่เรื่องบ้าอันใด! เจ้าเป็นใครกัน? ไฉนชื่อของกลุ่มข้าดันไปขัดใจเจ้า? หาก…หากข้าบอกว่าไม่ล่ะ?”
เมิ่งฮั่วผู้เลือดร้อนพยายข่มกลั้นอารมณ์มานานแล้ว ตอนนี้เจอคำขอไร้สาระให้เปลี่ยนชื่อกลุ่มทั้งแบบนี้ มีหรือจะไม่โมโห?
การที่จู่ๆเปลี่ยนชื่อกลุ่มเช่นนี้ มันสร้างผลกระทบต่อพวกเขามากเกินไป และไม่มีใครกล้าไปเปลี่ยนง่ายๆแน่นอน
หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป กลุ่มล่ามังกรของเขายังมีที่ยืนบนเขตเมืองทางตอนใต้อีกงั้นรึ?
เย่หยวนเอ่ยกล่าวอย่างเฉยเมย
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าพิจารณาสามวัน หลังครบกำหนด ข้าจะกลับมาอีกครั้ง แต่หากพวกเจ้ายังปฏิเสธที่จะเปลี่ยนชื่อ พอถึงเวลานั้น…ข้าจะทลายรังของพวกเจ้าให้หมดจด! หากไม่เชื่อก็ลองดูได้!”
……………………………………………………….