เย่หยวนมิได้กลัวว่าใครจะมารบกวนจนเสียสมาธิ แต่เพราะหม้อหลอมโอสถของเขามันล้ำค่าจนน่าตกใจเกินไป
หากเรื่องที่เขาครอบครองสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำรั่วไหลออกไป เกรงว่าตนอาจถูกเหล่ายอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าตามไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง
ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้มีระดับชั้นราชันพระเจ้าอยู่ทั่วทุกหนแห่ง เย่หยวนเองก็มิกล้าประมาทเช่นกัน
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม โอสถล้างพิษก็หลอมกลั่นเสร็จสมบูรณ์
นี่เป็นโอสถล้างพิษที่เย่หยวนพัฒนาต่อยอดขึ้นมาเอง ซึ่งประสิทธิภาพแตกต่างไปจากโอสถล้างพิษระดับสามทั่วไป
“ขั้นเทวะ!”
เมื่อประมุขเห็นเม็ดโอสถกลมสวยตรงหน้า ดวงตาทั้งสองของเขาพลันเปล่งประกายจรัสในทันใด
โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะหาใช่สิ่งที่ผู้ใดจะสามารถหลอมกลั่นกันได้!
อู๋เฟินเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักหลอมโอสถอันดับหนึ่งแห่งเขตเมืองทางตอนใต้ อย่างมากที่สุดเขายังหลอมกลั่นได้แค่ขั้นสูงเท่านั้น
เพียงแค่นั้นยังต้องอาศัยโชคมหาศาล
แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าเขากลับสามารถหลอมกลั่นได้ถึงขั้นเทวะจริงๆ!
ประมุขสูดไอเย็นแช่มลึกด้วยความตื่นตะลึงใจไม่รู้จบ ขณะทอดสายตาจับจ้องเย่หยวนไม่คลายอ่อน
แต่ในไม่ช้าเขาก็นึกได้ถึงบางอย่าง พลันอดใจเอ่ยถามด้วยความงุนงงมิได้ว่า
“ท่านปรมาจารย์…นี่คือโอสถอะไร?”
เย่หยวนกลอกตาเจือรำคาญใจนักพลางกล่าวไปว่า
“นอกจากโอสถล้างพิษยังเป็นอันใดอื่นได้? ข้าคงมิได้หลอมกลั่นโอสถเพิ่มพูนพลังปราณให้เขาเลื่อนระดับชั้นกระมัง? หากยังไม่กิน ข้าขอเก็บคืน”
ประมุขเร่งก้มศีรษะให้ทันทีและเอ่ยกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า
“ทะ-ท่านปรมาจารย์ ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น! ท่านปรมาจารย์คงไม่ทราบว่าพิษชนิดนี้มิอานุภาพรุนแรงมาก เกรงว่าโอสถล้างพิษทั่วไปกลับช่วยเหลือมิได้”
เย่หยวนกลอกตาอีกระลอกด้วยความรำคาญ ยามนี้หมดอารมณ์สนทนากับประมุขโง่คนนี้แล้ว เขาเดินตรงเข้ามาข้างเตียงและยัดโอสถลงในปากของหัวหน้าสองทันที
ที่ประมุขเอ่ยถามเช่นนั้นล้วนเกิดการความกังวลทั้งสิ้น เพราะท้ายที่สุดแล้วพิษผลาญกระดูกเพลิงชื่อเสียงเลื่องลือค่อนข้างโด่งดัง
แต่ทันทีทันใดเขาก็ตระหนักทราบในทันทีว่า ตนไม่ควรสงสัยเรื่องไร้สาระเช่นนี้เลย
ท่านปรมาจารย์ที่สามารถผสานเส้นลมปราณหัวใจได้ มีหรือที่โอสถเม็ดนี้จะไม่ได้ผล?
ซ้ำแล้วมันยังเป็นถึงโอสถขั้นเทวะ!
แน่นอนว่าสีหน้าการแสดงออกของหัวหน้าสองจากทมิฬดำคล้ำ ยามนี้เริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประสิทธิภาพของโอสถเม็ดนี้แสนมหัศจรรย์ยิ่ง!
“ช่างเป็นโอสถล้างพิเศษที่มหัศจรรย์โดยแท้! เพียงไม่นาน…พิษของพี่สองก็ถูกขับออกไปแล้ว?”
“ถูกต้อง แม้แต่โอสถล้างพิษผลาญกระดูกเพลิงก็ยังไม่แสดงผลเร็วปานนี้!”
“ช่างเป็นโอสถล้างพิษที่ทรงพลังเกินไป เมื่อเทียบกับโอสถล้างพิษตามท้องตลาด พวกนั้นล้วนเป็นขยะชัดๆ!”
เหล่าพี่น้องต่างส่งเสียงร้องอุทานลั่น พร้อมตื่นตะลึงยิ่งกับประสิทธิภาพของโอสถล้างพิษเม็ดนี้
พวกเขาทุกคนในกลุ่มล้วนใช้ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายทุกวัน การได้รับบาดเจ็บทั้งทางกายและพิษล้วนเป็นเรื่องปกติเกินไป
หากพวกเขามีโอสถล้างพิษชนิดนี้พกติดตัว มีหรือยังต้องกลัวโดยวางยา?
ตุบบบ!
หลังจากที่หัวหน้าสองลุกขึ้นยืนได้แล้ว เขาก็รีบคุกเข่าลงต่อหน้าเย่หยวนทันทีและกล่าวด้วยความเคารพเลื่อมใสยิ่งว่า
“ขอบพระคุณท่านปรมาจารย์ยิ่งที่ช่วยชีวิตข้า! จู้โหย่วไม่มีวันลืม!”
เย่หยวนกล่าวตอบเสียงเรียบว่า
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า เพียงทำตามสัญญาที่ให้ไว้เป็นพอ”
ขณะที่เอ่ยกล่าว เย่หยวนเหลือบมองประมุขเล็กน้อยและกล่าวต่อว่า
“ท่านประมุข อย่าลืมเรื่องที่เราตกลงกันไว้!”
ประมุขเองรีบพยักหน้าตอบอย่างตรงไปตรงมาและกล่าวว่า
“ข้าซิงกวนกล่าวคำไหนคำนั้น ในเมื่อข้ากล่าวสัตย์ให้สัญญากับท่านปรมาจารย์เย่แล้ว ย่อมไม่กลับคำโดยเด็ดขาด! แต่…ซิงคนนี้ก็มีคำขอเช่นกัน”
เย่หยวนมิได้คิดมากอะไรนักกับคำกล่าวของอีกฝ่าย พลางเอ่ยามอย่างใจเย็นว่า
“เรื่องอันใดรึ?”
ประมุขกล่าวว่า
“ข้าได้ยินมาว่า ท่านปรมาจารย์เย่เพิ่งเดินทางมาที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เป็นครั้งแรก ข้าสงสัยว่าท่านมีที่ที่ต้องการจะไปหรือไม่?”
เย่หยวนยืนแข็งค้างอยู่ชั่วครู่ก่อนกล่าวว่า
“มีที่จะไปแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ข้ายังเข้าไปไม่ได้”
ไม่กี่วันก่อนเขาให้อาซื่อจัดการเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันกลับมิใช่เรื่องง่ายที่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ความลำบากในการเข้าสู้เขตเมืองชั้นในค่อนข้างยากกว่าที่เขาคิดไว้
เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แบ่งแยกเมืองชั้นในและชั้นนอกออกไปอย่างชัดเจน ราวกับสองโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง
เมืองชั้นในเป็นสถานที่ของชนชั้นสูงของเมืองจักรพรรดิ
ประมุขกล่าวเสนอขึ้นทันทีว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แสดงว่าท่านปรมาจารย์เย่เองก็ต้องการที่พักพิงเช่นกัน เช่นนั้นไฉนถึงไม่…เข้าร่วมกับกลุ่ม…ล่ามังกรของเราล่ะ? ท่านปรมาจารย์โปรดมั่นใจได้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของท่าน พวกเราจะจัดการเอง!”
เย่หยวนเหลือบมองซิงกวนเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้ม
“แน่ใจหรือว่าจ่ายไหว รู้หรือไม่ว่าต้องใช้ผลึกปราณเทวะจำนวนมหาศาลเท่าไหร่ในการเลื่อนระดับชั้นสู่จอมเทพโอสถสามดาว?”
ประมุขที่ได้ยินเช่นนั้นอดสำลักมิได้เช่นกัน
เขาเพียงเสนอตามที่คิดออกไปดูเท่านั้น แน่นอนว่าหากคำนวณจริงจังแล้วราคานี้ไม่สามารถจะจ่ายไหวได้!
ฝืมือของเย่หยวนน่ากลัวกว่าเฟินมาก ดังนั้นเขาหรือจะเหลียวมองกลุ่มล่ามังกรเล็กๆแห่งนี้?
แม้ว่านักหลอมโอสถโดยส่วนใหญ่จะร่ำรวยมั่งคั่ง แต่จำนวนเงินทองที่พวกเขาเผาผลาญก็หาใช่จำนวนน้อยๆ
หากพวกเขามีเงินทุนสามารถเลี้ยงดูนักหลอมโอสถได้สักคน ไฉนพวกเขาจำต้องรอจนถึงวันนี้?
ผู้ที่สามารถเลี้ยงดูนักหลอมโอสถให้กินดีอยู่ดีพร้อมทรัพยากรไม่ขาดมือได้ มีเพียงสามตระกูลใหญ่ที่มีรากฐานหยั่งลึกเท่านั้น
แม้สามกลุ่มอิทธิพลจะเป็นส่วนหนึ่งของหกขั้วอำนาจใหญ่ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสามตระกูลใหญ่แล้ว พวกเขายังค่อนข้างแย่กว่ามาก
กลุ่มทั้งสามแย่งชิงทางถนนข้างทางที่สามตระกูลมิได้สนใจอะไร
ส่วนพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดจริงๆ ทั้งหมดล้วนอยู่ในมือของสามตระกูลใหญ่ทั้งสิ้น
ประมุขเอ่ยขอโทษขอโพยทราบท่าทีเก้อเขินว่า
“เอ่อ…ซิงคนนี้อวดอ้างอึงโขมาเกินไปจริงๆ หวังว่าท่านปรมาจารย์เย่จะไม่ขุ่นเคือง”
เย่หยวนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าซิงกวนคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาทำให้อู๋เฟินขุ่นเคืองจนผิดใจกันและกล่าวว่าจะถูกอู๋เฟินสร้างปัญหาให้ในอนาคต นั้นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาพยายามดึงตัวเย่หยวนไว้
อู๋เฟินเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักหลอมโอสถอันดับหนึ่งแห่งเขตเมืองตอนใต้ เขาย่อมมีขุมกำลังอำนาจเหลือล้น
ถึงเขาจะไม่สามารถรักษาหัวหน้าสองได้ แต่พวกซิงกวนยังต้องมอบผลึกปราณเทวะแก่เขาเป็นจำนวนมหาศาลอยู่ดี ถือเป็นค่าเชิญ
ในตอนนี้พวกเขาตกอยู่ภายในสถานการณ์ที่ค่อนข้างอึดอัดใจมาก
อู๋เฟินมีสถานศักดิ์สูงส่งเพียงใด ไม่ว่าฝ่ายไหนย่อมต้องการตัว
ซิงกวนในปัจจุบันไม่กล้าปลดปล่อยขุมพลังอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นออกมาต่อหน้าเย่หยวนเลยด้วยซ้ำ
นี่จะเห็นได้ว่านักหลอมโอสถเป็นอาชีพที่สูงศักดิ์เพียงใด
แม้ระดับพลังจะไม่ถูกเท่า แต่เจ้าก็ไม่สามารถยั่วโทสะกันได้เช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเย่หยวน ในตอนนี้เขาคือความหวังเดียวของกลุ่มล่ามังกร
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ปล่อยให้ข้าอยู่ที่นี่กลับหาชาเรื่องเป็นไปไม่ได้ แต่…ข้าขอไม่เข้าร่วมกับกลุ่มพวกเจ้า นอกจากนี้พวกเจ้าช่วยจัดเตรียมร้านค้าให้ข้าด้วย”
เนื้อตัยซิงกวนสั่นสะท้านหนัก ยามนี้จับจ้องไปที่เย่หยวนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เหล่าพี่น้องโดยรอบเองต่างจับจ้องด้วยความตื่นตะลึงเช่นกัน
สรุปแล้วตกลงเช่นนี้ก็ได้ด้วยรึ?
แต่เดิมพวกเขาสูญสิ้นความหวังไปทั้งหมดไม่เหลือ แต่ใครจะไปคิด เย่หยวนจะกลับลำกะทันหันและยอมตกลงอยู่ที่นี่ต่อไปจริงๆ!
ทันทีทันใดพวกเขาทั้งหมดพลันเผยสีหน้าสุดอิ่มเอมใจขึ้นในบัดดล
“ฮ่าๆ ย่อมไม่มีปัญหา! ไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใดท่านปรมาจารย์เย่โปรดอย่าลังเลที่จะเอ่ยกล่าว! โอ้ใช่แล้ว เนื่องจากท่านปรมาจารย์เย่ต้องการให้เขาเปลี่ยนชื่อกลุ่ม ไฉนมิให้ท่านคิดชื่อให้ล่ะ?”
ซิงกวนเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยความยินดีปรีใจ
เย่หยวนพยักหน้าเห็นด้วยกับซิงกวน
เพราะยามนี้เขาค้นพบแล้วว่า การจะเข้าสู่เขตเมืองชั้นในนั้นยากกว่าที่คิดมาก
ลำพังแค่อาซื่อคงไม่ไหวแน่นอน
หอมหาสมบัติเองก็นับเป็นกลุ่มอิทธิพลชั้นหนึ่งของเขตเมืองชั้นในอีกด้วย
อาซื่อเป็นเพียงปลาตัวน้อยจะไปมีคุณสมบัติติดต่อกับกลุ่มอำนาจเช่นนั้นได้อย่างไร
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาควรหาที่ปักหลักเสียก่อน
แม้ว่ากลุ่มล่ามังกรจะมีสถานศักดิ์ค่อนข้างเป็นรองคนอื่นมาก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ล้วนเป็นคนซื่อสัตย์และถักดีต่อพี่น้องและมิตรสหาย สิ่งนี้ทำให้เย่หยวนค่อนข้างไว้ใจพวกเขา
เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปในเขตเมืองชั้นในได้ เช่นนั้นก็คงต้องปล่อยให้หอมหาสมบัติเดินทางมาหาเขาแทน
เย่หยวนครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า
“เนื่องจากความสามัคคีของพวกเจ้า ยามผสานเป็นหนึ่งเปรียบได้กับสายฟ้าคำรนก้องนภา เช่นนั้นไฉนไม่ตั้งชื่อว่า…กลุ่มอัสนีคำรน?”
…………………………………