“ฟู่วว…ผลึกปราณเทวะแปดล้านก้อน นี่…นี่มันปล้นกันชัดๆ!”
“บ้า นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว! โอสถหนึ่งเม็ดราคาแปดล้านผลึกปราณเทวะ! เจ้าเด็กนี้มันหน้าเงินเกินไป!”
“ราคาเรียกร้องสูงลิบลิ่วปานนี้ จำต้องมีทุนรอนความสามารถในการร้องขอเช่นกัน!”
…
ราคาที่เย่หยวนเสนอออกมาต่างทำให้ทุกคนระเบิดความโกลาหลขึ้นทันที
สำหรับโอสถแค่เม็ดเดียวราคาแปดล้าน นี่ยังไม่รวมค่าสมุนไพรวิญญาณด้วยซ้ำ
ราคาแพงเสียดฟ้าโดยแท้!
ทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้แทบไม่มีโอสถชนิดใดราคาแปดล้านมาก่อน
เด็กคนนี้มันหน้าเงินเกินไป!
มุมปากของหนิงซื่ออวี๋พลันกระตุกอย่างแรง นางกล่าวว่า
“หากเจ้าสามารถหลอมกลั่นได้จริง ราคาแปดล้านยังนับเป็นอันใด? แต่ข้ามีคำขอต่อหน้าทุกคนเป็นพยาน!”
นางไม่เชื่อว่าเย่หยวนจะสามารถหลอมกลั่นโอสถขั้นเทวะได้จริงๆ
บางสิ่งที่แม้แต่ท่านอาจารย์ของนางก็ยังหลอมกลั่นมิได้ แล้วเย่หยวนจะสามารถทำได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น ความยากในการหลอมกลั่นโอสถประตูศิลาวายุยังยากเสียยิ่งกว่าโอสถฤทัยปราณสวรรค์ไม่รู้กี่เท่า!
ต่อให้เป็นท่านอาจารย์ของนาง โอกาสหลอมกลั่นสำเร็จยังมีน้อยมาก!
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวตัดบททันทีว่า
“อยากจะดูข้าหลอมกลั่นโอสถกระมัง? พาพวกเขาเข้ามาให้หมดเลย”
หนิงซื่ออวี๋ผงะเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะเร่งเดินตามเย่หยวนเข้าไปทันทีอย่างหงุดหงิดใจ ซึ่งคนอื่นๆเองต่างสบสายตากันไปมาก่อนเดินติดตามเข้าไปเป็นขบวน
เนื่องจากร้านค้าโอสถมิได้ใหญ่โต ห้องหลอมกลั่นของเย่หยวนยิ่งมิได้หรูหราขนาดนั้น และเป็นเพราะผู้คนเข้ามาเฝ้าดูกันไปเป็นจำนวน จึงทำให้ห้องนี้ดูแคบลงถนัดตา
ผู้คนเหล่านี้ต่างชะโงกหน้ายื่นศีรษะเข้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อหนิงซื่ออวี๋กวาดสายตามองห้องหลอมกลั่นที่แสนเรียบง่ายและไม่มีอะไรพิเศษเลยเช่นนี้ นางก็พลันกลอกตาเจือสีหน้าดูถูกออกมา
สถานที่โทรมๆเช่นนี้รึจะเป็นแห่งกำเนิดของยอดนักหลอมโอสถ?
สิ่งที่เย่หยวนใช้คือหม้อหลอมระดับสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ เนื่องจากหม้อหลอมมณีเหลืองพิสุทธิ์เป็นของเผ่าปีศาจจึงไม่สามารถนำออกมาใช้ต่อหน้าทุกคนได้
นับว่าโชคดีนัก หลังจากที่เย่หยวนเสาะค้นสำรวจในโถงบัลลังก์ม่วงเป็นเวลานาน เขาก็ค้นพบหม้อหลอมโอสถอยู่บ้าง
โอสถประตูศิลาวายุชนิดนี้ แม้แต่หวูเฉินผู้เจนจัดด้านโอสถยังบอกว่าไม่มีสูตรโอสถอยู่ในครอบครองเช่นกัน ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เย่หยวนหลอมกลั่น
คล้อยหลังเตรียมการเสร็จสิ้น เย่หยวนก็เริ่มนั่งสมาธิสรุปสูตรโอสถทั้งหมดลงในหัว
สมุนไพรวิญญาณที่หนิงซื่ออวี๋เตรียมไว้ให้เพียงพอสำหรับหลอมกลั่นสองครั้ง นี่นับเป็นเรื่องยากเล็กน้อยที่จะหลอมกลั่นให้สำเร็จได้ภายในสองครั้ง
แน่นอนว่ากับคนอื่นมันแทบเป็นไปไม่ได้
หนิงซื่ออวี๋จ้องมองเย่หยวนด้วยสายตาแสนดูถูกยิ่ง ชายคนนี้มันก็แค่พวกกขี้โม้แน่นอน!
ภายในห้องนี้เปี่ยมล้นไปด้วยผู้คน การจะทำสมาธิในสถานที่เช่นนี้จะทำได้จริงๆงั้นรึ?
นี่มันมือสมัครเล่นขนาดนั้นเชียว?
หากไอ้เด็กเหลือขอคนนี้สามารถสรุปทวนสูตรโอสถภายใต้สภาวะเช่นนี้ได้จริงๆ มันจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว!
หนิงซื่ออวี๋เม้มปากเล็กน้อย พลางเอ่ยขึ้นอย่างหยามเหยียดว่า
“จะทำอะไรก็ทำไปเถิด! ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่าเจ้าจะความแตกตอนไหน!”
ตอนนี้นางได้ตัดสินเย่หยวนไปแล้วว่า เขาเป็นแค่คนธรรมดาที่มีดีแต่พูดเท่านั้น!
สำหรับโอสถก่อนหน้า มันอาจถูกขโมยมาจากที่ไหนสักแห่ง!
ประมาณหนึ่งชั่วยามต่อมา เย่หยวนค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมลุกตรงไปที่หม้อหลอม
ทุกคนพลันกลั้นหายใจปิดปากเงียบงัน รอให้เย่หยวนหลอมกลั่น!
ฝ่ามือเย่หยวนสั่นไสวเล็กน้อย พร้อมเริ่มสกัดหัวเชื้อทันที!
สมุนไพรวิญญาณส่วนที่เกินออกมา เย่หยวนสะบัดส่งลงไปยังภาชนะอีกโต๊ะหนึ่งทันที
ในไม่ช้าหัวเชื้อทั้งหมดก็ถูกสกัดออกมา
กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นอย่างราบรื่นในคราวเดียว
แววประหลาดใจพลันฉายออกมาจากนัยน์ตาของหนิงซื่ออวี๋ วิธีการของเย่หยวนทำให้นางประหลาดใจอย่างมาก
แต่หัวเชื้อที่สกัดลวกๆเช่นนี้จะมีประสิทธิภาพจริงๆงั้นรึ?
แค่สะบัดมือไปมาเล็กน้อยก็ทำได้แล้ว?
การสกัดตัวเชื้อมิได้นับว่าเป็นทักษะที่น่าประทับใจอันใดนัก
แต่หัวเชื้ออันแสนป่นปี้ของเย่หยวน มันแตกต่างจากของจอมเทพโอสถทั่วไป
นี่เขา…หลอมกลั่นโอสถเป็นจริงๆรึเปล่า?
ไร้สาระ!
ทุกขั้นตอนการหลอมกลั่นต้องเป็นไปตามตำราอย่างเคร่งครัด หาใช่สักแต่จะทำเองตามใจชอบ?
“เหอะ หลอกลวงผู้คนต่อไปเถอะ!”
หนิงซื่ออวี๋สบถดังพร้อมสีหน้าแสนดูถูก
เมื่อเย่หยวนยื่นฝ่ามือออกมา เปลวไฟสีขาวซีดพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
“โง่เง่าสิ้นดี ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง? คิดจะใช้ของแบบนั้นหลอมกลั่นโอสถประตูศิลาวายุ? ไม่ไร้สาระเกินไปหน่อยรึ?”
เมื่อเห็นเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวของเย่หยวน หนิงซื่ออว็พลันหัวเราะเยาะออกมาทันที
ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง ทั้งคุณสมบัติในด้านอุณหภูมิและความเสถียร มันไม่มีทางใช้หลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามได้เลย
ยิ่งเป็นโอสถประตูศิลาวายุ จำต้องให้ไฟที่มีอุณหภูมิสูงเป็นพิเศษ
สำหรับการหยิบใช้ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสองในการหลอมกลั่นโอสถปรตูศิลาวายุ ถือเป็นเพียงเรื่องโง่เง่าสิ้นดี!
ภายใต้การเลี้ยงดูอย่างดีของเย่หยวน ในที่สุดก็ทำให้เพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวของเขาทะลวงขึ้นกลายเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสองได้สำเร็จ
เพียงว่าความเร็วในการพัฒนาของเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวกลับไม่สามารถไล่ตามพัฒนาการของเย่หยวนได้ทันเท่านั้นเอง
ฝ่ามือเย่หยวนสั่นกระตุกเล็กน้อย เพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวเริ่มหลั่งไหลสู่หม้อหลอมโอสถ
ปุ๋ปุ๋ปุ๋…
ทันทีทันใดเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์พลันเปล่งแสงประกายออกมา
อุณหภูมิภายในหม้อหลอมโอสถพุ่งสูงขึ้นในทันที!
เคล็ดเพลิงปะทุ!
อุณหภูมิที่แผดเผาสูงขึ้นถึงขีดสุดนี้ ทำให้สีหน้าการแสดงออกของแต่คนละเปลี่ยนไปทันที
“นี่…นี่เป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสองจริงๆงั้นรึ? ไฉนถึงมีอุณหภูมิที่น่าสะพรึงปานนี้?”
“ระดับอุณหภูมิขนาดนี้เทียบเคียงได้กับไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเลยกระมัง?”
“ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสองที่มีอานุภาพเทียบเท่าระดับสาม? นี่มันเรื่องตลกอันใด?”
…
คลื่นเสียงอุทานกึกก้องดังลั่นจากฝูงชน ส่วนหนิงซื่อวี๋ยามนี้ใบหน้าแข็งค้างไปครู่ใหญ่
แม้อุณหภูมิจะสูงไม่เท่าไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขนานแท้ แต่นี่ก็นับว่าใกล้เคียงมาก
ไอ้เด็กเหลือขอนี่ทำได้อย่างไร?
เย่หยวนเพียงหยิบใช้เคล็ดเพลิงปะทุ เพื่อชดเชยพลังไฟที่อ่อนด้อยเกินไป
เย่หยวนปล่อยให้ต้นกล้าแห่งเพลิงควบแน่นจนระเบิดปะทุออกมา และควบคุมอุณหภูมิที่สูงขึ้นฉับพลันให้เสถียรได้ ก่อนจะระดมหลอมให้กลายเป็นหนึ่ง
นี่เป็นวิธีแก้ไขที่เย่หยวนต้องใช้อย่างช่วยไม่ได้ แต่ในแง่มุมของทุกคน กลับเป็นภาพฉากที่มหัศจรรย์นัก
ดวงตาของหนิงซื่ออวี๋เปล่งประกายขึ้นทันที ก่อนจะค้นพบบางสิ่งอย่างได้ในทันที
การจะควบคัมต้นกล้าแห่งเพลิงที่ระเบิดออกมาให้เสถียรได้ขนาดนี้…นับว่าต้องใช้พลังสมาธิที่น่ากลัวมาก!
ทักษะการควบคุมไฟของไอ้เด็กเหลือขอเชี่ยวชาญถึงจึดสุดยอดแล้ว!
เพียงว่า…เขายังเหลือพลังสมาธิเพียงพอสำหรับหลอมกลั่นโอสถต่อจากนี้หรือไม่?
การควบคุมอุณหภูมิของไฟและการควบคุมกรรมวิธีหลอมกลั่น นับเป็นสองส่วนที่ต้องทำแยกกัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิธีการควบคุมไฟของเย่หยวนจำต้องใช้พลังสมาธิมหาศาลยิ่ง เช่นนี้แล้วยังจะเหลืออะไรไปหลอมกลั่นโอสถต่อ?
รอยยิ้มแสยะยิ้มแสนยินดีปรีใจพลันปรากฏที่ขึ้นมุมปากของหนิงซื่ออวี๋ ทักษะการควบคุมไฟไม่เลว แต่นี่กลับเป็นปัญหาตอนหลอมกลั่น!
แต่ในไม่ช้า รอยยิ้มของนางพลันแข็งค้างทันทีบนใบหน้า
ภายในห้องหลอมกลั่น บรรยายการกลับแปรเปลี่ยนไปสุดน่าฉงน
กลิ่นอายแห่งบรรพกาลแผ่กระจายออกมา ราวกับทำให้ผู้คนมึนเมาชั่วขณะและไม่สามารถถอนสายตาจากเย่หยวนได้เลย
“เคล็ดดาราสวรรค์บัญชาสารทิศ!”
เย่หยวนเค้นเสียงแหบตะโกนกึกก้องออกมา ทันทีทันใดรัศมีกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกจากร่างกลับดูยิ่งใหญ่ประดุจหุบเขาไท่ซานไร้สะทกสะท้านต่อสรรพสิ่ง
ดวงตาของหนิงซื่ออวี๋ราวกับปรากฏเมฆหมอกปกคลุม ยามนี้รุ่มหลงไปกับวรยุทธหลอมกลั่นของเย่หยวนไปแล้ว
ส่วนคนอื่นๆเองต่างจับจ้องไม่วางตาราวกับถูกมนต์สะกด!
ภายในห้องหลอมกลั่นแห่งนี้ กลิ่นอายของเต๋าโอสถและดวงดาราแผ่ซ่านไปทั่ว!
เคล็ดดาราสวรรค์บัญชาสารทิศ เป็นวรยุทธหลอมกลั่นที่เย่หยวนพัฒนาขึ้นมาเอง นอกจากนี้ยังมีเต๋าโอสถเป็นส่วนประกอบสำคัญ
หากทักษะการหลอมกลั่นโอสถของเย่หยวนในอดีต สมัยที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงต้นกล้าอ่อนรอวันเจริญเติบโต ทักษะของเขาในปัจจุบันก็คือต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านไพศาลและแข็งแกร่งยิ่ง!
…………………………………