“เร็วเข้าปิงเอ๋อ รีบเข้าไปหาท่านปรมาจารย์เย่เร็ว! ท่านปรมาจารย์เย่ได้มอบชีวิตใหม่แกเจ้า ไม่สิ…แก่ตระกูลเฉียนของเรา!”
ประมุขเฉียนกล่าวกับบุตรชายของตน
ผลึกปราณเทวะจำนวนยี่สิบล้านกล่าวได้ว่าเขาใช้ความพยายามอย่างมากในการหามาในช่วงหลายปีนี้
ถึงแม้ราคายี่สิบล้านจะเป็นจำนวนมหาศาล แต่เพื่อช่วยชีวิตลูกชายของเขา สิ่งนี้นับว่าคุ้มค่านัก
ดังนั้นประมุขเฉียนมิเพียงจะไม่บ่นสักคำ แต่เขายังรู้สึกขอบคุณเย่หยวนยิ่งกว่าอะไร
“เข้าใจแล้วท่านพ่อ!”
เฉียนปิงเปล่งเสียงขานรับ ขณะที่กำลังจะก้มหัวตรงเข้าไปหาเย่หยวน แต่จู่ๆติงซ่งพลันคำรามกล่าวขึ้นเสียงเย็นว่า
“เขาได้เงินแลกกับช่วยชีวิตคนนับว่ามีอะไรน่าขอบคุณ? ในเมื่อหายแล้วก็กลับกันไปเถอะ”
สีหน้าการแสดงออกของประมุขเฉียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินติงซ่งกล่าวออกไปเช่นกัน ถึงอย่างไรเขาก็พาเฉียนปิงกลับไปทันที
แม้ว่าตระกูลเฉียนจะมีชื่อเสียงไม่น้อยภายในเขตเมืองทางตอนใต้ แต่พวกเขายังต้องพึ่งพากลุ่มสุริยันจันทราเพื่อให้อยู่รอดต่อไป ดังนั้นมีหรือจะกล้ายั่วยุล้ะเสียติงซ่ง?
ติงซ่งเองก็ยังมิได้จากไปไหน เขาและเฉินเปายังคงยืนเฝ้าใบหน้าขมขื่นอยู่เบื้องหลัง
พวกเขาไม่เชื่อว่าเย่หยวนจะสามารถรักษาอาหารเหล่านั้นได้จริงๆ
และพวกเขายังทราบดีว่า ในบรรดากลุ่มคนที่มาก่อเรื่อง คนที่รักษายากที่สุดก็คือหวางเชียน!
ประเด็นนี้สามารถคาดเดาได้จากการตีราคาของเย่หยวน
หวางห่าวหลานรายงานเรื่องนี้ไปให้กับอู๋เฟินแล้วเช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าอู๋เฟินจะยอมมอบเงินจำนวนนี้แก่เขาหรือไม่
ราคาสูงเสียดฟ้าห้าสิบล้านหาใช่ใครก็ได้ที่สามารถนำออกมา
อย่างไรก็ตาม เงินจำนวนนี้กลับไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับอู๋เฟิน มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเต็มใจให้หรือไม่
ในเวลาเดียวกัน ผลึกปราณเทวะของอีกสองตระกูลก็ถูกนำมาที่นี่แล้วเช่นกัน และเหมือนกันกับเฉียนปิง คนไข้เหล่านั้นถูกนำตัวเข้าไปในโถงเพื่อรักษาตามลำดับ
กล่าวได้ว่าวันนี้เจ้าของร้านขายโอสถสารพัดรับจ้างเก็บเงินจนเป็นตะคริว
ชั่วชีวิตที่ผ่านมาจวบจนวันนี้ เขาไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนสักครั้ง
ภายในเวลาไม่ถึงวัน พวกเขาได้กำไรไปกว่าห้าสิบล้านผลึกปราณเทวะไปแล้ว!
นี่ยังไม่รวมค่ารักษาอีกห้าสิบล้านที่เหลือ
สิริรวมแล้ว วันนี้พวกเขาฟาดรายได้ไปกว่าร้อยล้าน!
เจ้าของร้านทำงานเฝ้าดูแลและบริหารร้านค้ามามากมาย แต่นี่กลับเป็นวันแรกที่เขารู้สึกว่าเงินทองไฉนหาง่ายปานนี้
ในขณะเดียวกันหวางห่าวหลานก็รีบเร่งกลับมาเช่นกัน
สีหน้าความประหลาดใจพลันเผยปรากฏบนใบหน้าของติงซ่งและคนอื่นๆ ดูเหมือนว่าปรมาจารย์อู๋เฟินจะใจใหญ่ไม่น้อย และยอมมอบเงินก้อนนี้ให้จริงๆ!
จุจุ ตั้งห้าสิบล้าน!
นี่มิใช่เรื่องเล็กๆแล้ว!
ดูเหมือนว่าปรมาจารย์อู๋เฟินจะมั่นใจในปัญหาที่เขานำพามาให้อย่างยิ่ง!
เห็นแบบนี้พวกติงซ่งและเฉินเปาพลันใจชื้นขึ้นทันที
ตั้งแต่เริ่มจวบจนตอนนี้ เย่หยวนที่กวาดดล้างความมั่นใจของพวกเขาจนหมดหน้าตัก จนแทบไม่เหลือหน้ายืนอยู่ตรงนี้แล้ว
ไม่มีใครคิดว่าปรมาจารย์เย่คนนี้จะมีฝีมือน่าเหลือเชื่อปานนี้จริงๆ สามารถรักษาได้ทุกโรคอาการ แม้แต่ความปัญญาอ่อนของลูกชายประมุขเฉียนเองก็ไม่เว้น
คล้อยหลังหนึ่งชั่วยามผ่านไป เย่หยวนก็พาอีกคนหนึ่งออกมา
หายขาด!
“ท่านปรมาจารย์เย่ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก! ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บป่วยอะไรหรือยากแค่ไหนก็สามารถรักษาให้หายขาดได้! ป้ายสารพัดรับจ้างนับว่ามีทุนรอนจะกล่าวอ้างแล้ว!”
“ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร แต่ทักษาะฝีมือของท่านปรมาจารย์เย่กลับหาผู้ใดโต้แย้งได้! บางทีแม้แต่ท่านปรมาจารย์อู๋เฟินยังไม่หาใช่คู่มือของเขาเช่นกัน!”
“แต่ข้ารู้สึกได้ว่าหวางเชียนคนนี้กลับยากที่จะรักษาเกินไป สามารถทำให้ท่านปรมาจารย์อู๋เฟินกล้าเดิมพันหนักขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีบางอย่างที่เราไม่รู้เป็นแน่! ฟังว่าแม้แต่จอมเทพโอสถสี่ดาวยังไม่สามารถรักษาได้!”
“รักษาไม่ได้แน่นอน! ขนาดปรมาจารย์อู๋เฟินก็มาจากหอโอสถยังไม่สามารถ!”
…
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ชื่อเสียงของร้านขายโอสถสารพัดรับจ้างก็เป็นที่โจษจันกันอย่างทั่วถึงแล้ว
แม้ว่าป้าย‘สารพัดรับจ้าง’นี้จะค่อนข้างค้านสายตา แต่ทุกคนต่างทราบดีว่าปรมาจารย์เย่มีทุนรอนมากพอที่จะหยิ่งผยอง
ทุกคนล้วนตระหนักดีว่า ตำแหน่งนักหลอมโอสถอับดับหนึ่งแห่งเขตเมืองทางตอนใต้ของปรมาจารย์อู๋เฟิน มีแนวโน้มเปลี่ยนเจ้าของแน่นอน
กลุ่มอิทธิพลใหญ่ทั้งห้าร่วมมือกันมาหาเรื่องที่นี่ในวันนี้ แต่พวกเขากลับไม่คิดเลยว่า กลับเป็นพวกตนที่ดันไปสร้างชื่อให้เย่หยวนแทน!
หวางห่าวหลานยามนี้รู้สึกขัดแย้งยิ่งภายในใจ เขาตระหนักถึงเป้าหมายของอู๋เฟินดี ในขณะที่หวางเชียนเองก็เป็นหลายชายที่ตนรักที่สุดเช่นกัน
เมื่อเขาเห็นว่าเย่หยวนสามารถรักษาเฉียนปิงให้หายได้ นี่พลันทำให้เขาเกิดคาวมหวังลึกๆขึ้นในใจ
เย่หยวนกวาดสายตามองหวางห่าวหลานอย่างไม่ไยดี กล่าวว่า
“นำผลึกปราณเทวะมาด้วยกระมัง?”
หวางห่าวหลานกล่าวตอบว่า
“นำมา ตราบเท่าที่เจ้าสามารถรักษาหวางเชียน ห้าสิบล้านผลึกปราณเทวะย่อมเป็นของเจ้า!”
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“เช่นนั้นพาเขาเข้ามา”
หวางห่าวหลานนำหวางเชียนที่สภาพยามนี้เหมือนผีดิบตรงเข้าไปต่อหน้าเย่หยวน
เย่หยวนเริ่มวินิจฉัยอาการพร้อมจับชีพจรของอีกฝ้ายทันที รวมไปถึงร่องรอยพลังปราณภายในร่างกายของหวางเชียน
ทันทีทันใดคู่คิ้วของเย่หยวนพลันขมวดเข้าหากันทันที
เมื่อตงซ่ง เฉินเปาและคนอื่นๆเห็นภาพฉากดังนี้ พวกเขาพลันอดฉงนใจมิได้
ในที่สุดดไอ้เด็กเหลือขอนี่ก็ติดปัญหาจนได้
เย่หวนนั่งหลับตาลงอย่างช้าๆ เข้าฌานไป ราวกับกำลังพบเจอปัญหาใหญ่
เวลาผ่านไปอีกสองชั่วยาม เย่หยวนยังคงนั่งนิ่งไม่ตา
ติงซ่งและคนอื่นๆเองก็ไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้อีกต่อไปแล้วเช่นกัน
“นี่เจ้า เมื่อไหร่จะเลิกเสแสร้ง วินิจฉัยบ้าอะไรตั้งสองชั่วยามแถมไม่ขยับสักนิด!”
เฉินเปาโพล่งกล่าวขึ้นทันที
“หยุดสร้างภาพได้แล้วเด็กเหลือขอ คิดจะขับไล่พวกเราโดยวิธีการเช่นนี้กระมัง? เหอะ เหอะ ไร้สาระสิ้นดี! ข้าจะออกไปทุบป้ายเดี๋ยวนี้!”
“พวกเราพี่น้อง ออกไปทำลายป้ายกันเถอะ!”
คนกลุ่มนั้นที่จงใจมาหาเรื่องเริ่มเดือดดาลจัด ดังนั้นติงซ่งจึงอาสาเป็นผู้นำตรงออกไปเตรียมทำลายป้ายทันที
ห้ากลุ่มอิทธิพลใหญ่ยามนี้มีไม่ต่ำกว่าสามสิบคน พวกเขาเตรียมลงไม้ลงมือแล้วเช่นกัน
หากพวกเขาเคลื่อนไหวพร้อมกันในคราเดียว หัวหน้าห้าแค่คนเดียวไม่สามารถหยุดดไว้ได้เป็นแน่
“หยุดอย่าขยับ!”
ในขณะเดียวกัน หนิงซื่ออวี๋พลันชักดาบยาวออกมาพร้อมจ่อไปที่ติงซ่งและคนอื่นๆ
เมื่อเห็นเย่หยวนเงียบนิ่งไปเช่นนั้น นางเองก็รู้สึกกังวลใจเช่นกัน
แต่นางเชื่อว่าเย่หยวนมิได้ต้องการซื้อเวลา แต่เขากำลังวินิจฉัยอาการของอีกฝ่ายอยู่จริงๆ
ใครๆต่างก็บอกได้ว่า อาการของอีกฝ่ายมันซับซ้อนยุ่งยากเพียงใด
ในฐานะที่ปรมาจารย์เย่ยังอยู่ในระหว่างการรักษา นางไม่ยอมปล่อยให้คนอื่นๆทำลายป้ายร้านลงเด็ดขาด
เหล่าฝูงชนต่างจับจ้องหนิงซื่ออวี๋ด้วยความประหลาดใจ
แท้ที่จริงแล้ว หนิงซื่ออวี๋ไม่ต้องฟังคำสั่งของเย่หยวนเลยด้วยซ้ำ
โดยปกติแล้ว ขณะที่นางเรียนรู้ศึกษาเรื่องโอสถจากท่านจารย์ ยังมีบางครั้งที่นางคัดออกมาด้วยความแคลงใจ
แต่ตอนนี้นางถึงกับเคลื่อนไหวเพื่อรักษาหน้าของเย่หยวนไว้จริงๆ
“โอ้ ช่างเป็นสาวงามปะไรปานนี้? เจ้าจะไม่มีทางพบพานจุดจบที่ดีเลย หากยังมัวแต่อยู่กับเด็กขี้โกหกคนนี้ ไฉนถึง…ไม่ติดตามท่านปู่เปา ปรนนิบัติข้าให้ดีเสียล่ะ? ขอบอกเลย ตัวเจ้าจะมีความสุขไม่รู้จบ! ฮ่าๆๆ…”
เฉินเปาระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น ฃ
กับแค่สาวน้อยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลางคนหนึ่ง เขามิได้ใส่ใจนางเลยด้วยซ้ำ
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถซัดอีกฝ่ายให้หงายได้ภายในกำปั้นเดียวแบบเย่หยวน
บูมมม!
ไม่ทราบเลยว่าฝ่ามือนี้ปราดพุ่งออกมาจากไหน แต่เสี้ยวพริบตาต่อมา ร่างของเฉินเปาลอยลิ่วกระเด็นออกไปไกลก่อนร่วงหล่นกลางสายยถนน
“หัวหน้าหก…เขาตายแล้ว!”
ผู้คนด้านนอกที่เดินผ่านไปมาร้องอุทานขึ้นด้วยความตกใจ
ทุกคนต่างแห่รีบตรงไปยังถนนทันที ก่อนจะพบว่าเฉินเปายามนี้เหลือแต่ร่างไร้วิญญาณ
ทุกคนต่างสบตากันไปมาและไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
เฉินเปาเป็นถึงเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นปลาย แต่ไฉนถึงถูกตบตายภายในฝ่ามือเดียว?
ยังมีใครบ้างที่ทำได้ขนาดนี้?
แต่ในขณะนั้นเอง ท้ายที่สุดเย่หยวนก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น
ทันทีทันใดหนิงซื่ออวี๋ตรวจพบถึงความผิดแปลกออกไป นางเร่งเหลียวหลังกล่าวถามขึ้นว่า
“ท่านปรมาจารย์เย่ มีโอกาสรักษาเขาได้บ้างหรือไม่?”
…………………………………