สีหน้าการแสดงออกของเสี่ยวยื่อเยว่มืดทมิฬลงทันที เหล่าฝูงชนที่เฝ้ามองอยู่โดยรอบพลันสูดหายใจเย็นด้วยความหวาดผวา
ท่านปรมาจารย์เย่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ต่อหน้ายอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้ายังกล้าพูดแบบนี้!
“เจ้าหนู ดูท่าจะภาคภูมิใจในตัวเองนัก! เช่นนั้นช้าจะให้โอกาสเจ้าได้เข้าร่วมกับกลุ่มสุริยันจันทราของเรา ในอนาคตเขตแดนทางตอนใต้ทั้งหมดจักต้องตกอยู่ในมือของเรา ยามนั้นเจ้าสามารถเดินเตร่ได้ตามที่ต้องการ! วันนั้นข้าขอรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครกล้าหาเรื่องเจ้าแน่นอน!”
เสี่ยวยื่อเยว่กล่าวขึ้นพลางระงับความโกรธเกรี้ยวภายในใจลง
เย่หยวนยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“เจ้ากำลังชักชวนข้าจนต้องถ่อมาที่นี่เลยกระมัง?”
เสี่ยวยื่อเยว่กล่าวตอบเสียงเย็นว่า
“เราผู้นี้แข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว นี่เป็นสัญญาณการร่วมมือระหว่างสองกลุ่มอำนาจ ตั้งแต่นี้ต่อไปคนที่เจ้าควรติดตามคือข้าหาใช่ซิงกวนไม่!”
เย่หยวนหัวเราะคิกคักเล็กน้อย เอ่ยปากกล่าวตอบแสนเหยียดหยามขึ้นว่า
“ข้าว่าเจ้าเข้าใจอะไรผิดไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าหรือเขาก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะให้ข้าติดตามได้!”
เหล่าฝูงชนรอบข้างที่กำลังเฝ้าดูไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจแรงด้วยซ้ำ แต่ทุกสายตาที่มองเย่หยวนกลับเปี่ยมล้นไปด้วย‘ความชื่นชม’
ฝีปากแสนคมคายเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมเกินไป!
สีหน้าของเสี่ยวยื่อเยว่มืดทมิฬลงถึงขีดสุด เขากล่าวว่า
“ปฏิเสธขนมปังเพียงริมจิบ!”
แต่ในเวลานั้นเองหนิงซื่ออวี๋พลันก้าวย่างออกมาพร้อมกล่าวขึ้นแทรกว่า
“มาตรฐานในศาสตร์แห่งโอสถของท่านปรมาจารย์เย่มากเกินพอที่จะเข้าร่วมกับหอโอสถเช่นเดียวกับจอมเทพโอสถสี่ดาว ดังนั้นแล้วเจ้าที่เพิ่งแจ้งเกิดได้ไม่นาน กลับมีคุณสมบัติใดให้เขาติดตามเจ้า?”
เสี่ยวญื่อเยว่าที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธอย่างมาก!
เขาผ่านความลำบากมามากมายเกินคณานับกว่าจะทะลวงขึ้นกลายเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าได้ เดิมทีย่อมคิดว่าใครๆต่างต้องก้มศีรษะให้แก่เขา
แต่ใครจะไปคิดฝัน กลับมีพวกฟ้าต่ำแผ่นดินสูงหารู้จักไม่ถึงสองตัวที่บังอาจไม่เคารพเขา
ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าไร้ค่าปานนั้นเลยงั้นรึ?
“ฮ่าๆๆ…ข้าเป็นถึงยอดเซียนอาณจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว สาวน้อย วาจาอึงโขใหญ่โตดีหนิ! เข้าร่วมหอโอสถ? เกรงว่าเขาต้องมีชีวิตอยู่รอดเพื่อเข้าไปด้วย! หากเราผู้นี้คิดทำลายร้านขายโอสถเล็กๆแห่งนี้ อยากจะรู้เสียจริงว่า พวกเจ้ามีปัญญาทำอะไรได้!”
เสี่ยวยื่อเยว่ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยความเดือดดาลจัด ทั้งสองคนนี้หาได้เคารพในตัวเขาเลยไม่
กระแสพลังปฐพีโหมกระเพื่อมเดือดดาลเสมือนน้ำเขื่องแตกออก ซัดส่งร่างของฝูงชนโดนรอบกระเด็นออกไป
“มดปลวกที่เพิ่งเห็นโลกเป็นครั้งแรกกลับกล้าหยิ่งผยองปานนี้เชียว? แม้แต่หางยังไม่สามารถย่างกรายเข้าเขตเมืองชั้นในได้ด้วยซ้ำ หาญกล้าแตะต้องหญิงสาวผู้นี้เชียว? เชื่อหรือไม่ว่า ทันทีที่เจ้าแตกต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม จะมีคนออกมาฆ่าเจ้าทิ้งในทันที?”
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันอันแกร่งกล้าของเสี่ยวยื่อเยว่ หนิงซื่ออวี๋กลับหาได้เกรงกลัวแม้สักนิด
เห็นได้ชัดว่าแค่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าทั่วไป กลับไม่สามารถทำให้นางหวาดกลัวได้จริงๆ
ในทางตรงข้าม เสี่ยวยื่อเยว่พลันใจสั่นระรัวเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่าสถานะศักดิ์ของหญิงสาวนางนี้จะไม่ธรรมดา บางทีหรือนางจะมาจากเขตเมืองชั้นใน?
แต่ทันทีทันใดเขาปฏิเสธความคิดนี้ทิ้งไปทันทีอย่างรวดเร็ว
คุณหนูที่เป็นดั่งหัวแก้วหัวแหวนภายในตระกูลของเขตเมืองชั้นใน ล้วนมีนิสัยหยิ่งผยองอย่างหาที่เปรียบไม่ แล้วมีหรือจะลดตัวลงมาเป็นลูกมือของร้านโอสถเล็กๆแห่งนี้?
หญิงสาวนางนี้เพียงแค่ขู่ให้กลัวเท่านั้น!
“หึ! เขตเมืองชั้นใน? อย่างเจ้าหรือมีปัญญาเข้าไป? วันนี้เราจะกำจัดเจ้าทิ้งซะเดี๋ยวนี้ ขอดูหน่อยเสียว่าจะมีใครหน้าไหนโผล่มาทำอันตรายข้าได้จริงๆ?!”
เสี่ยวยื่อเยว่กรนเสียงเย็นดังสนั่น พร้อมซัดฝ่ามือเข้าให้หนิงซื่ออวี๋ด้วยอานุภาพทำลายล้างแสนท่วมท้น!
บูมมม!
ภายใต้การจับจ้องของทุกคน กลับเป็นร่างของเสี่ยวยื่อเยว่ที่กระเด็นออกไปแทนอย่างน่าแปลกประหลาด!
เขาพยุงตัวลุกขึ้นก่อนจับจ้องชายหนุ่มนิรนามตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ
จะไปมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าอีกหนึ่งคนปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อย่างไร?
“ทีนี้บอกได้หรือยังว่า…ใครกันที่โผล่มาทำอันตรายเจ้าได้?”
ดวงตาคู่นั้นของฟางหรงเสมือนเปลวเพลิงเดือดที่จับจ้องเสี่ยวยื่อเยว่เขม็งเปี่ยมล้นจิตสังหาร
หนิงซื่ออวี๋ที่เห็นแบบนั้นพลันตื่นตะลึงยิ่งในทีแรก คล้อยหลังพลันเผยสีหน้าอิ่มเอิ่มใจออกมาแทน นางรีบตรงเข้าไปดึงแขนของหนิงฟางหรงและกล่าวว่า
“พี่ใหญ่ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
หนิงฟางหรงเหลือบมองนางทันทีและกล่าวว่า
“มาอย่างไรไม่สำคัญ แต่หากไม่มาเจ้าคงกลายเป็นศพนานแล้ว!”
“ฮิฮิ ยังคงเป็นท่านพี่ใหญ่ของข้าที่เก่งที่สุด!”
หนิงซื่ออวี๋ฉีกยิ้มกว้างกล่าวออดอ้อนตามนิสัย
หนิงฟางหรงลูบศีรษะของหนิงซื่ออวี๋อย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมองเสี่ยวยื่อเยว่กล่าวน้ำเสียงเยียบเย็นว่า
“ว่าอย่างไร? ข้าพอมีคุณสมบัติทำอันตรายเจ้าได้หรือไม่?”
สีหน้าการแสดงออกของเสี่ยวยื่อเยว่ยามนี้บิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าปรากฏตัวขึ้นกลางฝูงชนเช่นนี้
ไม่ควรมองแค่ว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็ก เพราะพละกำลังของเขาเหนือชั้นกว่าเสี่ยวยื่อเยว่มาก บุคคลเช่นนี้หาใช่คู่ต่อสู้ที่ควรตอแยด้วยโดยเด็ดขาด
เขาเพิ่งคุยโม้วาจาใหญ่โตคลุมครอบสวรรค์ แต่ใครจะไปทราบว่า กลับมีคนกระโดดออกมาตบหน้าเขาในทันควัน
เช่นนี้ยังกล่าวได้ว่าไร้เทียมทานในเขตเมืองทางตอนใต้อีกได้อย่างไร?
คิดจะผนวกรวมสามกลุ่มอำนาจไว้ทั้งหมด?
ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าในวัยเพียงเท่านั้น กล่าวได้ว่าสถานะศักดิ์ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เขาเดินทางออกมาจากเขตเมืองชั้นในไม่ผิดแน่ แถมยังเป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่ภายในนั้นอีกด้วย!
ดังนั้นแล้ว…สถานะของหญิงสาวนางนั้นเองก็ไม่ธรรมดาจริงๆ!
แล้วไฉนคุณหนูผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ถึงมาเป็นลูกมือของร้านโอสถเล็กๆแบบนี้ได้?
นาง…ป่วยทางจิตกระมัง?!
สีหน้าการแสดงออกของเสี่ยวยื่อเยว่พยายามฝืนยิ้มแสนขมขื่นในยิ่ง เขากล่าวขึ้นว่า
“พี่ชายคนนี้มีตาหามีแววไม่จริงๆ เกรงว่าน้องชายคงมาจากเขตเมืองชั้นใน มิทราบว่าฝักฝ่ายใดกัน?”
หนิงฟางหรงกล่าวตอบน้ำเสียงเย็นว่า
“เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติสนทนากับข้าในฐานะพี่ชายด้วยซ้ำ! เมืองจักรพรรดิมิกฎเหล็กว่า ห้ามให้เซียนอาณาจักรราชันพระเจ้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเขตเมืองชั้นนอก แต่เจ้ากลับแหกกฎนั้น?”
เสี่ยวยื่อเยว่แทบจะร่ำไห้ภายในใจ!
เขาเพิ่งทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้หมาดๆ และยังมิได้ไปรายงานเขตเมืองชั้นใน
ในขั้นต้น เขาต้องการอาศัยจังหวะนี้รวบรวมสามกลุ่มอำนาจให้กลายเป็นหนึ่งเดียวเสียก่อน จึงจะเข้ารายงานตัวทีหลัง
เรื่องแบบนี้กล่าวได้ว่าเขตเมืองชั้นในย่อมยอมปิดตาข้างหนึ่งเพื่อปล่อยผ่านโดยธรรมดา
สำหรับเสี่ยวยื่อเยว่ เมื่อเข้าสู่เขตเมืองชั้นใน เขาย่อมต้องการทรัพยากรการบ่มเพาะพลังที่มากขึ้นเป็นธรรมดา
ดังนั้นหากเขารวบรวมสามกลุ่มอำนาจได้ เขาจะสามารถจัดหาทรัพยากรการบ่มเพาะพลังได้อย่างไม่หยุดหย่อน
เว้นเสียแต่ว่านี่จะเป็นแผนการวาดฝันในหัวเท่านั้น ขณะที่ในความเป็นจริงกลับเตะชนเข้ากับแผ่นเหล็กอย่างจัง
ใครจะไปคิดว่า ตนจะวิ่งมาเจอกับคนที่เพิ่งเดินทางออกมาจากเขตเมืองชั้นในโดยบังเอิญเช่นนี้?
“เอ่อ…ข้า…ข้า…”
เสี่ยวยื่อเยว่กล่าวตะกุกตะกักติดอ่างอยู่นาน
เมื่อเห่อเซียวและหลัวอวี้ที่อยู่ด้านหลังเห็นภาพฉากดังนั้น สีหน้าการแสดงออกของเขาพลันเศร้าหมองทันทีอย่างอดทนมิได้
เดิมพวกเขาคิดว่ากลุ่มของตนมีเสาหลักแห่งใหม่ปรากฏขึ้นเสียที แต่ในท้ายที่สุดเสาหลักที่ว่ากลับแทบถูกตบเจียนตาย
ร้านขายโอสถเล็กๆแห่งนี้กลับมีภูมิหลังเกินหยั่งถึงปานนี้เชียว!
หญิงสาวนางนั้นเรียกยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าที่เข้ามาช่วยว่าพี่ใหญ่ ดังนั้นแล้วสถานะของนางย่อมไม่ธรรมดาเช่นกัน
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ภูมิหลังของท่านปรมาจารย์เย่…
หรือเป็นไปได้ไหมว่าท่านปรมาจารย์เย่คือยอดอัจฉริยะที่เพิ่งเจิดจรัสขึ้นของหอโอสถ? การที่มาเยือนเขตเมืองชั้นนอกพร้อมติดป้ายสารพัดรับจ้าง เพียงเพื่อฝึกปรือฝีมือ?
ยิ่งทุกคนคิดถึงความเป็นไปได้นี้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมากขึ้น
ในสายตาของทุกคน สถานะศักดิ์ของเย่หยวนกลับสูงส่งอย่างหาที่เปรียบไม่
แม้ว่าหนิงฟางหรงจะมีระดับพลังทัดเทียมกับเสี่ยวยื่อเยว่ ทั้งคู่เป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวเหมือนกัน แต่รัศมีแรงกดดันที่เปล่งปลั่งออกมาจากร่างของหนิงฟางหรงกลับเหนือกว่าอย่างหาที่เปรียบไม่!
เขากล่าวตอบเพียงว่า
“เจ้าไปรอที่ทางเข้าเมืองชั้นใน ข้าจะพาเจ้าเข้าไปที่หอยุทธ์เพื่อรอรับการลงโทษ!”
สีหน้าการแสดงออกของเสี่ยวยื่อเยว่ซัดขาวหนัก เขากล่าวว่า
“เอ่อ…ท่าน…ข้า…”
หนิงฟางหรงคิ้วขมวดเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า
“อะไร? หรือเจ้ากล้ามีปัญหากับข้า? ลงมือกับคนตระกูลหนิงนับว่าเจ้ากล้ามาก!”
เนื้อตัวของเสี่ยวยื่อเยว่สั่นสะท้านหนัก คู่ขาของเขาพลันอ่อนยวบลงดั่งเต้าหู่ทันที
“ท่าน…ท่านเป็นคนตระกูลหนิง?!”
…………………………………