ตอนที่ 1555 เตรียมศึกษาบทเรียนที่เหมาะสม
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ฮ่าๆๆ ในที่สุดพวกเจ้าก็มาเสียที!”
เมื่อเย่หยวนเห็นเจ้าท้วม เขาก็โผเข้ากอดทันที
ไม่เห็นอีกฝ่ายเป็นเวลาเนิ่นนาน เย่หยวนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
หนิงซื่ออวี๋เดาะลิ้นเสียงดังก้องคล้ายว่าถึงบางอ้อเข้าใจแจ่มแจ้ง นางเหลือบมองเย่หยวนเล็กน้อยเจือความประหลาดใจ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาก็ยังมีด้านแบบนี้กับเขาด้วยเช่นกะน
เซี๋ยะจิ้งอวี๋กระวนกระวายใจยิ่งทั่วใบหน้าแดงก่ำ โพล่งกล่าวขึ้นว่า
“น้องชาย ข้าคิดถึงเจ้าแทบตาย+”
“พี่…พี่ใหญ่เย่!”
เหลียงหวางหรูดูเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยทักทายในที่สุด
เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“น้องหวางหรู พัฒนาการของเจ้าในช่วงที่ผ่านมาไม่เลวเลยจริงๆ! ฮ่าๆ”
เหลียงหวางรุยคลี่ยิ้มเก้อเขินเล็กน้อย นางกล่าวว่า
“ทั้งหมดหาใช่เพราะโอสถของพี่ใหญ่เย่? มิฉะนั้นด้วยพรสวรรค์ของหวางหรูแค่ลำพัง มีหรือจะพัฒนามาไกลถึงปานนี้?”
ในปัจจุบัน เหลียงหวางหรูทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้แล้ว อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นความเร็วในการพัฒนาที่น่าอัศจรรย์นัก
เย่หยวกล่าวอธิบายกับเหลียงหวางหรูให้กระจ่างกันมานานแล้ว ในท้ายที่สุดนี้สถานะของพวกเขาควรหยุดอยู่กันแค่พี่น้อง
แม้ความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจของเหลียงหวางหรูกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย แต่สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงยอมรับความจริงเท่านั้น
ข้างกายทั้งสองเป็นเซียวเฟิงที่ยามนี้รู้สึกตื่นตะลึงใจไม่รู้จบ เขากล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มแสนขมขื่นว่า
“เราชายชราไม่คิดไม่ฝันมาก่อนจริงๆ กลับเป็นเจ้านี่เองที่อยู่ในร้านขายโอสถสารพัดรับจ้างแห่งนี้! คิดย้อนกลับไปครุ่นพินิจให้ดี นอกจากเจ้าแล้วยังมีใครกล้าตั้งแผ่นป้ายรับจ้างสารพัดหลอมกลั่นเช่นนี้อีกกัน?”
เย่หยวนหัวเราะคิกคักเล็กน้อยกล่าวว่า
“นั้นเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เช่นกัน เงื่อนไขในการเข้าสู้เขตเมืองชั้นในยุ่งยากเกินควร ท้ายที่สุดนี้ข้าจำต้องสร้างเรื่องเล็กน้อยเพื่อดึงพวกท่านออกมาเสียเอง”
เซียวเฟิงรวนหัวเราะไม่ต่าง ยิ้มกว้างกล่าวขึ้นว่า
“สร้างเรื่องเล็กน้อย? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทุกกลุ่มอิทธิพลภายในเขตเมืองชั้นในต่างรู้จักหมดแล้วว่า มียอดอัจฉริยะคนหนึ่งที่ตั้งป้ายว่ารับจ้างสารพัด!”
ดวงเนตรคู่นั้นของหนิงซื่ออวี๋กรอกวนไปมาเสียรอบหนึ่ง นางเข้าใจทั้งหมดอย่างกระจ่างแจ้งแล้วว่า ทั้งหมดที่เย่หยวนทำไปก็เพื่อดึงทั้งสามคนนี้เข้ามาหา!
แรกเห็นเย่หยวน นางรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ช่างหยิ่งผยองยิ่งนัก
แต่เมื่อได้รู้จักจริงๆ หนิงซื่ออวี๋กลับรู้สึกว่าเย่หยวนหาใช่คนหยิ่งผยองแม้สักนิด จึงอดสงสัยว่าไปคิดอีท่าไหนถึงตั้งป้ายรับจ้างสารพัดไปแบบนั้น?
นางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ทั้งหมดก็เพื่อดึงมิตรสหายภายในเขตเมืองชั้นในให้ออกมาหา!
หนิงซื่ออวี๋ตะลึงงันจนพูดไม่ออก คงมีแค่เย่หยวนเท่านั้นที่ตัดสินใจหยิบใช้วิธีการแปลกๆเช่นนี้เพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จกระมัง?
หากเป็นคนอื่นเห็นได้ชัดว่าคงเลิกล้มความคิดไปแล้ว เพราะถึงอย่างไรคนบางอาจต้องอยู่ในเขตเมืองชั้นนอกไปตลอดชีวิต!
แต่เย่หยวนกลับเลือกที่จะท้าทายห้ากลุ่มอิทธิพลยักษ์ใหญ่โดยลำพัง ซึ่งนี่ก็ส่งผลลัพธ์ดีเกินคาด
เย่หยวนในเวลานั้นทำให้นางรู้สึกดั่งว่าเขาเป็นเทพเซียนไร้เทียมทาน!
เต๋าแห่งโอสถเหนือชั้นกว่าทุกสรรพสิ่งใด!
เย่หยวนยักไหล่และกล่าวว่า
“นี่เป็นเรื่องช่วยมิได้เช่นกัน ทุกคนก็ควรทราบดี ข้ามิได้โดดเด่นอะไรขนาดนั้น”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทั้งสามอดกรอกตามองบนใส่เย่หยวนมิได้
เซียวเฟิงลูบเครายาวสีขาวของเขา ขณะจับจ้องเย่หยวนเจือหมั่นไส้เล็กน้อย กล่าวว่า
“เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าเกือบคว่ำเมืองหลวงวู่เมิ่งมาแล้ว แต่ยังกล้ากล่าวว่าตนมิได้โดดเด่น?”
“ฮ่าๆ นั้นมันอุบัติเหตุเท่านั้นๆ!”
เย่หยวนรวนหัวเราะเอ่ยตอบกลับไป
เซียวเฟิงเพียงเอ่ยกล่าวเล่นกับเย่หยวนเท่านั้น เพราะเขาทราบดีรว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นที่เมืองหลวงวู่เมิ่ง มันหาใช่ความผิดของเย่หยวนไม่
ทั้งหมดเป็นเพราะเย่หยวนถูกบีบคั้นทั้งสิ้น
“แต่เจ้านี่ก็หัวแข็งจริงๆที่ยังกล้ากลับมายังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์! ฉินเซียวยังคงมีเส้นสายไม่น้อยในหอยุทธ์ เจ้าต้องระวังตัวให้ดี! เมื่อใดที่มันทราบว่าเจ้ากลับมาแล้ว มีหรือจะยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ?”
เซียวเฟิงกล่าว
เย่หยวนเบะปากเล็กน้อย เอ่ยกล่าวสุดหยามเหยียดขึ้นว่า
“ชีวิตสุนัขจรเฉกเช่นมัน ข้าเองก็เตรียมฆ่าทิ้งในไม่ช้าก็เร็ว! แม้ข้าจะจัดการมันให้อยู่หมัดมิได้ แต่หากจะฆ่าข้าดั่งตอนนั้น คงไม่ง่ายอีกต่อไป!”
เซียวเฟิงฉายแววประกายฉงนสงสัย ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายขึ้นชั่วขณะ ดูเหมือนว่าเย่หยวนจะพบพานโชคดีมาไม่น้อยในช่วงหลายปีมานี้!
เซียวเฟิงค้นพบว่าเย่หยวนในปัจจุบันทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
ความเร็วในการบ่มเพาะพลังเช่นนี้…ไม่เร็วจนวิปลาสไปกระมัง?
ตอนนั้นที่พวกเขาจากกันไป อีกฝ่ายเพิ่งอยู่เพียงอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น!
ในช่วงเวลาสั้นๆแค่สิบปี ระดับพลังของเขากลับเพิ่มขึ้นหนึ่งอาณาจักรพลังหลักโดยตรง
“หุหุ เจ้าเด็กคนนี้ไม่สามารถประเมินได้ด้วยสามัญสำนึกจริงๆ! เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราเจอเจ้าแล้ว เช่นนั้นก็กลับไปยังเขตเมืองชั้นในพร้อมพวกเรา!”
เซียวเฟิงร่วนหัวเราะพลางเอ่ยกล่าว
ด้วยพลังอำนาจของหอมหาสมบัติ การจะให้เย่หยวนเข้าสู่เขตเมืองชั้นในกลับง่ายเกินไป
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ไยต้องรีบร้อนไป ข้าหยิบใช้วิธีการนี้เพื่อเรียกพวกท่านมาหาก็จริง แต่แล้วก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญกว่า”
เซียวเฟิงโพล่งกล่าวอย่างฉงนใจขึ้นว่า
“ยังมีเรื่องอันใดอีกรึ?”
เย่หยวนหยิบกล่องหยกใบหนึ่งออกมา และส่งมอบให้แก่เซี่ยะจิ้งอวี๋ กล่าวว่า
“เจ้าท้วม ตามที่ข้าเคยสัญญา ยามนี้ทำสำเร็จเสียที!”
ทั่วร่างกายาของเซี่ยะจิ้งอวี๋สั่นสะท้านหนัก อุทานเสียงสะอื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
“นี่…หรือเป็นไปได้ไหมว่า…”
ทันทีทันใดเขาพลันนึกย้อนไปถึงตอนที่เขาเพิ่งได้สติตื่นขึ้นมา เย่หยวนเคยให้สัญญากับตนไว้ว่า เขาจะหาทางช่วยรักษาทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทำลายลงแน่นอน!
ในเวลานั้นเขามิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก โดยคิดว่าเย่หยวนคงกล่าวเพื่อปลอบใจเท่านั้น
หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ชายคนนี้สามารถทำได้แล่วจริงๆ?
แต่นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?
ไม่กี่ปีมานี้ เซียวเฟิงเคยพาจอมเทพโอสถสี่ดาวของหอมหาสมบัติ เพื่อช่วยวินิจฉัยเซี่ยะจิ้งอวี๋ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรักษาได้เลย!
ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของถูกทพลายลงโดยสมบูรณ์ และไม่ว่าทางใดก็ไม่สามารถกู้คืนได้เลย
เซียวเฟิงใช้จ่ายเงินเป็นราคามหาศาลในการเชื้อเชิญผู้อาวุโสจากหอโอสถมา แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถทำความปราณาของเขาให้เป็นจริงได้เช่นกัน
หลายปีที่ผ่านมา เซี่ยะจิ้งอวี๋ดูโทรมขึ้นมาก
การที่ต้องกลายมาเป็นคนพิการเช่นนี้ มันหาใช่ชีวิตที่เขาต้องการเลย
เขาสูญเสียครอบครัวทั้งยังสูญเสียคนรัก แม้แต่ตอนนี้กระทั่งพลังบ่มเพาะก็ยังหายไป นี่ทำให้ชีวิตของเขาแทบสิ้นหวัง
หลายปีที่ผ่านมา เหตุที่ทำให้เขาอ้วนขึ้นเป็นเพราะร่ำสุราบรรเทาจิตใจทุกเวลา
เมื่อเซียวเฟิงเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกหดหู่ยิ่งเช่นกัน
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“พี่ชาย ท่านกลายมาเป็นเช่นนี้ก็เพราะข้า! หากไม่สามารถรักษาท่านได้คงเป็นตราบาปข้าไปชั่วชีวิต! อย่าเพิ่งร้อนใจไป หุหุ ต้องขอบคุณท่านเสียมากกว่าที่เป็นไฟให้ข้าลุกขึ้นขยันเพียรศึกษาไม่เว้นวัน จนทำให้ศาสตร์แห่งของข้าพัฒนาไปอีกขั้น!”
กล้ามเนื้อทั่วใบหน้าของเจ้าท้วงพลันสั่นกระตุกไม่หยุด ในมุมหนึ่งเขารู้สึกตื่นอกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง แต่อีกด้านเขาก็รู้สึกซาบซึ้งกินใจยิ่งเช่นกัน
ชั่วชีวิตนี้ต่อให้มีแค่น้องเย่หยวนคนเดียว ชีวิตของเขายังต้องการอะไรอีก?
แต่เซียวเฟิงที่อยู่ข้างกาย ยามนี้เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด พลันร้องอุทานเหลือเชื่อลั่นว่า
“เจ้า..เจ้าทำได้แล้วจริงๆรึ? ที่ข้าพาเซี่ยะจิ้งอวี๋มาในวันนี้ก็หวังเสี่ยงโชคเช่นกัน แต่เจ้า…ความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งโอสถของเจ้าบรรลุลึกซึ้งถึงขั้นไหนแล้วกันแน่?!”
พัฒนาขึ้นอีกอีกระดับ? ตอนนี้เย่หยวนบรรลุเกินกว่าที่ขอบเขตความเข้าใจของเขาจะหยั่งถึงได้แล้ว!
เซียวเฟิงยังจำได้แม่น ตอนที่เย่หยวนอยู่ในอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า ในตอนนี้ความเข้าใจของเขาต่ออศาสตร์แห่งโอสถก็ลึกซึ้งอย่างหาที่เปรียบไม่แล้ว
ทว่ายามนี้ที่ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า เสมือนกับว่าเขาก้าวสู่โลกอีกใบที่ไม่สามารถเข้าใจได้อีกแล้ว!
เหล่านักหลอมโอสถด้วยกันย่อมรู้ดีว่า นักหลอมโอสถที่บรรลุถึงขอบเขตแห่งเต๋ามันมีจำนวนน้อยเพียงใด
แม้แต่ปรมาจารย์ซวนอี้ยังเคยได้ยินมาโดยบังเอิญเช่นกัน
หรือกระทั่งหวูเฉิน เขาเองยังไม่เคยแตะสัมผัสถึงขอบเขตนี้ได้เลยเช่นกัน
สหายหนุ่มคนนี้ท้าทายสวรรค์เกินไปแล้ว!
“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้าบรรลุไกลถึงปานนี้ เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าติวเข้มสั่งสอนให้ข้าอีกสักบทเรียน! หลังจากทะลวงขึ้นเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาว ข้าก็ย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน ช่างเป็นเรื่องยากนักที่จะพัฒนา ดีจริงๆที่ข้าพานพบกับเจ้าอีกครั้ง หลังจากนี้ข้าต้องฝากตัวด้วย!”
เซียวเฟิงยิ้มกล่าว
เย่หยวนกล่าวตอบอย่างยิ้มแย้มเช่นกัน
“ฮ่าๆ ท่านพี่เซียวใจดีเกินไปแล้ว! หลังจากนี้พวกเราคงต้องสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กันอีกหลายวัน! เจ้าท้วมหลังจากนี้เจ้าเข้าเก็บตัวได้เลย โอสถตราสวรรค์ฟื้นฤทัยเม็ดนี้จะช่วยให้เจ้าฟื้นคืนสู่จุดสูงสุดดั่งกาลอดีตอีกครั้ง คล้อยหลังจากนี้พวกเราสองพี่น้องเตรียมเย้ยฟ้าท้าดิน ท่องทั่วมหาพิภพได้เลย!”
เมื่อได้ยินเย่หยวนเอ่ยกล่าวเช่นนั้นด้วยความมั่นใจยิ่ง เจ้าท้วมพลันรู้สึกปั่นป่วนหัวใจยิ่ง
…………………………………………………….