ตอนที่ 1556 หากข้าบุกถล่มกลุ่มพวกเจ้าทั้งหมดล่ะ?
โดย
Ink Stone_Fantasy
หนิงซื่ออวี๋มองไปที่เย่หยวน คู่สายตาชวนสับสนรวนเรมากขึ้นเรื่อยๆ
สื่งที่ชายหนุ่มคนนี้กำลังสนทนาเอ่ยกล่าวออกไปเป็นความรู้ในศาสตร์แห่งโอสถระดับสามจริงๆงั้นรึ?
แต่ในทางตรงกันข้าม เซียวเฟิงที่รับฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ดวงตาของเขาก็ยิ่งเปร่งประกายเผยให้เห็นถึงความรู้แจ้ง
เมื่อเอ่ยปากตอบโต้กันมันก็เป็นการคลายข้อสงสัยได้ในทันใด
เซียวเฟิงที่รับฟังในขณะนั้น เขาเองก็รู้สึกตกใจสุดขีดยิ่งภายในใจ
เป็นเวลากว่าสิบปีแล้วที่พวกทั้งสองสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กันในครั้งล่าสุด
ทว่าตอนนี้เซียวเฟิงค้นพบแล้วว่า ตนไม่สามารถสนทนาแลกเปลี่ยนกับเย่หยวนได้อย่างเท่าเทียมอีกแล้ว
ทุกสิ่งที่เย่หยวนเอ่ยกล่าวถึงเสมือนว่าเขาหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง เสมือนภูเขาไท่ซานตั้งตระหง่านตรงหน้า
อย่างไรก็ตามแต่ เมื่อได้ฟังคำอธิบายราวกับเขาได้บรรลุรู้แจ้งเห็นจริงในทันใด ปัญหาบางอย่างที่เขาไม่สามารถหาคำตอบได้มากกว่าหลายปี แต่ภายใต้คำอธิบายของเย่หยวน ทุกอย่างกลับถูกไขออกได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าเด็กคนนี้นับว่ายิ่งน่าทึ่งโดยแท้! แค่ช่วงเวลาสิบปีสั้นๆ เจ้าก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก! ข้า…ข้าไม่สามารถสนทนากับเข้าในฐานะสหายร่วมอาชีพได้อีกแล้ว เสมือนเจ้าเป็นอาจารย์ข้าเสียมากกว่า!”
เซียวเฟิงอุทานขึ้นตื่นตะลึงใจนัก
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ข้าบอกไม่ถูกจริงๆว่าตอนนี้ตนพัฒนาไปไกลเพียงใดแล้ว แต่เท่าที่รู้สึกได้คือ ความเข้าใจของข้าในอดีตกลับไม่สามารถเทียบชั้นได้อีกเลยแม้แต่ปลายนิ้ว”
สำหรับเรื่องนี้ที่ได้ยินไป เซียวเฟิงพรูไอเย็นแสนครั่นคร้ามใจ เขากล่าวว่า
“ข้าไม่รู้จริงๆว่า เจ้าไปทำอีท่าไหนถึงพัฒนาได้สุดโต่งปานนี้ ดูเหมือนว่าชายชราคนนี้จะมิอาจเลือกเดินสุ่มสี่สุ่มห้าได้อีกต่อไป จากนี้คงต้องให้ความสำคัญกับรากฐานตนเองให้มากขึ้นเสีย”
เห็นว่าเซียวเฟิงเริ่มเข้าใจบ้างแล้วในระดับหนึ่ง เย่หยวนจึงยิ้มและกล่าวว่า
“ก่อสร้างอาคารสูงต้องพินิจจากรากฐานให้มั่นคงเสีย มิฉะนั้นอาจเป็นพืชไร้ราก กลับพังทลายลงได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์แห่งโอสถหรือศาสตร์แห่งการต่อสู้ก็ตาม”
เซียวเฟิงเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน เขากล่าวว่า
“สิ่งที่น้องเย่กล่าวไปล้วนเป็นความจริง เราชายชราคงหยุดเพื่ออซ่อมแซมต้นทางเสียก่อนเพื่อเดินหน้าต่อ!”
ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันได้ไม่นานนัก เจ้าท้วมก็ผลักประตูออกมาด้วยความภาคภูมิ
เซียวเฟิงจับจ้องภาพฉากนี้ดวงตาแทบถลนออกมา
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าท้วมในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงราวกับฟ้ากับเหว
ใบหน้าโทรมเปี่ยมล้นไปด้วยความสิ้นหวังของเขาถูกกวาดล้างชำระออกโดยสิ้น พลังปราณเทวะและพลังจิตวิญญาณกลับมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม ทุกอย่างดูเปลี่ยนแปลงแตกต่างก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลงคงมีแต่ พุงอันกลมโตนั้น
และระดับพลังของเจ้าท้วมเองก็เพิ่มขึ้นเร็วทันตา ยามนี้เขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้นแล้ว!
อีกเพียงก้าวเดียวก็กล่าวได้ว่าสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขนานแท้ได้
พบเห็นภาพฉากนี้ เซียวเฟิงตื่นตะลึงจนขากรรไกรแทบร่วงกราว
โอสถตราสวรรค์ฟื้นฤทัยของเย่หยวน กลับมีประสิทธิภาพน่าอัศจรรย์แสนเหลือเชื่อ!
“เย่หยวน โอสถที่เจ้าให้มาช่างวิเศษโดยแท้! หลังจากที่ข้ากลืนมันลงไปก็รู้สึกราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง!”
เจ้าอ้วงเร่งเอ่ยกล่าววาจาร้อนรนแสนตื่นเต้นยิ่งกว่าอะไร
ความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยความแข็งแกร่ง เขามิได้สัมผัสมาแสนนานแล้ว!
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“แน่นอน วัตถุดิบในการหลอมกลั่นโอสถตราสวรรค์ฤทัยล้วนแต่มีค่าหาประเมินไม่ ถึงแบบนั้นข้าก็สรรหาวัตถุดิบหลอมกลั่นถึงสิบชุด เพื่อหลอมกลั่นสิบเม็ดและเลือกสรรเม็ดที่ดีที่สุดให้แก่ท่าน”
ถึงจะเป็นโอสถขั้นเทวะ ทว่าแต่ละเม็ดก็มีประสิทธิภาพแตกต่างกันเล็กน้อย
สำหรับพี่ชายที่แสนรักของเย่หยวน มีหรือที่เขาจะยอมตระหนี่ขี้เหนียว?
ยามที่เข้าแฝงตัวอยู่ในเผ่าปีศาจ เย่หยวนใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโถงโอสถปีศาจและตระกูลฟาง เพื่อรวบรวมวัตถุดิบที่ใช้หลอมกลั่นโอสถตราสวรรค์ฟื้นฤทัยทั้งสิบชุด
หากมิใช่เพราะวัตถุดิบหลอมกลั่นแต่ละชนิดมีราคาสูงลิบลิ่วเกินไป เย่หยวนคงหลอมกลั่นกว่าร้อยเม็ดและคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดในบรรดาทั้งหมดแก่เจ้าท้วม
เจ้าท้วมกล่าวว่า
“ข้าต้องโชคดีเพียงใดที่มีน้องชายประเสริฐขนาดนี้?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“โอ้ใช่แล้ว ท่านเชี่ยวชาญในแนวคิดแห่งวายุใช่หรือไม่? หลังจากนี้ ข้าจะหลอมกลั่นโอสถภาษาวายุแก่เจ้าสักสองสามเม็ด เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเต็มขั้นได้แล้ว!”
โอสถภาษาวายุเป็นโอสถชนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าโอสถประตูศิลาวายุเล็กน้อย กล่าวได้ว่าเป็นรุ่นรองก็ไม่ผิด มันสามารถช่วยให้นักสู้อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเข้าใจแนวคิดแห่งวายุได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เซียวเฟิงและหนิงซื่ออวี๋ต่างยืนตัวแข็งค้างพูดไม่ออก ไฉนต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้ การจะเลื่อนระดับชั้นสักทีกลับเป็นเรื่องง่ายทันตา!
นักหลอมโอสถที่บรรลุขอบเขตแห่งเต๋านี่น่ากลัวโดยแท้!
ตราบใดที่เย่หยวนมีสมุนไพรวิญญาณเพียงพอ เขาย่อมสามารถสร้างกองทัพเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขึ้นได้ภายในระยะเวลาแค่ร้อยปี!
“ท-ท่านปรมาจารย์เย่!”
ทันใดนั้นเองเสียงตะโกนหนึ่งพลันดังขึ้นจากนอกร้าน
เสี้ยวอึดใจต่อมาเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาใกล้ดังขึ้นต่อเนื่อง
เย่หยวนขมวดคิ้วมุ่นเป็นปมหนา ก่อนจะพาทุกคนออกไปรับหน้าด้วยกัน
ณ ด้านหน้าร้าน ร่างของหวางเฉียนล้มลงจมกองเลือดจวนเจียนหมดสติเต็มทน ทั่วทั่งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขาอาบชุ่มไปด้วยเลือดสด
ยามนี้ปรากฏกลุ่มคนจำนวนมากเข้าโอบล้อมทั่วทั้งบริเวณร้านขายโอสถรับจ้างสารพัด จนไม่มีแม้แต่ช่องทางน้ำไหลได้
“ลากมันออกมา!”
คนที่อยู่ตรงหน้าประจันกับพวกเย่หยวนเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น ยามนี้จับจ้องเย่หยวนไม่วางตา
เขาคนนี้มีนามว่า หัวซิงหวาง เป็นองครักษ์อันดับหนึ่งแห่งหอเต๋ออี้ ความแข็งแกร่งของเขาไม่ว่าผู้ใดล้วนต้องเกรงขาม
สำหรับเซียวเฟิงในตอนนี้ เขากำลังระงับอาณาจักรพลังตนเองอยู่ ดังนั้นหัวซิงหวางจึงไม่สามารถมองผ่านอ่านอีกฝ่ายออกได้เลย
ผู้ใต้บัญชาคนหนึ่งของหัวซิงหวาง ก้าวย่างตรงขึ้นมาและกำลังจะนำตัวหวางเชียนกลับออกไป
“ท่าน…ปรมาจารย์เย่ ช่วย…ช่วยข้าด้วย!”
หวางเชียนเค้นพลังเฮือกสุดท้ายตะโกนขอความช่วยเหลือ
บูมมม!
เย่หยวนยกบาทาทีบร่างของผู้ใต้บัญชาคนนั้นปลิวกระเด็นออกไป และสิ้นใจตายในบัดดล
สายตาที่จับจ้องของกัวซิงหวางเยียบเย็นขึ้นทันใด เขากล่าวกับเย่หยวนขึ้นว่า
“เจ้าหนู กับแค่รักษาคนไข้เพียงไม่กี่คน อย่าคิดอวดดีให้มากนัก! เจ้าหนุ่มคนนี้นับเป็นอาชญากรคนสำคัญของหออเต๋ออี้ ตอนนี้เรากำลังไล่ตามจับกุมตัวกลับไปเท่านั้น หากเจ้ายังกล้าแส่หาเรื่อง วันนี้ข้าจะรื้อร้านของเจ้าทิ้งซะ!”
กัวซิงหวางย่อมรู้ดีถึงเกียรติศักดิ์ของร้านขายโอสถรับจ้างสารพัดแห่งนี้ ว่ากันว่ายังมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าออกโรงปกป้อง นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกตระกูลหนิงอีก
แต่เพียงแค่สมาชิกตระกูลหนิงคนเดียว หอเต๋ออี้หาได้เกรงกลัวไม่
ต่อให้ซิงกวนออกโรงเข้าปกป้อง ณ ตอนนี้ เขาเองก็ไม่กลัวเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เย่หยวนหาได้ใส่ใจอีกฝ่ายแม้สักนิด เขารีบก้มลงตรวจดูอาการบาดเจ็บของหวางเชียนทันที ก่อนที่คู่คิ้วจะขมวดแน่นขึ้นโดยมิตั้งใจ
อาการบาดเจ็บของหวางเชียนค่ออนข้างรุนแรงมาก นอกจากนี้เขายังถูกวางยาพิษ
หากเป็นนักหลอมโอสถธรรมดาทั่วไป ยามนี้กล่าวได้ว่ายืนอยู่บนปลายเชือกแล้ว
เย่หยวนเคลื่อนไสวด้วยความเร็วดุจสายฟ้า เข้าสกัดจุดบนร่างหวางเชียนสองถึงสามที ก่อนจะตบโอสถล้างพิษเข้าปากไปโดยตรง
สีหน้าการแสดงออกของหวางเชียนดูผ่อนคลายลงอย่างมาก ก่อนจะหมดสติไปในท้ายที่สุด
เมื่อกัวซิงหวางเห็นว่าเย่หยวนมิได้ใส่ใจฟังตนแม้แต่น้อย ก็แทบจะปะทุเดือดจัดขึ้นทันที
ไอ้เด็กเหลือขอนี่มันหยิ่งผยองเหมือนกับในข่าวลือไม่มีผิด!
“เจ้าหนู คิดปฏิเสธขนมปังเพียงริมจิบแล้ว เจ้าคิดว่าการที่ตนแขวนป้ายสารพัดรับจ้าง กลับทำให้มีคุณสมบัติล้ำเส้นหอเต๋ออี้ของเราได้แล้ว? คิดว่าตนเองใหญ่คับฟ้ามาจากไหน? โชคไม่ดีนัก วันนี้ซิงกวนมิได้อยู่แถวนี้เสียด้วย เช่นนั้นเตรียมรับโทษทัณฑ์จากข้าได้เลยไอ้เด็กเหลือขอ!!”
กัวซิงหวางระเบิดหัวเราะเยาะดังลั่นและพุ่งเข้าไปคว้าตัวเย่หยวนโดยตรง
อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นหรือจะสู้ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น?
บูมมม!
เสี้ยวพริบตาต่อมา กลับเป็นร่างของหัวซิงหวางเองที่ถูกซัดกระเด็นปลิวออกไปราวกับใบไม้แห้ง!
กลางห้วงอากาศ กัวซิงหวางกระอักพ่นเลือดสดออกมารุนแรง ร่างล้มกระแทกใส่ผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านหลังจนล้มระเนระนาด
เขาพยายามตะเกียกตะกายพยุงตัวขึ้น พลางจับจ้องไปที่เซียวเฟิงด้วยความตื่นตกใจสุดขีด!
ทันทีทันใด พลันปรากฏรัศมีแรงกดดันสุดแกร่งกร้าวพลันปะทุคลั่งออกมาทั่วบริเวณร้าน
นั้นคือรัศมีแรงกดดันของขุมพลังแห่งอาณาจักรราชันพระเจ้า!
ในขณะเดียวกันแรงกดดันทั้งหมดของกัวซวงหวางถูกกดขี่อย่างหนักจนคลายอ่อนลงดั่งลูกแมวในพริบตา
ไหนว่ายอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าจากตระกูลหนิงคนนั้นกลับเข้าไปยังเขตเมืองชั้นในแล้ว?
แล้ว…แล้วนี่…ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าอีกคนโผล่มาจากไหน?
ร้านขายโอสถเล็กๆแห่งนี้มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่?
สีหน้าการแสดงออกของเซียวเฟิงมืดทมิฬลงเล็กน้อย ขณะเอ่ยปากกล่าวว่า
“หอเต๋ออี้อะไรนั้นมันน่ากลัวขนาดนั้นเชียว? หากข้าบุกถล่มกลุ่มพวกเจ้าทั้งหมดล่ะ?”
…………………………………………………