“เหอะ ปากเก่งจริงๆ! กล่าวราวกับว่ายังมีระดับที่เหนือกว่าขั้นเทวะ! ไร้สาระสิ้นดี! เช่นนั้นข้าก็อยากเห็นเช่นกันว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้าของเจ้ามันเป็นอย่างไร!”
ศิษย์พี่ใหญ่เอ่ยตอบเสียงเยียบเย็น เหลือบมองเย่หยวนด้วยสายตารังเกียจยิ่ง
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“เช่นนั้นก็จงเบิกตาดูให้ดี”
เมื่อเย่หยวนเริ่มหลอมกลั่นโอสถ แม้แต่ซวนอี้เองยังแสดงสีหน้าเคร่งขรึมจับจ้องไม่วางตา
นับตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้บรรลุถึงขอบเขตแห่งเต๋าได้แล้ว ซวนอี้ก็ตื่นเต้นถึงขั้นนอนไม่หลับหวังจะเห็นอีกฝ่ายหลอมกลั่นกับตาตนเอง
ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้สมความปรารถนาเสียที
ในขณะเดียวกัน ไฟศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่าน กลิ่นอายแห่งเต๋าแผ่กระจายไปทั่วห้องหลอมกลั่น
สีหน้าการแสดงออกของศิษย์พี่ทั้งสี่แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ยามนี้เผยปรากฏล้นความแตกตื่นใจ
ขุมพลังอัศจรรย์เช่นนี้ แม้แต่ท่านอาจารย์ของพวกเขาก็ยังไม่เคยปลดปล่อยออกมาได้
ความยากในการหลอมกลั่นโอสถดาราจันทร์เงินนับว่าระดับชั้นปฐมพื้นฐานเกินไปสำหรับเย่หยวน เขาไม่จำต้องใช้ความพยายามอันใดมากนัก
เวลาหลอมกลั่นค่อยๆผ่านพ้นไป
ชั่วพริบตาหนึ่งชั่วยามพ้นผ่าน ท่ามกลางสายตาสุดตื่นตะลึงของทุกคน ในที่สุดเย่หยวนก็หลอมกลั่นเสร็จสิ้น
ซวนอี้เลิกคิ้วดูคล้ายมึนงงอยู่หลายส่วน
ในขณะที่ศิษย์พี่ทั้งสี่ที่เฝ้ามองไม่ห่างตา ยามนี้ล้วนแต่การันตีผลลัพธ์ในใจแล้วว่า คุณภาพโอสถที่เด็กคนนี้หลอมกลั่นได้คงไม่ต่ำกว่าของท่านอาจารย์พวกเขาแน่นอน!
เห็นเพียงแค่นี้ก็ทำให้พวกเขาทั้งสี่ตระหนักได้แล้วว่า พวกเขายังคงห่างชั้นกับเด็กคนนี้มากนัก
แม้ว่าศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่สองจะเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาวแล้ว แต่การหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามให้ได้ขั้นเทวะ ถือว่าได้แต่ฝันไปเท่านั้น
สิ่งที่พวกเขาประหลาดใจที่สุดคือ เย่หยวนเป็นเพียงเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น แต่ไฉนการหลอมกลั่นของเขาถึงได้สมบูรณ์แบบปานนี้?
“เป็นอย่างไรบ้างศิษย์พี่ใหญ่? ตอนนีเชื่อหรือยัง?”
ทันทีทันใด สุ้มเสียงของหนิงซื่ออวี๋พลันดังขึ้นข้างหูของเขา ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่สะดุ้งโหย่งได้สติขึ้นมา
ศิษย์พี่ใหญ่ตะคอกส่วนกลับไปว่า
“เด็กคนนี้…แข็งแกร่งอย่างมากก็จริง แต่…ระดับชั้นคงไม่มีทางเหนือไปกว่าขั้นเทวะของท่านอาจารย์แน่นอน! ในแง่มุมของข้า อย่างมากก็ขั้นสวรรค์เองกระมัง!”
หนิงซื่ออวี๋กลล่าวตอบขึ้นมาว่า
“ผ่อนคลาย ท่านปรมาจารย์เย่จะหลอมกลั่นได้ข้เทวะอย่างไม่ต้องสงสัย!”
นางเคยเห็นเย่หยวนหลอมกลั่นโอสถประตูศิลาวายุกับตา จึงทราบดีว่าแค่โอสถดาราจันทร์เงิน อีกฝ่ายยังมิได้เอาจริงด้วยซ้ำ
นางทราบถึงขั้นว่า ตอนที่เย่หยวนเอาจริงชนิดที่ไม่รั้นรอนฝีมือ คงเป็นตอนที่เขาหลอมกลั่นโอสถชำระไขกระดูกสวรรค์
และในเมื่อเย่หยวนไม่จำต้องเอาจริงด้วยซ้ำกับการหลอมกลั่นครั้ง นี่ก็สามารถบอกได้ว่า เขามีความมั่นใจขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม ศิษย์พี่ใหญ่ยังคงเค้นเสียงเย็นเอ่ยหยามเหยียดขึ้นว่า
“หึ! เจ้าคิดว่าโอสถขั้นเทวะมันหลอมกลั่นง่ายดั่งกะหล่ำปลีกระมัง? แม้ว่าเขาจะหลอมกลั่นได้ขั้นเทวะจริงๆ แต่มันก็ไม่มีทางเหนือไปกว่าท่านอาจารย์!”
“เช่นนั้นรึ?”
เย่หยวนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ฝ่ามือสั่นกระตุกวูบหนึ่ง ปรากฏเม็ดโอสถลอยออกมาจากหม้อหลอม
ทุกคนต่างขยับขยายสายตาจับจ้องทันทีโดยมิตั้งใจ
ปรากฏว่าเป็นโอสถดาราจันทร์เงินขั้นเทวะเช่นกัน!
“เหอะ อย่างที่ข้ากล่าวไปไม่ผิดเพี้ยน อย่างท่านปรมาจารย์เย่หรือจะหลอมกลั่นไม่ได้ขั้นนี้?”
หนิงซื่ออวี๋หยักไหล่ตอบ
ศิษย์พี่ใหญ่เม้มปาก ยังคงกล่าวเถียงออกไปว่า
“แม้จะเป็นขั้นเทวะเช่นกัน แต่อย่างมากก็เทียบกับของท่านอาจารย์ ไอ้เด็กเหลือขอนี่แพ้!”
ซวนอวี้กลอกตาไปมาด้วยความรำคาญ ก่อนกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าศิษย์คนนี้! หุบปาก! รอบนี้กลับเป็นอาจารย์ผู้นี้ที่พ่ายให้แก่ปรมาจารย์เย่ โอสถดาราจันทร์เงินของปรมาจารย์เย่บรรลุถึงชั้นเทวะโมฆะ!”
สายตาที่จับจ้องของศิษย์พี่ใหญ่แปรเปลี่ยนไปทันใด อุทานคำลั่นเจือเหลือเชื่อว่า “ท่านอาจารย์ล้อเล่นกระมัง? ยังมีใคร…มีใครสามารถไปถึงขั้นเทวะโมฆะได้อีกงั้นรึ?”
ซวนอี้ตะคอกสวนกลับไปทันที
“ก็ใช่ไง! มิฉะนั้นข้าจะเรียกพวกเจ้าให้มาดูทำไม!”
ขั้นเทวะกลับมิใช่จุดสิ้นสุดที่แท้จริง
ในบรรดาโอสถขั้นเทวะด้วยกันยังสามารถแบ่งได้อีกห้าระดับชั้นคุณภาพ!
ขั้นเทวะม่วง ขั้นเทวะโมฆะ ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล ขั้นเทวะวิญญาณมรณา และสุดท้ายคือขั้นเทวะตำนาน!
แน่นอนว่ายิ่งคุณภาพโอสถสูงขึ้นเท่าไหร่ ความบริสุทธิ์ก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปเท่านั้น
ช่องว่างระหว่างห้าระดับชั้นคุณภาพนี้ยิ่งใหญ่ดั่งฟ้าดิน และแต่ละระดับชั้นประสิทธิภาพของโอสถแตกต่างกันหลายสิบเท่าทวี!
โอสถขั้นเทวะเป็นเพียงเกณฑ์ความบริสุทธิ์ที่สูงจนสามารถให้กำเนิดความสามารถพิเศษแฝงในเม็ดโอสถนั้นได้
แต่ขีดจำกัดที่แท้จริงของศาสตร์แห่งโอสถกลับสูงล้ำเกินจินตนาการไปแล้ว
ว่ากันว่าเหนือขีดจำกัดยังมีช่องว่างสำหรับพัฒนาต่อยอดขึ้นไปได้อีก
เพียงว่าการจะพัฒนาต่อจากขั้นเทวะให้สูงขึ้นไปอีกกลับเป็นเรื่องยากเกินพรรณนาได้
ด้วยระดับชั้นของศิษย์พี่ใหญ่การจะหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์สามดาวหาใช่เรื่องยากเกินไปเช่นกัน หากบังเอิญหรือโชคดีจริงๆ อาจมีบ้างที่หลอมกลั่นได้ขั้นเทวะ แต่นั่นก็เป็นแค่ขั้นเทวะม่วงที่เป็นระดับชั้นธรรมดาที่สุด
สำหรับขั้นเทวะโมฆะกลับเป็นเรื่องเกินจินตนาการมากไปแล้ว!
อย่างไรก็ตาม เย่หยวนที่เป็นแค่จอมเทพโอสถสามดาว เขากลับสามารถหลอมกลั่นขั้นเทวะโมฆะได้แล้วจริงๆ!
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ซวนอี้วางโอสถทั้งสองเม็ดเทียบกันชัดๆและกล่าวกับศิษย์ทั้งสี่ของตนว่า
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็จงดูด้วยตาตนเอง เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโอสถทั้งสองเม็ด!”
ศิษย์พี่ใหญ่ขยับขยายสายตาจับจ้องเขม็งไปมา ก่อนอุทานลั่นว่า
“จริงๆด้วย…โอสถของท่านอาจารย์ดูด้อยกว่าเล็กน้อย น่าเสียดายอีกนิดเดียวก็จะบรรลุถึงขั้นเทวะโมฆะได้แล้ว!”
ศิษย์พี่ใหญ่มุ่งเป้าความสนใจไปกับการเปรียบเทียบโอสถทั้งสองเม็ดจนลืมสรรพสิ่งรอบตัวไปโดยชั่วขณะ
นั้นเป็นโอสถชั้นเทวะโมฆะจริงๆ! นี่มันโอสถระดับตำนาน!
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโสซวนอี้ เช่นนั้นเริ่มรอบต่อไปกันเถอะ!”
ซวนอี้พยักหน้ากล่าวว่า
“เช่นนั้นข้าเริ่มก่อน!”
บรรดาศิษย์พี่ทั้งสี่เพิ่งได้สติกันพลับมา ศิษย์พี่ใหญ่เม้มปากแน่นกล่าวว่า
“โอสถชนิดหลังๆ มีแต่จะยากและซับซ้อนขึ้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าหนุ่มนี่จะสามารถเอาชนะท่านอาจารย์ได้ทุดรอบ! คราวนี้เตรียมโขกศีรษะขอขมาได้เลย!”
แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป สีหน้าการแสดงออกของพวกเขาก็ยิ่งตื่นตะใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งเวลาผ่านไป ฝีไม้ลายมือของเย่หยวนก็นิ่งผงาดง้ำน่าเกรงขามเกินจินตนาการ
หลังจากประสบความยากลำบากในการหลอมกลั่นโอสถหนักขึ้นเรื่อยๆ ซวนอี้ที่มาถึงรอบที่สามในที่สุด เขาก็ไม่สามารถหลอมกลั่นโอสถได้ขั้นเทวะอีกต่อไป
ในขณะที่เย่หยวนยังคงหลอมกลั่นได้ขั้นเทวะอย่างต่อเนื่อง!
“นี่…นี่มันเกินความเข้าใจข้าไปแล้ว! ยิ่งโอสถหลอมกลั่นได้ยากเท่าไหร่ เจ้าหนุ่มนี้กลับหลอมกลั่นได้คุณภาพสูงขึ้น! ไฉนเขาถึงทำได้ขนาดนี้?”
ศิษย์พี่ใหญ่ร้องอุทานขึ้นเจือน้ำเสียงตื่นตะลึงสุดหัวใจ
“ถูกต้อง! เขาคนนี้ยังใช่มนุษย์อย่างเราๆรึเปล่า?!”
ศิษย์พี่สองติงซุนอุทานลือลั่น
“กล่าวได้ว่าขุมพลังที่แท้จริงของเขาเหนือกว่าโอสถเหล่านี้หลายขุม เขาถึงสามารถรีดเร้นประสิทธิภาพโอสถออกมาได้จนถึงขีดสุดทุกเม็ด! ความเข้าใจของเขาบรรลุถึงขอบเขตใดแล้วกันแน่?”
การหลอมกลั่นโอสถของเย่หยวนล้วนแต่ทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกสิ้นหวัง
พวกเขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนสักนิดว่า การหลอมกลั่นโอสถขั้นเทวะจะง่ายปานกินดื่มเช่นนี้!
ไม่นานรอบที่ห้าก็จบลง เม็ดโอสถของเย่หยวนพุ่งออกมาจากเต๋า
ยังคงเป็นขั้นเทวะ!
ในที่สุดสายตาที่จับจ้องของซวนอวี้พลันดูจริงจังขึ้นถนัดตา ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้แล้วว่า ตั้งแต่รอบแรกเย่หยวนยังไม่เริ่มเอาจริงเลย!
ความน่าทึ่งของขอบเขตแห่งเต๋าน่ากลัวเกินไป!
บูมมม!
ทันทีทันใด ทุกคนต่างตื่นตะลึงยิ่ง จู่ๆ ประตูด้านนอกร้านก็ถูกพังยับ!
“ไอ้บัดซบเย่หยวน! เตรียมตัวตายได้! หากยังมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าคนใดกล้าเข้าแทรกแซง ข้าจะส่งมันไปให้หอยุทธ์ทั้งหมด! และเตรียมรับโทษประหารได้เลย!”
ด้านนอกประตู สุ้มเสียงของอู๋เฟินแผดลั่นตะโกนกึกก้อง
เหล่าผู้ที่กำลังเฝ้ามองเย่หยวนหลอมกลั่นโอสถด้วยความหลงใหล ยามนี้ถูกขัดจังหวะกะทันหัน ราวกับถูกขัดความสุขชั่วพริบตา ลองคิดดูสิว่าพวกเขาทั้งหมดจะหงุดหงิดปานใด?!
………………………………………………………………..