“นี่มันเรื่องวิปลาสอันใด?! จอมเทพโอสถสี่ดาวก้มศีรษะคารวะให้กับจอมเทพโอสถสามดาวจริงๆ?!”
“จอมเทพโอสถสามดาวให้คำชี้แนะแก่จอมเทพโอสถสี่ดาวงั้นรึ? หากไม่เห็นกับตาตนเองชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีทางเชื่อ!”
“ท่านปรมาจารย์เย่เป็นเทพกระมัง? ความแกร่งกล้าในศาสตร์แห่งโอสถของเขาไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยรึ?”
…
จอมเทพโอสถสี่ดาวโค้งคารวะแสดงความเคารพต่อจอมเทพโอสถสามดาวกลับเป็นภาพฉากที่น่าเหลือเชื่อเกินไป
สำหรับนักหลอมโอสถของเขตเมืองชั้นนอกทุกคน ต่างเคารพเลื่อมใสจอมเทพโอสถสี่ดาวประดุจเทพ!
แต่ตอนนี้การดำรงอยู่ของเทพที่ว่ากลับกำลังใครความเคารพต่อจอมเทพโอสถสามดาวตัวน้อย
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ข้ากล่าวไปก่อนหน้าแล้ว ตาแก่คนนี้ข้าเองก็รำคาญหน้าเช่นกัน หากมันกล้าประลองกับข้า ผลที่ออกมาคงมิได้ง่ายปานนี้ แต่ข้าจะบดขยี้มันจนไม่มีหน้าออกไปไหนชั่วชีวิต!”
ทุกคนต่างอดตื่นตะลึงใจมิได้เมื่อได้ยินแบบนั้น แต่กลับไม่มีใครกังขาในคำกล่าวของเย่หยวนเลยสักคน
เพียงชี้แนะอบรมแค่หนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้จอมเทพโอสถสี่ดาวคนหนึ่งเก่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด หากเขาผู้นี้ออกโรงเองจะเป็นเช่นไร?
หากประลองด้วยโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ต่อให้หลู่เมิงจะได้เปรียบเพียงใด แต่เย่หยวนก็สามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้เช่นกัน
ประเด็นนี้ไม่มีใครกล้ากังขาข้องใจ
ในบรรดาโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามทั้งหมด ไม่มีใครสามารถเอาชนะเย่หยวนได้!
ลวี่อี้ยิ้มและกล่าวว่า
“ผู้น้อยคนนี้เองก็ไม่ค่อยมั่นใจเช่นกัน! แม้ว่าโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะจะหลอมกลั่นเสร็จสมบูรณ์ แต่กลับ…ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ผ่อนคลายเสีย ระดับฝีมือของตาแก่นี่ขยะเกินไป มันไม่มีทางหลอมกลั่นโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะได้เกินขั้นสูงได้แน่นอน”
ระดับฝีมือขยะเกินไป…
ทุกคนต่างสำลักพูดไม่ออกอีกครา
หากอีกฝ่ายระดับฝีมือขยะจริง เขาที่เป็นถึงผู้ดูแลระดับสูงของหอโอสถ…
นั้นมันรุ่นอาวุโสลายครามแห่งหอโอสถเชียว!
อีกครึ่งชั่วยามผ่านไป ในที่สุดหลู่เมิงก็หลอมกลั่นเสร็จสิ้น
เขาพอใจอย่างยิ่งกับผลลัพธ์ของตน คุณภาพโอสถของเขาไม่ควรต่ำชั้น
แต่เมื่อเห็นว่าลวี่อี้นั่งไขว้ห้างแช่มรออย่างสบายอารมณ์ สายตาของเขาพลันแปรเปลี่ยนไปทันที
ไอ้เด็กเหลือขอนี่เสร็จเร็วปานนั้น?
หรือว่า…มันจะหลอมกลั่นล้มเหลว?
ต้องใช่แน่นอน มันต้องหลอมกลั่นล้มเหลวแน่นอน!
มิฉะนั้นแล้วมันจะเสร็จเร็วกว่าข้าได้อย่างไร?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลู่เมิงก็ระเบิดหัวเราะเยาะดังสนั่น กล่าวน้ำเสียงเหยียดหยามว่า
“อะไรกัน? หลอมกลั่นล้มเหลวงั้นรึ? เจ้ายังหนุ่มยังแน่นแถมมีอนาคตไกล แต่กลับไม่ระวังคำพูดและที่สำคัญยังไร้ซึ่งความเคารพต่อสผู้อาวุโสกว่า สมควรได้รับการสั่งสอนแล้ว!”
แต่เมื่อคำกล่าวเหล่านี้เอ่ยดังออกมา ดหล่าฝูงชนโดยรอบต่างจับจ้องมาทางเขาราวกับกำลังมองคนโง่
แม้ว่าโอสถของลวี่อี้ยังมิได้ถูกนำออกจากหม้อหลอม แต่อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็มั่นใจว่า โอสถเม็ดนั้นต้องสมบูรณ์แบบแน่นอน
นอกจากนี้…หากมิได้เกิดเรื่องผิดพลาด ระดับชั้นคุณภาพโอสถไม่น่าต้อยต่ำ
ลวี่อี้หัวเราะเย้ยเยาะดังลั่นกล่าวว่า
“ข้าหลอมกลั่นเสร็จสิ้นนานแล้ว รอเจ้าเสร็จเพื่อเปิดหม้อหลอมพร้อมกัน”
หลู่เมิงที่ได้ยินแบบนั้นแทบสำลัก
“เจ้าหลอมกลั่นสำเร็จจริงๆงั้นรึ?”
ลวี่อี้กล่าคร้านใจรบเร้าตอบโต้ กล่าวตอบว่า
“พล่ามมากไร้สาระ! เปิดหม้อหลอมได้แล้ว!”
หลู่เมิงขมวดคิ้วแน่นกล่าวเสียงเยียบเย็นว่า
“เปิดก็เปิด! ข้ากลัวที่ไหน!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เขาก็เปิดฝาหม้อหลอมออกมาโดยตรง โอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะเม็ดหนึ่งบินทะยานออกมาอย่างเงียบงัน
คล้อยเห็นเม็ดโอสถของหลู่เมิง เขาก็อดอุทานลือลั่นมิได้
“ขั้นสูง! โอสถขั้นสูงจริงๆ! เจ้าหนุ่มนั้นแพ้แล้ว! แม้จะบังเอิญหลอมกลั่นได้สำเร็จ แต่คงไม่มีทางเทียบชั้นได้กับของข้า!”
ความยากในการหลอมกลั่นโอสถชนิดนี้อยู่ในเกณฑ์ระดับสูงมาก ลืมไปเลยสำหรับจอมเทพโอสถสี่ดาวชั้นกลาง แม้แต่ชั้นสูงก็ไม่มีทางหลอมกลั่นได้คุณภาพสูงได้ทุกครั้งไป
เมื่อเห็นว่าผลลัพธ์ในครั้งนี้เป็นชั้นสูง เขาก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าชัยชนะอยู่ในกำมือของเขาเป็นที่เรียบร้อย
อู๋เฟินเองก็ดูตื่นเต้นดีใจเฉกเช่นกัน ความยากในการหลอมกลั่นโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะ เขาย่อมทราบดีโดยธรรมชาติ
หากหลอมกลั่นได้ถึงขั้นสูงนับว่าการันตีชัยชนะได้เลย
“แย่แล้ว ข้าคิดว่าลวี่อี้จะสามารถพลิกฟ้าคว่ำสวรรค์ได้จริงๆ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาพ่ายลงตรงนี้จริงๆ!”
“สมแล้วที่เป็นผู้ดูแลระดับสูงแห่งหอโอสถ ตำแหน่งนี้มิใช่ไว้แขวนอวดอ้าง แต่จำต้องมีฝีมือจริงๆ!”
“อย่างไรก็คตาม ผลงานของลวี่อี้ก็เยี่ยมยอดอยู่แล้ว ในอนาคตต่อไป เขาย่อมประสบความสำเร็จเหนือกว่าหลู่เมิงแน่นอน”
…
เหล่านักหลอมโอสถที่อยู่โดยรอบต่างแสดงความโศกเศร้าเสียใจออกมา แต่ก็ยังรู้สึกชื่นชมลวี่อี้ในเวลาเดียวกัน
ทุกคนต่างไม่คิดไม่ฝันเลยว่า สุดท้ายบทสรุปจะออกมาเป็นเช่นนี้
มิใช่แต่พวกเขา แม้แต่ลวี่อี้เองก็ยังดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก
“หึหึ เจ้ายังยืนนิ่งอยู่อันใด? หรือไม่กล้าเปิดหม้อหลอม? กลัวแพ้งั้นรึ? เจ้าหนุ่ม ผู้อาวุโสยังคงเป็นผู้อาวุโสวันยังค่ำ หาใช่สิ่งที่หนุ่มสาวอย่างเจ้าจะท้าทายได้!”
หลู่เมิงกล่าวสั่งสอนพร้อมท่าทีสุภาพเล็กน้อย
บูมมม!
ในเวลานั้นเอง เห็นลวี่อี้ยืนนิ่งไม่เปิดฝาหม้อหลอมเสียที เย่หยวนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดจึงซัดฝ่ามืออัดอากาศ จนฝาหม้อหลอมโอสถของลวี่อี้ปลิวกระเด็นออกไปโดยตรง
ทันทีทันใด เม็ดโอสถกลับลอยออกมากลายเป็นจุดสนใจของผู้คน
“ฟู่วว…”
“ขั้นสูง! นี่ก็ขั้นสูงเช่นกัน! สวรรค์ นี่ข้าตาฝาดไปใช่หรือไม่?! จอมเทพโอสถสี่ดาวชั้นต้นสามารถหลอมกลั่นโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะขั้นสูงได้จริงๆ!”
“น้าประทับใจนัก! สมแล้วที่ลวี่อี้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในบรรดาหนุ่มสาวทั้งหมดแห่งหอโอสถ! ทรงพลังปานนี้ยังมีใครกล้าทัดเทียม!”
“หากกล่าวกันตามตรง เรื่องนี้ควรยกความดีความชอบให้แก่ท่านปรมาจารย์เย่ที่สุด! เดิมทีลวี่อี้เพียงลำพังไม่มีทางหลอมกลั่นโอสถชนิดนี้ได้เลย แต่ด้วยคำชี้แนะของท่านปรมาจารย์เย่ภายในเวลาหนึ่งชั่วยาม จึงทำให้เขาหลอมกลั่นสำเร็จถึงขั้นสูงเชียว! นี่…นี่ยิ่งกว่าเปลี่ยนหินเป็นทองคำในชั่วพริบตา!”
“ถูกต้อง! ท่านปรมาจารย์เย่นับเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จที่ทุกคนควรเอาเป็นแบบอย่าง! ความแข็งแกร่งระดับชั้นนี้เกินจินตนาการได้แล้ว!”
…
เสียงร้องอุทานดังกึกก้องทั่วทุกบริเวณ ทุกคนต่างตื่นตะลึงยิ่งกับโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะที่ลวี่อี้หลอมกลั่นได้
ขนาดเจ้าตัวเองยังแทบไม่อยากเชื่อสายตา เขาหลอมกลั่นโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะได้ถึงขั้นสูงจริงหรือนี่?
หลู่เมิงยามนี้ตกตะลึงแสนประหลาดใจยิ่งนัก เจ้าหนุ่มนี้หลอมกลั่นโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะขั้นสูงได้จริงๆ!
แม้แต่ซวนอี้และเหล่าศิษย์ที่เหลือยังอ้าปากค้างเติ่งหุบไม่ลง
“ฮ่าๆๆ ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!”
หนิงซื่ออสี้ระเบิดหัวเราะดังสนั่น
หลู่เมิงสีหน้ามืดตกในทันใด เขากัดฟันแน่นกล่าวว่า
“ใจเย็นอย่าเพิ่งดีใจเสีย! เรายังไม่ได้ทดสอบประสิทธิภาพโอสถ! คุณภาพโอสสของเขาหรือจะดีไปกว่าของข้า?”
“เช่นนั้นเจ้าก็เอาไปทดสอบด้วยตัวเองซะ โอสถเม็ดนี้ของเจ้าอีกนิดเดียวก็ตกมาอยู่ขั้นกลางแล้ว ในขณะที่โอสถของลวี่อี้อีกนิดเดียวก็จะขยับขึ้นเป็นขั้นยอดเยี่ยม! ระดับชั้นชื่อเดียวกันแต่ประสิทธิภาพกลับห่างชั้นกันเกินไป!”
เย่หยวนมีประสาทสัมผัสไวต่อกลิ่นโอสถมาก ดังนั้นเพียงดมเล็กน้อยก็ประเมินประสิทธิภาพได้แล้ว
หลู่เมิงมีหรือจะเชื่อเรื่องพรรค์นั้น? แต่เมื่อเขาวางโอสถทั้งสองเม็ดเปรียบเทียบกันโดยละเอียด สีหน้าของเขาพลันบิดเบี้ยวน่าเกลียดในทันใด
อย่างที่เย่หยวนพูดไม่มีผิด เขาพ่ายอย่างหมดรูป!
โอสถของเขาคุณภาพต่ำกว่าโดยสิ้นเชิง!
“ฮ่าๆๆๆ ความสามารถของศิษย์พี่ใหญ่แหกหน้าผู้อาวุโสกว่าไปเสียแล้ว? ไม่สามารถเอาชนะคนรุ่นหนุ่มสาวได้ก็ไม่สมควรเรียกตัวเองว่ารุ่นอาวุโสแล้ว!”
ศิษย์พี่สี่เอ่ยปากระเบิดเสียงหัวเราะดังกึกก้อง
ติงซวนยังหัวเราะกล่าวเสริมขึ้นว่า
“ระดับชั้นอย่างเจ้าหรือเป็นถึงผู้ดูแลระดับสูง! ข้าว่าเจ้าคงมัวเมากับตำแหน่งลาภยศมานานเกินไป จนฝีมือขึ้นสนิมหมดแล้ว!”
ซวนอี้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวศิษย์คนนี้อย่างยิ่งยวด เขาคลี่ยิ้มบางเล็กน้อยและกล่าวว่า
“หลู่เมิง เจ้ายังต้องการกล่าวอันใดอีกหรือไม่? ศิษย์ของเราชายชราคนนี้เอาชนะเจ้าไปได้เสียแล้ว”
สีหน้าการแสดงออกของหลู่เมิงบิดเบี้ยวไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่มีหน้ามายืนอยู่ตรงนี้อีกแล้ว
เขาเป็นถึงผู้ดูแลระดับสูงแห่งหอโอสถที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญ จากทุกคนแต่กลับไม่สามารถเอาชนะคนวัยหนุ่มสาวได้ นี่…นี่คือความอัปยศที่สุดในชีวิต!
หลังจากวันนี้ เขายังมีหน้าอยู่ในหอโอสถต่อไปได้อีกอย่างไร?
“พวกเจ้าทุกคน….พวกเจ้าทุกคนอย่าอวดดีให้มากนัก! วันนี้ช่างหัวมันไป หนี้แค้นนี้จักต้องชำระ!”
หลู่เมิงร้องครวญด้วยความเจ็บใจและอันตรธานหายไปทันที
อู๋เฟินและถังรุยยืนมองภาพฉากนี้ด้วยความงุนงง แพ้แล้ว…ทุกอย่างจบลงแต่เพียงเท่านี้?
…………………………………