เซี่ยะจ้าวหยุนผู้เคยหยิ่งผยองและภาคภูมิใจในตลอดที่ผ่านมา ยามนี้กลับดูเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างมากเมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยะจิ้งอวี๋
เขากำลังหวาดกลัว!
เขาหวาดกลัวในตัวตนของผู้อาวุโสเย่ที่กำลังย้อนกลับมารวบยอดและทำเรื่องยากบีบกดดันตระกูลเซี่ยะ
ด้วยสถาะปัจจุบันของเย่หยวน หากต้องการกำจัดตระกูลเซี่ยะให้สิ้นซากกลับง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ
พวกเขาหรือจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลฉินอันทรงพลัง? กระทั่งชะตากรรมของพวกเขายังอยู่แค่ปลายนิ้วของเย่หยวน
แม้แต่ท่านเจ้าเมือง ที่เป็นถึงยอดเซียนราชันพระเจ้าสองดาว ยามนี้กลับกลายมาเป็นคนพิการไปแล้ว และมีความเป็นไปได้สูงว่า ในอนาคตคงไม่รอดชีวิตเช่นกัน
นั้นเป็นถึงราชันพระเจ้าสองดาว!
ตระกูลเซี่ยะกลัวทำให้ตระกูลฉินขุ้นเคืองยิ่งในเวลานั้น ดังนั้นจึงโยนเซี่ยะจิ้งอวี๋ออกไปจากทะเบียนรายชื่อของตระกูลเซี่ยไป
สิ่งที่เซี่ยะจ้าวหยุนได้ตัดสินใจไปกลับทำให้เขาไม่สบายใจอย่างยิ่งในตอนนี้
แม้เขาจะเคยพบเจอเย่หยวนมาบ้างเล็กน้อย แต่นั่นหาใช่การพบเจอกันที่ดีเท่าไหร่
เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า เจ้าท้วมที่ยืนอยู่ต่อหน้าต่อตาคนนี้จะสามารถผงาดขึ้นได้อีกครั้งจริงๆ
ในตอนนั้น ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยะจิ้งอวี๋ถูกทำลายโดยสมบูรณ์ เขาเองก็เคยเชิญนักหลอมโอสถมาตรวจสอบอาการแล้ว และไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะรักษาให้ฟื้นกลับมา
แต่ใครจะไปคิด ผู้อาวุโสเย่กลับสามารถคืนชีพเซี่ยะจิ้งอวี๋ได้อีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์?
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสเย่ถึงกลายมาเป็นผู้อาวุโสแห่งหอโอสถได้ ทั้งหมดเป็นยเพราะเขามีฝีมือจริงๆ
“โอ้ เจ้าอวี๋น้อย พี่ใหญ่คนนี้มีความสุขอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่าเจ้ากลับมาแล้ว”
เซี่ยจ้าวหยุนเร่งคลี่ยิ้มกว้างเอ่ยทักทายอย่างอบอุ่น
ดวงตาของเจ้าท้วมหรี่แคบลงเล็กน้อย คล้ายว่าไม่มีเจตนาต้องการจะสนทนากับอีกฝ่าย
เซี่ยะจ้าวหยุนยามนี้ดูอึดอัดอย่างยิ่ง ทว่าปัจจุบันเขามิอาจเผยความไม่พอใจออกมาได้
เขาตระหนักดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างเย่หยวนกับเซี่ยะจิ้งอวี๋ และชะตากรรมของตระกูลเซี่ยะเองก็ขึ้นอยู่กับเซี่ยจิ้งอวี๋แล้ว
ตราบเท่าที่เซี่ยะจิ้งอวี๋เต็มใจปริปากร้องขอ ตระกูลเซี่ยะก็ยังคงอยู่รอดต่อไปในอนาคต
ในความเป็นจริง หากเขาญาติดีกับเซี่ยะจิ้งอวี๋มากกว่านี้ ตระกูลเซี่ยะอาจผงาดขึ้นสู่สวรรค์ได้ในอึดใจเดียวด้วยซ้ำ และกลายมาเป็นเจ้าเมืองคนใหม่แห่งเมืองหลวงหวู่เมิง
เพียงว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเซี่ยะกับเซี่ยะจิ้งอวี๋กลับไม่ดีนัก
“เอ่อ…นอกจากนี้ท่านบรรพบุรุษยังนำชื่อของเจ้ากลับสู่ตระกูลแล้ว”
เซี่ยะจ้าวหยุนยิ้มแห้งเอ่ยกล่าวต่อ
แต่สิ่งที่เขาได้ตอบกลับมาคือความเงียบ
เซี่ยะจ้าวหยุนใจสั่นสะท้านด้วยความกังวลสุดขีด เขารู้สึกได้ทันทีว่า เจ้าท้วมที่อยู่ตรงหน้าเขาหาใช่เจ้าท้วมที่ไร้เดียงสาและใสซื่อบริสุทธิ์อีกต่อไป
“โอ้ เจ้าอวี๋น้อย ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดลุงสามเพียงใดภายในใจ แต่ตระกูลเซี่ยะที่ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน ยามนั้นตระกูลฉินปกคลุมทั่วแผ่นฟ้าด้วยมือเพียงข้างเดียว แล้วพวกเราจะกล้าขัดขืนได้อย่างไร?! เจ้าอวี๋น้อย ข้าทราบดีว่าเจ้าไม่มีความสุขเลยสักนิดภายในใจ หากเจ้าต้องการระบายความโกรธ ก็จงลงกับข้าลุงสามคนนี้! ขอเพียงให้อภัยตระกูลเซี่ยะของเราด้วยเถิด!”
เมื่อกล่าวจบเซี่ยจ้าวหยุนก็ทรุดตัวลงทั้งน้ำตา ปรากฏว่าเขายอมเสียสละชีวิตอย่างกล้าหาญเพื่อช่วยเหลือตระกูลเอาไว้
แต่ในเวลานั้นเองเซี่ยะจิ้งอวี๋ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างเยือกเย็น
“เจ้าคิดว่า…ข้าไม่กล้าฆ่าเจ้ารึ?”
เนื้อตัวของเซี่ยะจ้าวหยุนสั่นสะท้านหนักคล้ายตกลงไปอยู่ในคุกน้ำแข็งเย็นสุดขั้ว
เซี่ยะจิ้งอวี๋ส่งเสียงกรนดังกล่าวว่า
“เซี่ยะจ้าวหยุน หยุดเสแสร้งต่อหน้าข้า! เจ้าคิดว่าข้ายังเป็นโง่แบบตอนนั้นกระมัง? ไสหัวไปซะ! หากเจ้ารังเกียจข้านัก จะถอนชื่อของข้าออกจากตระกูลก็ได้!”
ทั่วร่างเซี่ยะจ้าวหยุนสั่นสะท้านหนักด้วยความตื่นตะลึงต่อจิตสังหารอันเข้มข้นของเซี่ยะจิ้งอวี๋
ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้แล้วว่า เซี่ยะจิ้งอวี๋คนนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาหาใช่เจ้าท้วมไร้เดียงสาอีกต่อไปแล้วจริงๆ
เขาสามารถฆ่าคนได้โดยไม่ต้องกะพริบตาด้วยซ้ำ!
ตระกูลเซี่ยะสำหรับเขาในตอนนี้มันกลายเป็นม่านหมอกแห่งอดีตไปแล้ว
เซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าผู้แกร่งกล้า ไม่แม้แต่กล้าหายใจดังต่อหน้าเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้น
“ไสหัวไป!”
เจ้าท้วมตวาดให้เซี่ยะจ้าวหยุนอีกรอบจนอีกฝ่ายกลัวจนหัวหด
หลังจากที่เซี่ยะจ้าวหยุนจากไป เย่หยวนก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
เย่หยวนที่เห็นได้เห็นสีหน้าการแสดงออกของเซี่ยะจิ้งอวี๋ในตอนนี้ เขาก็ดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
เย่หยวนย่อมทราบว่าเซี่ยะจ้าวหยุนมาหาเจ้าท้วมก่อนหน้านี้เพราะเหตุใด แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร จู่ๆก็เอ่ยบอกขึ้นแทนว่า
“ข้าจะพาเจ้าไปยังที่แห่งหนึ่ง”
เจ้าท้วมเอ่ยถามน้ำเสียงฉงนใจ
“ไปที่ไหนรึ?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้”
…
กระแสสุดปั่นป่วนในห้วงอวกาศกัดเซาะเข้าทำลายสรรพสิ่งไร้สิ้นสุด
ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถอยู่รอดได้
แต่กระแสความปั่นป่วนของห้วงอวกาศนี้กลับไม่สามารถทำอะไรโถงบัลลังก์ม่วงได้เลยแม้แต่น้อย
ภายในโถงบัลลังก์ม่วง ทั้งหนิงซื่ออวี๋ เหลียงหวางหรู และเซี่ยะจิ้งอวี่ ทั้งสามในยามนี้กำลังอ้าปากค้างเติ่งหุบไม่ลง
“ท่านปรมาจารย์เย่ โถงแห่งนี้…ช่างน่าทึ่งโดยแท้! มันสามารถฝ่าห้วงอวกาศได้จริงๆ! นี่…หรือนี่จะเป็นสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ?”
“สมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ? ไม่ นี่คือสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำ! ยอดสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำ!”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ทั้งสามที่ได้ยินเช่นนั้นขากรรไกรของพวกเขาแทบร่วงกราวลงมา
สมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำ? นี่ไปหามาจากไหนกัน?
เจ้าท้วมกับเหลียงหวางหรูยังพอทำเนา แต่ด้วยขอบเขตความเข้าใจอันไกลโพ้นของหนิงซื่ออวี๋ หาใช่สิ่งที่ทั้งสองจะเปรียบได้เลย
สมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำนับเป็นมหาขุมสมบัติที่แม้แต่บุคคลระดับสูงในเมืองจักรพรรดิตามเฝ้าถวิลหา
เมื่อใดที่ข่าวการมีอยู่ของสมบัติระดับชั้นนี้รั่วไหลออกไป เหล่ายอดเซียนนภาสวรรค์รวมไปถึงเหล่าเทพถ่องแท้ล้วนเคลื่อนไหวออกโรงทันทีเพื่อฉกชิงมัน
หนิงซื้ออวี๋ยามนี้จึงเข้าใจในท้ายที่สุดแล้วว่า เหตุใดเย่หยวนถึงสงบปานนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าขุมพลังระดับราชันพระเจ้า
พึ่งพาแค่โถงบัลลังก์ม่วงแห่งนี้ เขาไม่จำเป็นต้องกลัวเหล่าราชันพระเจ้าเลย
นี่คือไพ่ตายเด็ดของเขา!
หนิงซื่ออวี๋เคารพเลื่อมใสเย่หยวนอย่างยิ่งยวด นางไม่มีทางทรยศเขาแน่นอน แต่กลับรู้สึกภาคภูมิใจเสียมากกว่า
“อย่างไรก็ตาม…ท่านจะพาพวกเรามาที่พิภพยุทธ์จักรทำไม? โลกใบเล็กๆแค่นี้มีอะไรให้น่ามา? หรือจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่?”
หนิงซื่ออวี๋เอ่ยถามด้วยความสงสัย
ทางด้านเหลียงหวางหรูเองก็ดูมึนงงเช่นกัน แต่ไม่นานสายตาของนางก็เริ่มกระจ่าง
นอกเหนือจากพวกเขาทั้งหมด ก็มีหลงซานที่รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างหาที่เปรียบไม่
วันเวลาผ่านไปนับแสนปี ในที่สุดเขาก็ได้กลับสู่บ้านเกิด!
เย่หยวนหันไปมองเหลียงหวานหรูและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“หวางหรูเจ้าคงคาดเดาอะไรบางอย่างได้แล้วกระมัง?”
เหลียงหวางหรูที่นึกคำตอบได้ ยามนี้กลับไม่กล้าเชื่อเช่นกัน นางยังคงเอ่ยตอบวาจาแสนรวนเรว่า
“หรือว่า…จริงๆแล้ว…”
จากนั้นโถงบัลลงก์ม่วงก็พุ่งตรงออกจากห้วงอวกาศผ่านประตูผนึกดินแดนเข้ามา
เย่หยวนลุกขึ้นและกล่าวกับทั้งสามคนว่า
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านเกิดของข้า ดินแดนพฤกษานิรันดร์!”
ดวงตาของหนิงซื่ออวี๋แทบถลนออกมา นางอุทานขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อขึ้นว่า
“ท-ท-ท่าน…ท่านกำลังจะบอกว่าตัวเองมาจากพิภพยุทธ์จักร? โลกใบเล็กๆแค่นี้?! เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“นี่เป็นความจริง ไม่เชื่อสอบถามกับหวางหรูได้เลย!”
ความประหลาดใจขของเหลียงหวานหรูเองกลับไม่น้อยไปกว่าหนิงซื่ออวี๋เลย
แม้ว่าก่อนหน้านางยังพอคาดเดาได้บ้าง แต่อย่างไร ถึงจะได้รับฟังคำยืนยันจากเย่หยวน นางเองก็ไม่กล้าที่จะเชื่อเช่นกัน
เหลียงหวางหรูสูดหายใจเข้าลึกๆและกล่าวว่า
“ไม่น่าแปลกใจ ไฉนท่านถึงได้รับบาดเจ็บปานนั้น ปรากฏว่า…ท่านทะลวงฝ่ากระแสในห้วงอวกาศมานี่เอง! แต่…นี่เป็นไปได้อย่างไร? ตอนนั้นท่านเพิ่งทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าเท่านั้น!”
หนิงซื่ออวี๋ตื่นตะลึงเป็นคำรบสอง ลูกตาแทบทะลักออกมาด้วยความเหลือเชื่อ?
เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้นเดินทางผ่านห้วงอวกาศ?
นี่มันนิทานกล่อมเด็กนอนหรืออย่างไร?
นอกจากนี้ นักสู้ที่มีต้นเกิดจากโลกใบเล็กๆแบบนี้ จะประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้อย่างไร?
หากยอดอัจฉริยะจากโลกใบเล็กๆแค่นี้เก่งกาจเท่าเย่หยวนทุกคน ปานนี้มหาพิภพถงเทียนคงมีแต่ขยะไปแล้ว!
หนิงซื่ออวี๋ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ผู้อาวุโสเย่แห่งหอโอสถอันสูงศักดิ์ แท้ที่จริงแล้วกลับมาจากโลกใบเล็กๆแห่งหนึ่ง!
…………………………………