ในส่วนลึกของหุบเขาเหวพระเจ้า คุนหวูค่อยๆเปิดตาทั้งสองขึ้นเผยสะท้อนความแปลกประหลาดใจออกมา
“หื้ม? เจ้าเด็กนั้นกลับมาแล้ว นี่เพิ่งผ่านไปร้อยปีแต่กลับสามารถเดินทางกลับมาได้แล้ว?”
ดวงตาคู่นั้นของคุนหวูสาดสะท้อนความสงสัยออกมา และงุนงงอย่างมากต่อการกลับมาของเย่หยวน
คุนหวูย่อมทราบดี เวลาหนึ่งร้อยปีในมหาพิภพถงเทียนราวกับดีดนิ้วครั้งเดียว
กล่าวตามตรง หากเย่หยวนสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลายได้ นี่นับว่าน่าเหลือเชื่อยิ่งแล้ว
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาที่ต้องการทำให้บรรลุจุดประสงค์ ท้ายที่สุดนี้กลับยากเกินไป
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาก็เผยเล่ห์เหลี่ยมแสนขี้เล่นออกมา พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“แต่เขาคงไม่เคยคิดมาก่อน ตอนนี้มีอีกคนแล้วที่ได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์ในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ การกลับมาครั้งนี้ของเขาดูจะบังเอิญเสียเหลือเกิน อีกไม่นานทั้งสองจักต้องปะทะกันเป็นแน่!”
…
ภายในหออาญาสิทธิ์ ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดกันเป็นอย่างมาก
สีหน้าของฟางเทียนซีดเซียว ดวงตาลึกโบ๋เผยให้เห็นความสิ้นหวังออกมา
ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาเองจะได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเช่นกัน
ข้างกายเขาเป็นกวนควางเทียน ที่มีสภาพไม่ดีไปกว่าเขาเลย
หลังจากที่เย่หยวนจากออกไป ฟางเทียนและกวนควางเทียนก็ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้แล้ว
ทว่า…ในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ ยังมีใครสามารถคุกคามพวกเขาทั้งสองจนบาดเจ็บหนักเพียงนี้ได้อีก?
“พวกเราชายชราควรทำอย่างไรดี? หากเจ้ามีแผนก็จงกล่าวออกมา!”
กวงควางเทียนเอ่ยกล่าวอย่างเฉยเมย
ฟางเทียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ความแข็งแกร่งของเย่หยวน เจ้าเองก็เคยเห็นมาก่อนแล้ว! เขาใช้เพียงนิ้วเดียวก็สามารถฆ่าล้างเผ่าปีศาจนับหมื่นแสนได้ รวมไปถึงจัดการเทพปีศาจข่านนั่ว! ในเวลานั้นเย่หยวนเป็นเพียงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น แต่เทพนอกรีตบาปสวรรค์กลับแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเขาในตอนนั้น! ไม่ว่าเราจะใช้แผนอย่างไร แต่ต่อหน้ามันกลับเปล่าประโยชน์!”
กวนควางเทียนกล่าวตอบเจือน้ำเสียงวิตกกังวลยิ่งว่า
“หากเช่นนั้น…เราจำต้องส่งตัวแม่นางเยวี่ยให้มันโดยจำนนหรอกรึ? หากเย่หยวนกลับมาแล้วรู้เข้า มีหวังได้ทำลายดินแดนพฤกษานิรันดร์เป็นแน่!”
ฟางเทียนกัดฟันแน่นอย่างเกลียดชังกล่าวว่า
“เราไม่มีทางมอบนางให้มันแน่นอน! อย่างมากที่สุดเราคนนี้จะเสี่ยงชีวิตสู่กับมันเอง!”
ทันทีทันใด กวนควางเทียนก็ถอนหายใจกล่าวว่า
“เฮ้ออ… หากเย่หยวนอยู่ที่นี่ก็คงดี! เทพนอกรีตบาปสวรรค์คงถูกอีกฝ่ายตีตายโดยฝ่ามือเดียว!”
ฟางเทียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ กล่าวว่า
“แม้เย่หยวนจะอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่สามารถเป็นคู่มือของมันแช่นกัน มันเป็นคนที่สองที่ได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์ เย่หยวนเพิ่งทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้แค่ร้อยปี มีหรือจะเข้าคู่กับเทพนอกรีตบาปสวรรค์?”
กวนควางเทียนเอ่ยกล่าวอย่างไม่พอใจขึ้นว่า
“ตาแก่สวรรค์คุนหวูนั้นใจร้ายโดยแท้! เหตุใดถึงยอมปล่อยให้มันคงอยู่จวบจนปัจจุบันเ!”
ฟางเทียนกล่าวตอบว่า
“ศาสตร์แห่งสวรรค์ไม่มีความรู้สึกนึกถึง ขอเพียงบรรลุตามเงื่อนไขย่อมสามารถได้การยอมรับ”
ฟางเทียนเองก็พยายามทำสิ่งต่างๆเพื่อให้บรรลุเงื่อนไขนี้เช่นกัน แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่ได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์เสียที
พวกเขาล้วนเป็นสองบุคคลที่ไร้เทียมทานที่สุดบนดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพนอกรีตบาปสวรรค์ กลับไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเงยมอง
แม้ว่าจะไม่ได้ยืมพลังของดินแดนพฤกษานิรันดร์มาใช้ แต่เทพนอกรีตบาปสวรรค์เองก็สามารถบดขยี้พวกเขาได้อย่างไม่ยากเย็น
เทพนอกรีตบาปสวรรค์เป็นสิ่งมีชีวิตเมื่อสามแสนปีก่อน
เมื่อกล่าวถึงเทพนอกรีตบาปสวรรค์ผู้นี้ เขาเองก็เป็นคนประเภทเดียวกับเย่หยวนเช่นกัน ยอดอัจฉริยะลายครามชั้นเลิศ
เมื่อสามแสนปีก่อน เทพนอกรีตบาปสวรรค์เคยเป็นเซียนที่มีพรสวรรค์ที่สุดแห่งยุค และความสามารถของเขาก็ยังมากมายมหาศาล สามารถปกครองทั่วทั้งผืนพิภพได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ ช่วงเวลานั้น
มิอาจทราบเลยว่า มีเหล่าเซียนก็พันหมื่นคนที่ต้องตายลงในเงื้อมมือของเขา
นอกจากนี้เทพนอกรีตบาปสวรรค์ยังมากไปด้วยตัณหา เขาสูญเสียสติยั้งคิดไปชั่ววูบและจับบุตรสาวของบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคไปข่มขืนจนสาแก่ใจ
การกระทำครั้งนั้นไม่ต่างอะไรจากยั่วยุสรวงสวรรค์อย่างแท้จริง
เทพนอกรีตบาปสวรรค์ดันไปปลุกกระตุ้นความเคียดแค้นแก่ผู้คนทั่วทั้งผืนพิภพ จนถูกหมายหัวจากทุกฝักฝ่าย
บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุค เรียกระดมสิบยอดเซียนผู้ไร้เทียมทานและผนึกกำลังรุมสังหารเทพนอกรีตบาปสวรรค์
ศึกสัประยุทธ์ครานั้นกล่าวได้ว่าต่อสู้ชนิดที่มืดฟ้ามัวดิน เหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าล้นตายนับไม่ถ้วน แต่ท้ายที่สุด ก็ยังไม่สามารถสังหารเทพนอกรีตบาปสวรรค์ได้อยู่ดี
บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคได้รับบาดเจ็บสาหัสและทำได้เพียงผนึกอีกฝ่ายเอาไว้
อย่างไรก็ตามแต่ กาลเวลาผ่านพ้นไป เหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าเริ่มล้มหายตายจากไป แต่เทพนอกรีตบาปสวรรค์ยังคงอยู่จวบจนปัจจุบัน!
เมื่อศาสตร์แห่งสวรรค์ได้สูญสลายหายไป เทพนอกรีตบาปสวรรค์ก็ระงับระดับพลังของตนไปชั่วขณะ
แต่หลังจากที่ศาสตร์แห่งสวรรค์ได้กลับคืนสู่ดินแดนพฤกษานิรันดร์อีกครั้ง ไม่เพียงแต่มันจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดเท่านั้น แต่มันยังได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้แล้ว ตราผนึกที่พันธนาการมันยังต้านทานไหวได้อย่างไร
เมื่อไม่กี่วันก่อน เทพนอกรีตบาปสวรรค์หลุดออกจากตราผนึกได้ในท้ายที่สุด และออกมาเขย่าทั่วทั้งผืนพิภพ
ทันทีที่หออาญาสิทธิ์ทราบข่าวการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ พวกเขาก็เริ่มเดินทางเข้าไปตรวจสอบ แต่ไม่รู้เลยว่าพวกตนกลับวิ่งไปชนกับเทพนอกรีตบาปสวรรค์เข้าจริงๆ
ในวันนั้นเองเทพนอกรีตบาปสวรรค์ก็พบกับเยวี่ยเมิ่งลี่เป็นครั้งแรก ดวงตาทั้งสองของเทพนอกรีตบาปสวรรค์เปล่งประกาย มันตกหลุมรักนางทันทีที่แรกพบสบตา!
ใช่แล้ว หลงใหลชนิดหัวปักหัวปำ!
ทั้งใบหน้าและโฉมสะคราญแสนโค้งเว้ายั่วยวนของเยวี่ยเมิ่งลี่ มันเหนือกว่าบุตรสาวของบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคมากมายนัก!
ในปัจจุบัน เทพนอกรีตบาปสวรรค์กำลังวางแผนที่จะแต่งงานกับเยวี่ยเมิ่งลี่
แล้วมีหรือที่ฟางเทียนและกวงควางเทียนจะยอมปล่อยให้เทพนอกรีตบาปสวรรค์ทำตามใจชอบ? พวกเขาจึงออกโรงสัประยุทธ์เดือดกับเทพนอกรีตบาปสวรรค์ทันที
แต่พวกเขาหรือจะเข้าคู่กับเทพนอกรีตบาปสวรรค์? ในการต่อสู้ครั้งนั้นทำให้ฟางเทียนและกวนควางเทียนได้รับบาดเจ็บสาหัส
สุดท้ายนี้ หากมิใช่เพราะเยวี่ยเมิ่งลี่ขู่อีกฝ่ายโดยการเอากริชคมจี้คอหวังฆ่าตัวตาย ปานนี้ทั้งสองคงกลายเป็นศพนานแล้ว
แต่เทพนอกรีตบาปสวรรค์ก็หาใช่คนที่จะล้อเล่นด้วยเช่นกัน มันบอกกับเยวี่ยเมิ่งลี่ว่า หากนางยังกล้าปฏิเสธ มันจะฆ่าล้างเหล่าผู้อาวุโสอาณาจักรพระเจ้าทั้งหมดของหออาญาสิทธิ์ทิ้งทันที
เยวี่ยเมิ่งลี่เองก็มีไหวพริบค่อนข้างดี ภายใต้สถานการณ์สิ้นหวังเช่นนี้ นางบอกกับเทพนอกรีตบาปสวรรค์ไปว่า หากเขาต้องการแต่งงานกับนางก็ย่อมได้ แต่ต้องเป็นงานแต่งทางการโดยการเปล่าประกาศให้ผู้คนทั่วผืนพิภพทราบ
นางและเทพนอกรีตบาปสวรรค์กำลังจะแต่งงานกันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า โดยใช้สถานที่แต่งคือหออาญาสิทธิ์แห่งนี้
เทพนอกรีตบาปสวรรค์เองก็เห็นด้วยเช่นกัน แต่มันก็ค่อนข้างรอบขอบ ถึงขั้นปิดผนึกเส้นทางที่เชื่อมเข้าสู่หุบเขาเหวพระเจ้าไว้
เห็นได้ชัดว่า การดำรงอยู่ภายในหุบเขาเลวสวรรค์ทำให้เขาหวาดกลัวไม่น้อยเช่นกัน
วันนี้ครบหนึ่งเดือนพอดิบพอดี เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงแห่งหออาญาสิทธิ์กำลังปรึกษากันหน้าดำค่ำเครียด กล่าวได้ว่าพวกเขานั่งอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป
ผลสุดท้ายคือ พวกเขาก็ได้แต่นั่งรอความตาย
ทางด้านขวามือของฟางเทียน เยวี่ยเมิ่งลี่ยังคงสีหน้าการแสดงออกแสนเด็ดขาด นางเอ่ยขึ้นอย่างใจเด็ดว่า
“ผู้อาวุโสทั้งหลายไม่จำต้องโต้แย้งกันอีกต่อไป ลี่เอ๋อคนนี้มีแผนการอยู่ในใจแล้ว!”
คำกล่าวนี้ของนางต่างทำให้ดวงตาของทุกคนสว่างไสวขึ้นทันใด
กวนควางเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็โพล่งขึ้นทันทีว่า
“แผนการอย่างไร? แม่นางเยวี่ยรีบกล่าว!”
เยวี่ยเมิ่งลี่กล่าวว่า
“เทพนอกรีตบาปสวรรค์ต้องการเพียงตัวข้า เมื่อใดที่เขาเข้ามาหวังแตะเนื้อต้องตัวข้า ข้าจะขู่ฆ่าตัวตายเพื่อถ่วงเวลาให้ ในตอนนั้นพวกท่านก็รีบอพยพหนีเข้าไปในหุบเขาเหวพระเจ้า ตราบใดที่สามารถเข้าไปได้ พวกท่านก็จะปลอดภัย!”
สีหน้าการแสดงออกของกวนควางเทียนซีดเซียวลงทันใด เขาระเบิดขึ้นทันทีว่า
“ไม่มีทาง! ข้าไม่มีทางยอมแน่นอน! หากเจ้าตายไป แล้วเราจะอธิบายให้เย่หยวนฟังหลังจากนี้ได้อย่างไร?”
กวนควางเทียนมีหรือจะไม่เข้าใจความคิดของนาง? เยวี่ยเมิ่งลี่นางนี้ใจเด็ดเกินบุรุษเพศ นางต้องการเสียสละชีวิตของตนเพื่อช่วยเหลือถ่วงเวลาให้พวกเขาหนีไป
แม้แผนนี้จะช่วยต่อชีวิตของพวกเขาได้ แต่ในอนาคตที่เย่หยวนกลับมา พวกเขาจะอธิบายอีกฝ่ายว่าอย่างไร?
เย่หยวนมอบหมายหน้าที่และวางใจให้พวกเขาเฝ้าปกครองดินแดนแห่งนี้ต่อ แต่พวกเขากลับใช้ชีวิตของคนรักเย่หยวนเพื่อให้ตัวเองรอดงั้นรึ?
เยวี่ยเมิ่งลี่กล่าวน้ำเสียงเย็นแสนเฉียบขาดว่า
“หรือผู้อาวุโสควางเทียนมีแผนการที่ดีกว่านี้? ทุกท่านโปรดมั่นใจเถิด ข้าเชื่อว่าพี่ใหญ่หยวนจะต้องเข้าใจและไม่ตำหนิพวกท่านแน่นอน”
“ลี่เอ๋อของข้า! พี่ใหญ่คนนี้มาที่นี่ตามสัญญาเพื่อแต่งงานกับเจ้าแล้ว!”
ทันทีทันใดสุ้มเสียงของเทพนอกรีตบาปสวรรค์ก็เอ่ยดังกึกก้อง
…………………………………