ทุกคนต่างใจหายวูบดิ่งสู่ก้นบึ้งแทบจะในทันใด
ฟางเทียน กวนควางเทียน อิ้งหมัวหู่ ภูตเพลิงและที่เหลือทั้งหมดต่างเร่งเร้าพลังปราณเทวะสุดขีด สีหน้าการแสดงออกมืดมนถึงขีดสุด
ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถช่วยเยวี่ยเมิ่งลี่ได้ ดังนั้นพวกเขาก็ขอสู้จนตายไปข้างหนึ่งเสียดีกว่า!
แม้ว่าการกระทำของพวกเขาจะไม่ต่างอะไรกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเลย แต่พวกเขาก็มิอาจทนดูเยวี่ยเมิ่งลี่คตกอยู่ในกำมือของมันได้เช่นกัน!
ที่ทุกคนมีวันนี้ได้ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณเย่หยวน
แล้วพวกเขาจะเฝ้าดูคนรักของเย่หยวนถูกพรากออกไปเช่นนี้ได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขาขอสู้ตาย!
หออาญาสิทธิ์ตั้งกระบวนรุกเต็มกำลังราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
พวกเขาไม่คิดเลยว่า เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงร้อยปีหลังจากปราบปรามเทพปีศาจข่าวนั่วได้ ดินแดนพฤกษานิรันดร์กลับต้องพานพบกับหายนะอีกครั้ง
แม้ว่าข่าวนั่วจะเป็นเทพปีศาจสุดแกร่งกล้า แต่มันก็หาใช่ผู้ไร้เทียมทานที่แท้จริง
แต่เทพนอกรีตบาปสวรรค์ที่ได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์ กลับไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะได้! ต่อให้เย่หยวนจะอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่มีโอกาสชนะได้เช่นกัน
เหนือน่านนภาสูง ปรากฏรถม้าศักดิ์สิทธิ์ควบทะยานเข้ามา ลอยเคว้งกลางสุริยันต่อหน้าสายตาของทุกคน
สิ่งประดับตกแต่งบนรถม้าช่างหรูหราใครเห็นต้องตื่นตาตื่นใจยิ่ง ทั้งยังมีที่นั่งที่จัดเตรียมไว้สำหรับเจ้าสาวพร้อมแล้ว
มังกรขนาดมหึมาทั้งแปดกำลังแบกเกี้ยวขนาดใหญ่นั้นควบเหินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าพวกมันทั้งแปดตัวกลายมาเป็นแรงงานเพื่อลากเกี้ยวรถม้าแห่งนี้
เมื่อทุกคนเห็นมังกรขนาดมหึมาทั้งแปด สีหน้าการแสดงออกของแต่ละคนพลันแปรเปลี่ยนไปทันที
“นั้นมันผู้อาวุโสหลงหมินกับท่านอ้าวเฉียน! เทพนอกรีตบาปสวรรค์! นี่หมายความว่าอย่างไร?!”
เยวี่ยเมิ่งลี่จับจ้องภาพฉากนี่ด้วยใบหน้าอันเยือกเย็น
สองในแปดมังกรขนาดมหึมาที่ทำหน้าที่ลากเกี้ยวเข้ามากลับมิใช่ใครอื่นนอกจาก อดีตประมุขแห่งเผ่ามังกร หลงหมินและอ้าวเฉียนที่ถูกบังคับให้กลายร่างเป็นมังกร!
พวกเขาถูกบีบให้เผยร่างดั่งเดิมออกมาเพื่อใช้แรงงานลากเกี้ยวขนาดมหึมานี้ ยามนี้ทั้งแปดกลับไม่ต่างอะไรจากม้าลากภูเขาเลย
ณ เบื้องล่างตรงหน้าหออาญาสิทธิ์ ทุกคนยามนี้ต่างจับจ้องด้วยดวงตาสีแดงก่ำด้วยความอาฆาตต่อเทพนอกรีตบาปสวรรค์ยิ่ง
นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างไม่เคยมีมาก่อน!
เหล่าผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งเผ่ามังกรอันสูงศักดิ์กลับถูกเทพนอกรีตบาปสวรรค์ บังคับให้กลายร่างเป็นมีงกรเพื่อลากจูงเกี้ยวแต่งงานของเขา!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถต่อกรกับเทพนอกรีตบาปสวรรค์นี่ได้
มันแข็งแกร่งเกินไป!
ผลลัพธ์หากต่อต้านคือความตาย!
เพียงได้เห็นเยวี่ยเมิ่งลี่เผยสีหน้าแสนทรมานใจ เทพนอกรีตบาปสวรรค์ก็ระเบิดหัวเราะร่าอย่างสุขใจ กล่าวว่า
“ปรากฏว่าเจ้าเองก็รู้จักพวกนี้ด้วย? เยี่ยมจริงๆ! นับเป็นพรหมลิขิต! ลี่เอ๋อของข้า นี่นับเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาข้าอดใจรอแทบไม่ไหว! ข้าอยากให้งานแต่งงานของเราสมบูรณ์แบบที่สุด จึงเดินทางไปที่ภูมิภาคอสูรและจับมังกรทั้งแปดตัวนี้มา เพื่อนำมาลากเกี้ยวม่านสวรรค์ของเรามา ฮ่าๆๆ…ดีจริงๆที่เจ้าเองก็รู้จักพวกมัน เช่นนั้นก็ให้พวกมันมาเป็นสักขีพยานความรักของเราสอง!”
ยามนี้เยวี่ยเมิ่งลี่นิ่งสงบจนผิดวิสัย นางเองก็ไม่ต่างอะไรกับเย่หยวน ยิ่งสงบเท่ากับว่ายิ่งอาฆาตแค้นเป็นทวี!
นางแทบจะกระโดดออกไปฆ่ามันให้รู้ดำรู้แดงในเวลานี้!
“บัดซบ! ข้าประมุขเผ่าพยัคฆ์ผู้นี้ทนไม่ไหวแล้ว! วันนี้ข้าขอสู้ตาย!!”
เผ่าพยัคฆ์ขาวและเผ่ามังกรฟ้าล้วนสืบเชื้อสายบรรพชนเดียวกัน ความอัปยศอดสูที่หลงหมินและอ้าวเฉียนต้องแบกรับ มันเท่ากับยั่วยุอิ้งหมัวหู่เช่นกัน ดังนั้นเขาหรือยังทนได้อย่างไร?
ทันทีที่กล่าวจบอิ้งหมัวหู่ก็ปราดพุ่งออกมา ร่างไสวแปรเปลี่ยนเป็นประกายแสงเส้นหนึ่งเข้าโจมตีเทพนอกรีตบาปสวรรค์โดยตรง
กวนควางเทียนในตอนนี้บ้าคลั่งไปแล้วเช่นกัน เขาเองก็เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทวะจตุรทิศเช่นกัน จะไปทนความอัปยศนี้ได้?
เขาไล่ติดตามอิ้งหมัวหู่ปราดพุ่งออกไป เข้าผสานการโจมตีไปที่เทพนอกรีตบาปสวรรค์ทันที
“ทุกคนร่วมผสานการโจมตี! แม้ว่าเราต้องตาย แต่เราจะขอฝากฝังบทเรียนชนิดไม่มีวันลืมเลือนให้แก่มัน!”
ฟางเทียนเร้าเสียงตะโกนกู่ก้อง และรีบเข้าโจมตีช่วยเสริมในทันใด
เหนือน่านฟ้ามีผู้คนนับหลายสิบระดมพลังช่วยกันโจมตีใส่เทพนอกรีตบาปสวรรค์เป็นจุดเดียว
รอยยิ้มอันแสนเย็นชาพลันปรากฏขึ้นบนมุมปากของเทพนอกรีต มันกล่าววาจาแสนเหยียดหยามขึ้นว่า
“พวกมดปลวกประเมินตนสูงส่งเกินไป ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตายเช่นนี้ ข้าย่อมสนองให้!”
โฉมสะคราญร่างของเยวี่ยเมิ่งลี่สั่นสะท้านหนัก นางกรีดร้องขึ้นทันที
“เทพนอกรีต! หากเจ้ากล้าฆ่าพวกเขา ข้าขอตายตรงนี้เสีย!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เยวี่ยเมิ่งลี่ยกมือฝ่าขึ้นเตรียมตบกะโหลกศีรษะเพื่อปลิดชีพตนเองทันที
สีหน้าการแสดงออกของเทพนอกรีตแปรเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะคลายรัศมีแรงกดดันตัวเองลงและยกมือปัดผู้คนนับหลายสิบกระเด็นออกไปในพริบตา
“พร๊วดด!”
ทุกคนต่างกระอักเลือดสดออกมาไม่หยุดหย่อน ยามนี้แต่ละคนบาดเจ็บสาหัสยิ่ง
ต่อหน้าเทพนอกรีตบาปสวรรค์ พวกเขาไม่มีคุณสมบัติแม้แต่ต้านรับกระบวนอีกฝ่าย!
กล่าวได้ว่าทั่วทั้งบริเวณต่างเปี่ยมล้นไปด้วยความสิ้นหวัง
แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นขุมกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์ ทว่าในความเป็นจริงกลับไม่แม้แต่สัมผัสชายเสื้อของอีกฝ่ายได้เลยด้วยซ้ำ!
มุมปากของเทพนอกรีตพลันกระตุกเย้ยเยาะ มันกล่าวพร้อมรอยยิ้มแสนชั่วร้ายว่า
“ลี่เอ๋อของข้า เจ้าก็เห็นว่าสามีผู้นี้ของเจ้าจริงใจเพียงใด วันนี้ข้าอุตส่าห์เตรียมการมาเป็นอย่างดีตามที่เจ้าบอกไว้? วันนี้พวกเราจะมาเป็นของกันและกัน ไม่มีวันพรากจากชั่วนิรันดร์!”
หัวใจของเยวี่ยเมิ่งลี่เย็นชายิ่งกว่าธารน้ำแข็งในยามนี้ นางกัดฟันและกล่าวว่า
“เทพนอกรีต หากต้องการเป็นหนึ่งเดียวกันข้านัก เช่นนั้นต้องสัญญากับข้าก่อน ปล่อยให้พวกเขาอพยพเข้าสู่หุบเขาเหวพระเจ้า! มิฉะนั้นข้าขอตายเสียตรงหน้า และเจ้าจะไม่ได้สมหวังชั่วนิรันดร์!”
เทพนอกรีตแสยะยิ้มแสนน่าสะพรึง กล่าวว่า
“ลี่เอ๋อของข้า คิดหรือว่าสามีผู้นี้จะโง่ปานนั้น? มีการดำรงอยู่ที่เกินหยั่งถึงอาศัยอยู่ภายในนั้น ตราบใดที่ไม่เข้าไป ผู้คนทั่วทั้งผืนพิภพล้วนต้องอยู่ในเงื้อมมือของข้า เล่ห์เหลี่ยวเล็กน้อยปานนี้มีหรือจะใช้กับข้าได้? หึหึ ข้าจะปล่อยให้พวกมันฆ่าตัวตายกันไปเอง นี่นับว่าเป็นความเมตตาที่สุดของข้าแล้ว!”
สีหน้าการแสดงออกของเยวี่ยเมิ่งลี่แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อพบว่าแผนการของตนทั้งตื่นเขินและไร้เดียงสาเกินไป
เทพนอกรีตบาแสวรรค์ผู้นี้เคยเป็นผู้ไร้เทียมทานที่สุดในยุคสามแสนปีก่อน แค่กลอุบายเล็กน้อยแค่นี้จะใช้ได้ผลอย่างไร?
นาง…ต้องมอบร่างกายอันมีค่าให้กับชายผู้น่ารังเกียจพรรค์นี้จริงๆรึ?
ไม่!
เช่นนั้น ข้า เยวี่ยเมิ่งลี่ขอตายดีกว่า!
ในเวลานั้นเอง เทพนอกรีตก็กล่าวขึ้นต่อว่า
“ลี่เอ๋อของข้า มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่สามีผู้นี้จะปล่อยพวกมันออกไป หลังเสร็จสิ้นพิธีค่อยปล่อยให้พวกมันฆ่าตัวตายไปเสีย”
“เจ้า! ฝันไปเถอะ!”
เยวี่ยเมิ่งลี่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด
เทพนอกรีตหัวเราะกล่าวว่า
“ฮ่าๆๆ…ลี่เอ๋อของข้า เจ้าคิดหรือว่า หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ข้าจะมิได้สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างที่ข้าถูกผนึกเลย? ข้ารู้ว่าเจ้ารักไอ้เด็กเหลือขอนามเย่หยวน นอกจากนี้เขายังเป็นจักรพรรดิดินแดนพฤกษานิรันดร์เหมือนกับข้า แต่…ไอ้เด็กนั้นกลับเลือกที่จะฝ่าประตูผนึกดินแดนออกไปยังโลกภายนอก! กับแค่ร้อยปีมันจะเก่งกาจขึ้นขนาดไหนเชียว? หากยืนอยู่ต่อหน้าข้าผู้นี้ ข้าจะทุบมันให้แหลกในคราเดียว! ดังนั้นเลิกคิดเรื่องไร้สาระได้แล้ว จงมาเป็นของข้าและลืมไอ้เด็กเหลือขอนั้นไปซะ! หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้านับเป็นมเหสีของจักรพรรดิผู้นี้แล้ว!”
เทพนอกรีตชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยกล่าวขึ้นต่อว่า
“หากเจ้าไม่ยอมเชื่อฟังข้า ข้าจะไล่ฆ่าคนของเจ้าทีละคน ถึงยามนั้นข้าสงสัยเสียเหลือเกินว่าเจ้าจะรู้สึกอย่างไร? ฮ่าๆๆ”
เทพนอกรีตบนสวรรค์นับเป็นการดำรงอยู่แบบใด?
เขาทั้งดิบเถื่อนและเลือดเย็นตั้งแต่สามแสนปีก่อนแล้ว เรื่องความเล่ห์เหลี่ยมและความแข็งแกร่งนับเป็นอันดับต้นๆในยุคนั้น
เยวี่ยเมิ่งลี่อ่อนแอเกินไปเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
เทพนอกรีตพึงพอใจนักกับตัวเองเป็นอย่างยิ่ง เขารู้ว่าเยวี่ยเมิ่งลี่ต้องเชื่อฟังตนแต่โดยดีแน่นอน
หากไม่มีปัญญาแม้แต่จะจัดการกับผู้หญิงนางหนึ่งได้ นามขานเทพนอกรีตบนสวรรค์ของเขาคงไม่ต่างอะไรจากขยะเช่นกัน
ตราบเท่าที่พิธีเสร็จสิ้น หรือจนกว่าเทพนอกรีตจะเล่นร่างกายของนางจนพอใจและปล่อยเยวี่ยเมิ่งลี่เป็นอิสระให้กลับไปหาเย่หยวน แต่นางคงไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน
เพราะหากถึงเวลานั้นจริง นางคงไม่มีหน้าไปพบเย่หยวนแล้ว!
เยวี่ยเมิ่งลี่ในตอนนี้ดูสิ้นหวังเสียเหลือเกิน!
“ลี่เอ๋อ เจ้าไม่ต้องห่วงพวกเรา! เราชายชราคนนี้ขอสู้ตาย! อย่างน้อยก็เพื่อตอบแทนบุญคุณของเย่หยวน!”
ฟางเทียนตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมพุ่งโจมตีเทพนอกรีตอีกครั้ง
เทพนอกรีตแสยะยิ้มแสนชั่วร้ายและกล่าวกับเยวี่ยเมิ่งลี่ว่า
“ลี่เอ๋อของข้า เช่นนั้นมันคือคนแรกที่ต้องตาย!”
………………………………………………………………….