เทพนอกรีตยังคงสำแดงฤทธิ์เดชต่อหน้าลี่เอ๋อต่อเนื่อง ถึงขั้นที่ว่าท้องนภาพลันเปลี่ยนสีแสนฉงนใจ
ฟางเทียนยังคงลอยเคว้งอยู่กลางเวหา ยามนี้รู้สึกราวกับผืนพิภพแห่งนี้ถึงกาลอวสาน
นี่คือพลังที่แท้จริงของศาสตร์แห่งสวรรค์!
ไม่ว่าจะเป็นทัณฑ์สวรรค์หรือทัณฑ์สวรรค์วิญญาณ สรรพสิ่งที่คิดว่ารุนแรงหากเปรียบกับสิ่งตรงหน้ากลับดูอ่อนด้อยไปโดยปริยาย
“นี่…นี่มันพลังอะไรกัน?!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว! แม้แต่ศึกสัประยุทธ์ระหว่างเย่หยวนกับข่านนั่วในปีนนั้นยังมิอาจเทียบเคียงกับเหตุการณ์ในวันนี้ได้!”
“มันจบลงแล้ว! คราวนี้ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้วจริงๆ! ดินแดนพฤกษานิรันดร์มีแต่โชคร้ายหรืออย่างไร? เพิ่งผ่านพ้นไปได้ร้อยปีกลับต้องมาเผชิญพบกับหายนะอีกครั้ง!”
สีหน้าของเหล่าฝูงชนเปี่ยมล้นไปด้วยความสิ้นหวัง
ในตอนนั้นยังคงเย่หยวนคอยพิทักษ์ปกป้องพลิกผันกระแสน้ำแห่งหายนะได้
แต่ตอนนี้ใครจะมาช่วยเหลือพวกเขากัน?
ฟางเทียนนับเป็นปราการแรกสุด หากใครต้องการทำลายดินแดนพฤกษานิรันดร์ต้องข้ามศพเขาให้ได้เสียก่อน
ส่วนเรื่องรอดชีวิตกลับมา มันไม่เคยมีอยู่ในหัวเขาตั้งแต่แรกแล้ว!
ในตอนนี้เขาพยายามทำจิตใจให้สงบ
เขารู้ดีว่าวันนี้ไม่มีใครสามารถรอดพ้นหายนะไปได้ กระทั่งเยวี่ยเมิ่งลี่เองก็เช่นกัน
ดังนั้นแล้ว อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ขอเฝ้าดูนางตายไปต่อหน้าต่อตา
“เย่หยวน ข้าขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องลี่เอ๋อได้”
จากนั้นฟางเทียนก็ค่อยๆหลับตาลง เฝ้ารรอความตายที่อยู่เบื้องหน้า
ทันใดนั้นเองดัชนีอันทรงพลังถูกปลดปล่อย พุ่งเสียดอากาศหัวงทะลวงชีพของฟางเทียนโดยตรง
ทุกคนต่างปิดตาแน่น พวกเขามิอาจทนมองผู้นำดินแดนพฤกษานิรันดร์ตายลงทั้งแบบนี้ได้เลย
“หื้ม? เกิดอะไรขึ้น?”
แต่ในเวลานั้นเองกลับมีเสียงร้องอุทานดังขึ้นแทน
ดัชนีของเทพนอกรีตถือเป็นพลังปราณที่หลอมรวมเข้ากับศาสตร์แห่งสวรรค์ ทว่าเมื่อมันปราดพุ่งถึงตรงหน้าฟางเทียน กระแสพลังเหล่านั้นกลับอันตรธานหายไป
ท้องนภายามนี้คล้ายถูกแบ่งออกไปราวกับสองโลกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
โลกใบหน้ามีลมพายุโหมกระหน่ำ ฟ้าดินวิปลาสเปลี่ยนสี ในขณะที่โลกอีกใบกลับสงบเปี่ยมล้นความสันติ
ทันทีทันใด ฟางเทียนก็สัมผัสได้ว่าแรงกดดันทั้งหมดทั่วร่างของตนหายไปแล้ว ทำให้เขาเริ่มขยับเคลื่อนร่างกายได้อีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมอง
เขาถึงกับตื่นตะลึงยิ่งกับภาพฉากนี้!
นี่…นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?
สายตาคู่นั้นของเทพนอกรีตพลันหรี่แคบในทันใด เอ่ยลั่นประกาศน้ำเสียงเย็นชายิ่งว่า
“นั้นใคร!? แสดงตัวออกมาให้ข้าผู้นี้!”
ขณะเดียวกันทุกคนต่างปั้นสีหน้าสุดงงงวยยิ่ง
หรือเป็นไปได้ไหมว่า ในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ยังมีใครสามารถต่อกรได้กับเทพนอกรีตบาปสวรรค์ได้อีก?
“เกิดอะไรขึ้นกัน? หรือท่านอาวุโสคุนหวูจะลงมือเอง?”
อิ้งหมัวหู่เหลือบมองเยวี่ยเมิ่งลี่คล้ายว่าต้องการความคิดเห็น แต่เมื่อหันไปมองปรากฏว่าทั่วร่างของนางกลับสั่นสะท้านไม่หยุด สีหน้าการแสดงออกเผยถึงความตื่นเต้นสุดหัวใจ
ระหว่างที่อิ้งหมัวหู่ยังดูมึนนงง เยวี่ยเมิ่งลี่พลันกล่าวเสียงสั่นขึ้นว่า
“เขา…เขากลับมาแล้ว!”
อิ้งหมัวหู่เนื้อตัวแข็งค้างไปชั่วขณะ
“ใครกัน? ใครกันที่กลับมา?”
เยวี่ยเมิ่งลี่ตะโกนลั่นอย่างร้อนใจ
“นั้นเป็นพี่ใหญ่หยวน! พี่ใหญ่หยวนกลับมาแล้ว!!”
เนื้อตัวอึ้งหมัวหู่สั่นสะท้านหนัก ทันทีทันใดกลางห้วงแห่งความว่างเปล่าพลันสั่นสะเทือนเล็กน้อย ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนเผชิญหน้ากับเทพนอกรีตอยู่จากระยะไกล
หนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้น ปรากฏร่างหนึ่งแสนคุ้นเคยยิ่งนัก ซึ่งยังเป็นใครอื่นไปได้นอกจากเย่หยวน?
หากกล่าวถึงเรื่องนี้นี่ถือเป็นเรื่องบังเอิญมากเช่นกัน ในตอนที่เย่หยวนกำลังสนทนากับคนอื่นๆ ทันทีทันใดเขาพลันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังของศาสตร์แห่งสวรรค์ขุมใหญ่ปรากฏขึ้นที่ทิศตะวันออก
ซึ่งคนที่สามารถสร้างคลื่นพลังศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ควรมีแค่เขาคนเดียว
โดยไม่ลังเลอันใด เย่หยวนจึงใช้วิชาข้ามมิติพุ่งเข้ามาสกัดกั้นพลังดัชนีของเทพนอกรีต และช่วยชีวิตฟางเทียนได้อย่างทันท่วงที
ร่างของฟางเทียนสั่นเทาไม่หยุดหย่อน เขากล่าวขึ้นอย่างเหลือเชื่อว่า
“ย-ย-เย่หยวน! นี่เป็นไปได้อย่างไร?!”
เย่หยวนหันหลังกลับมองฟางเทียนและยิ้มกล่าวว่า
“ท่านอาวุโสฟางเทียน หลายปีมานี้คงลำบากท่านมิใช่น้อย”
คล้อยหลังความประหลาดใจ ฟางเทียนระเบิดหัวเราะดังลั่นกล่าวว่า
“ดี! ดี! ดีจริงๆที่เจ้ากลับมา! ฮ่าๆๆ!”
จากนั้นทุกคนต่างเงยมองชายหนุ่มในชุดอาภรณ์สีขาวบนท้องนภาด้วยความตื่นตะลึง
เย่หยวนกลับมาแล้ว!
“ฮ่าๆๆๆ! เย่หยวนกลับมาแล้ว! พวกเรารอดตายแล้ว!”
“เย่หยวนคือวีรบุรุษแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์! เมื่อใดที่เขาอยู่ตรงนี้ พวกเราปลอดภัยแล้ว!”
“เย่หยวนมักปรากฏตัวในช่วงเวลาวิกฤตอยู่เสมอ ครั้งนี้เองก็เช่นกัน!”
“เขา…เขาทะลวงขึ้นเป็นยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลางแล้วจริงๆ! สวรรค์! เขาเพิ่งจากออกไปแค่ร้อยปี แต่กลับเลื่อนระดับชั้นไปถึงสองอาณาจักรพลังหลักแล้ว! ชายผู้นี้ประหลาดคนเสียจริง!”
…
การปรากฏตัวของเย่หยวนต่างทำให้ทุกคนตื่นอกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
ในสายตาของพวกเขา เย่หยวนคือวีรบุรุษ!
อย่างไรก็ตามก็หาใช่ว่าทุกคนจะมองโลกในแง่ดีนัก
“อย่าเพิ่งดีใจ! ทั้งเย่หยวนและเทพนอกรีตต่างเป็นผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ทั้งคู่ แถมเทพนอกรีตยังมีระดับพลังสูงกว่าเย่หยวนมาก นี่หาใช่เรื่องดี!”
บางคนเอ่ยกล่าวขึ้นมาพร้อมสีหน้าสุดเคร่งขรึม
เมื่อได้ฟังแบบนั้น สีหน้าการแสดงออกของทุกคนพลันแปรเปลี่ยนไปในทันที
พวกเขาตระหนักทราบดีถึงความแข็งแกร่งของเทพนอกรีต แล้วเย่หยวนจะเป็นคู่มือได้จริงๆงั้นรึ?
“เจ้าคือผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์อีกคน? ดู…อ่อนแอเสียเหลือเกิน!”
เทพนอกรีตกล่าวเย้ยเยาะพร้อมรอยยิ้มแสนชั่วร้าย
แม้การมาของเย่หยวนจะมิได้อยู่ในแผน แต่เขาก็หาได้เป็นกังวลไม่
ความแตกต่างระหว่างอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลางและขั้นสุดมันมีมากเกินไป!
เย่หยวนกวาดสายตาจับจ้องอย่างเย็นชา กล่าวว่า
“เจ้าสวะ เจ้าโผล่หัวออกมาจากไหน? กล้าลงมือกับท่านอาวุโสฟางเทียนขนาดนั้นเชียว?”
ในขณะที่เอ่ยกล่าวขึ้นมา สายตาของเย่หยวนก็เหลือบไปมองที่รถม้าคันนั้นรวมไปถึงมังกรร่างมหึมาทั้งแปดที่ถูกใช้ให้ลากจูง ความโกรธเกรี้ยวพลันปะทุเดือดขึ้นทันทีภายในใจ
“เจ้าสวะ? มดปลวกอย่างเจ้ายังกล้าเรียกคนอื่นว่าสวะอีกงั้นรึ? สามหาว! เหอะ เจ้ามาได้จังหวะพอดี ตอนนี้ข้ากำลังมารับตัวเจ้าสาวของข้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ลี่เอ๋อคือภรรยาของข้า! เจ้ามาเป็นสักขีพยานในความรักของพวกเรา! เป็นอย่างไรบ้าง? ได้เห็นคนที่เป็นที่รักของตัวเองถูกคนอื่นช่วงชิงไปต่อหน้า แค้นใจหรือไม่? อย่างไรก็ตาม เจ้ามันอ่อนแอ อ่อนแอเกินว่าจะปกป้องคนที่รักได้! ฮ่าๆๆๆ…เจ้ามั่นใจได้เลย ข้าผู้นี้ยังไม่ฆ่าเจ้าแน่นอน เจ้าต้องเฝ้าดูความรักของข้ากับลี่เอ๋อไปอีกนานแสนนาน!”
เมื่อกล่าวจบเทพนอกรีตก็รื้สึกตื่นเต้นอย่างอดมิได้ ถึงขั้นระเบิดหัวเราะเปี่ยมล้นความสุขไม่หยุดหย่อน
แต่ทุกคนโดยรอบในปัจจุบันต่างรู้จักเย่หยวนดีเกินไป และพวกเขาทราบดีว่ายามนี้เย่หยวนกำลังโกรธจริงๆแล้ว
เทพนอกรีตกล้ายั่วยุบุคคลที่น่ากลัวที่สุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์จริงๆ!
เว้นเสียว่า เย่หยวนจะต่อกรกับเทพนอกรีตได้จริงๆใช่หรือไม่?
ระดับพลังต่างกันถึงสองอาณาจักรย่อย เมื่อทะลวงขึ้นถึงอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า กล่าวได้ว่าแต่ละระดับชั้นย่อมกลับกว้างใหญ่เสียยิ่งกว่าฟ้าดิน!
ที่เย่หยวนเคลื่อนไหวช่วยเหลือฟางเทียนเป็นเพราะจังหวะทีเผลอจนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น หากประจันหน้ากันกับเทพนอกรีตแบบหนึ่งต่อหนึ่งกลับยากที่จะต่อกร
แต่เมื่อเทพนอกรีตกล่าวอธิบายเช่นนั้นออกมา เย่หยวนก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทันที
ส่งผลให้เย่หยวนไม่คิดรั้งรอนพลังใดๆอีกต่อไป
เขากำลังโกรธมาก!
เย่หยวนจ้องเทพนอกรีตเขม็ง คล้อยกล่าววาจาแสนเรียบนิ่งดังว่า
“แม้ข้าจะไม่ทราบว่าสวะอย่างเจ้าโผล่หัวมาจากไหน แต่ขอชื่นชมว่าเจ้าเก่งมาก! เก่งมากที่ทำให้ข้าโมโหจริงๆได้!”
ปฏิกิริยาของเย่หยวนทำให้เทพนอกรีตไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
มันชอบเห็นคนอื่นถูกกระตุ้นอารมณ์โกรธจนเป็นบ้า ยิ่งคลั่งเท่าไหร่มันยิ่งชอบ
แต่ไม่นึกเลยว่าเย่หยวนจะสงบได้ปานนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ทำให้เย่หยวนโกรธจริงๆแล้ว
เทพนอกรีตแสยะยิ้มชั่วกล่าวว่า
“ไอ้เด็กเหลือขอ จงจำไว้ให้ดี ข้าเองก็เป็นผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์เช่นกัน แต่ความแข็งแกร่งระหว่างเรากลับมีช่องว่างยิ่งใหญ่เกินทดแทน! จงจำไว้ให้ดี ข้าเข้าใจฟ้าดินมากกว่าเจ้า!”
……………………………………………………………….