“จำไว้ให้ดี ข้าเข้าใจฟ้าดินมากกว่าเจ้า!”
สุ้มเสียงของเทพนอกรีตอันแสนสูงส่งดังกึกก้องทั่วผืนพิภพ สง่าราศีเสมือนราชาผู้ปกครองสรรพสิ่ง
เทพนอกรีตในปัจจุบันดูทรงพลังอย่างมาก
วูบบ! วูบบ! วูบบ!
รัศมีกลิ่นอายของเทพนอกรีตทะยานขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว เมฆาสีดำชั้นหนาระดมก่อตัวขึ้นกลางท้องนภา ประดับสายอัสนีร่ำร้อง ต่างทำให้ฝูงชนรู้สึกใจเสียไม่น้อย
ในปัจจุบันราวกับจุดจบของผืนพิภพแห่งนี้ได้มาถึงแล้ว
ดินแดนพฤกษานิรันดร์กำลังสั่นสะเทือนหนัก
ทั้งหมดเกิดจากเทพนอกรีตบาปสวรรค์!
“นี่…นี่ไม่รุนแรงเกินไปหน่อยรึ?”
“ปรากฏว่าเมื่อครู่นี้ยังไม่ใช่พลังทั้งหมดของมัน!”
“แล้วนี่…จะไปสู้กับมันได้อย่างไร? ข้ารู้สึกราวกับว่ามันเป็นเทพเจ้าไปแล้ว!”
…
สีหน้าการแสดงออกของทุกคนต่างเผยความหวาดกลัวออกมา
บางทีความแข็งแกร่งของเทพนอกรีตอาจกลายมาเป็นมดปลวกตัวเล็กๆในมหาพิภพถงเทียน
แต่ในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ ตัวมันไร้เทียมทาน!
“พี่ใหญ่หยวน!”
เยวี่ยเมิ่งลี่ตะโกนเสียงดังลั่นทันทีที่นางเห็นภาพฉากนี้ สีหน้าซีดเซียวขึ้นทันตา
คลื่นแรงกดดันปานนี้น่ากลัวเกินไปอย่างแท้จริง
นางมิได้กลัวตัวเองตาย แต่นางเป็นห่วงเย่หยวน
แม้ว่าพัฒนาการของเย่หยวนจะรวดเร็วจนน่ากลัว แต่นางก็ยังไม่รู้ว่าเย่หยวนจะสามารถเทียบชั้นกับอีกฝ่ายได้หรือไม่
เย่หยวนเหลียวหลังกลับมองลี่เอ๋อ สายตาคู่นั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ
ลี่เอ๋อและเย่หยวน ทั้งสองมีจิตใจที่เชื่อมโยงสื่อถึงกันและกันได้ ดังนั้นนางที่เห็นเย่หยวนมั่นใจเช่นนี้จึงคลายใจได้ในทันที
คนอื่นๆที่เหลือต่างจับจ้องเย่หยวนด้วยสีหน้าแสนกังวลยิ่ง หากเย่หยวนไม่สามารถหยุดเทพนอกรีตได้ ก็ไม่มีใครอีกแล้วในดินแดนพฤกษานิรันดร์ที่สามารถทำได้!
“ฮ่าๆๆ! ไอ้เด็กเหลือขอ มิใช่ว่าเจ้าเองก็สามารถควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้? ไฉนเจ้าถึงไม่เรียกใช้? หรือว่ายอมแพ้เสียแล้ว! ในเมื่อเจ้าไม่เคลื่อนไหว ข้าจะลงมือเอง! ผ่อนคลายเถอะ ข้าไม่ฆ่าเจ้าแน่นอน ลี่เอ๋อกับข้าจะครองรักนิรันดร์ให้เจ้าทรมานใจไปชั่วชีวิต!”
ทันทีที่กล่าวจบเทพนอกรีตก็ซัดฝ่ามือลงไปทันใด
บูมมม!
ฝ่ามือขนาดมหึมานสีดำทมิฬปรากฏขึ้นปกคลุมทั่วท้องนภาบดบังดวงสุริยันจนมิด ดินแดนพฤกษานิรันดร์สั่นสะท้านไม่หยุดหย่อน
ฟางเทียน กวนควางเทียน และเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าคนอื่นๆค่าสูญเสียการควบคุมไปโดยสิ้น ร่างของพวกเขาดิ่งพสุธาร่วงลงมาจากท้องนภาทีละคนสองคน
ศาสตร์แห่งสวรรค์แห่งห้วงมิติกำลังตกสู่ความโกลาหลจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ดั่งใจอีกต่อไป
เหนือน่านฟ้าเหลือเพียงเย่หยวนและเทพนอกรีตเท่านั้นที่ผงาดอยู่
“ฝ่ามือเทพนอกรีต! ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้ากล้ารับฝ่ามือนี้ของข้าหรือไม่? หากไม่ ทุกคนที่อยู่ใต้ผืนดินจะต้องตายกันหมด! ฮ่าๆๆๆ…เจ้าคงรู้สึกสิ้นหวังมากเลยกระมัง?!”
เทพนอกรีตระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ลมกระโชกแรงพัดผ่าน ชายเสื้อเย่หยวนกระพือสะบั้นแรง
เย่หยวนยกมือทั้งสองขึ้นไล่หลังและมองออกไปยังเส้นขอบฟ้าเฝ้ามองฝ่ามือสีดำทมิฬมหึมาเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเงียบงัน
ฝ่ามือนั้นยิ่งใกล้ยิ่งทวีแรงกดดันเป็นหลานเท่าตัว ทว่าเย่หยวนไม่แม้แต่จะมีเจตนาต่อต้านใดๆ
ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างตื่นตะลึงตกใจยิ่งยวด เริ่มส่งเสียงกรีดร้องต่อหน้าความตาย
“เย่หยวนกำลังทำอะไรอยู่? หรือเป็นไปได้ไหมว่าเขาจะยอมสละชีวิต!?”
“เย่หยวนรีบหนีออกมาเร็ว!”
“เย่หยวน เจ้าคือความหวังสุดท้ายของพวกเรา อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงเช่นนั้น!”
…
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป ฝ่ามือมหึมากำลังตกลงบนศีรษะของเย่หยวน ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่คิดที่จะเคลื่อนตัวหลบเลี่ยงใดๆ
เทพนอกรีตจับจ้องภาพฉากนี้เจือแอบประหลาดใจ เด็กนี่มันโง่หรือคิดที่จะสู้กันให้ตายไปข้าง?
อย่างไรก็ตามแต่ ภาพฉากต่อจากนี้ต่างทำให้ทุกคนอ้าปากค้างเติ่งในบัดดล
ทันใดนั้นเอง น่านนภาฟ้าพลันสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
ฝ่ามือมหึมาสีดำทมิฬนั้นคล้ายว่าจะเห็นอะไรบางอย่าง ถึงขั้นหวาดกลัวจัดจนต้องร่นถอยกลับไปเอง!
มันหดตัวกลับสู่ห้วงแห่งความว่างเปล่าในพริบตา!
ฝนฟ้าพายุโหมกระหน่ำ รวมไปถึงชั้นเมฆาสีทมิฬก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ท้องนภาทอดไปไกลถึงเส้นขอบฟ้าพลันกลับมาสว่างสดใสอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อแสงแดดแรกอรุณเบิกออกมา ทุกคนต่างรู้สึกราวกับผืนพิภพแห่งนี้ได้รับการละเว้นจากจุดจบเสียที
ทุกคนต่างตื่นตะลึงยิ่ง!
เทพนอกรีตเองก็ตื่นตะลึงเช่นกัน!
นี่เกิดอะไรขึ้น?
ดูเหมือนว่าเย่หยวนจะยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ในเวลานั้นเอง เย่หยวนมองไปยังเทพนอกรีตพร้อมปริปากเอ่ยกล่าวอย่างแช่มช้าขึ้นว่า
“ก่อนหน้านี้เจ้าพล่ามว่าอย่างไร? พอดีข้าได้ยินไม่ชัด พล่ามใหม่อีกครั้งได้หรือไม่?”
ทั่วทั้งใบหน้าของเทพนอกรีตเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกไม่คลายอ่อน
เป็นไปไม่ได้ ไอ้เด็กเหลือขอนี่ไม่น่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้แน่นอน!
มันต้องมีอะไรผิดพลาด!
ใช่แล้ว! มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่นอน!
หากซัดฝ่ามือเทพนอกรีตออกไปอีกครั้ง ไอ้เด็กเหลือขอนั้นถูกบดขยี้เละเป็นเนื้อบดแน่นอน!
เมื่อนึกขึ้นได้ความมั่นใจของเทพนอกรีตก็กลับมาอีกครั้ง มันกล่าวลั่นขึ้นว่า
“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่า ตัวข้าเข้าใจฟ้าดินดีกว่าเจ้านัก! ยังหยิ่งผยองยืนนิ่งต่อหน้าข้าผู้นี้? เช่นนั้นตายเสียเถอะ!”
เมื่อกล่าวจบเทพนอกรีตก็เริ่มระดมพลังศาสตร์แห่งสวรรค์มาอีกครั้ง
“ฝ่ามือเทพนอกรีต!”
อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างยังคงสงบดังเดิม…
คล้ายว่าศาสตร์แห่งสวรรค์จะไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขา และไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย
ท้องฟ้ายังคงสว่างแจ่มใส ปรากฏจากกระแสพลังใดๆระดมก่อตัว!
รูม่านตาของเทพนอกรีตพลันหดตัวหนัก เขาจับจ้องไปที่ภาพฉากนี้ด้วยความไม่เชื่อพลางกล่าวว่า
“เป็นไปไม่ได้! นี่…เป็นไปไม่ได้! ข้า…ข้าได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์แล้วมิใช่รึ?! ข้าคือจักรพรรดิดินแดนแห่งนี้!”
“ฝ่ามือเทพนอกรีต!!”
ใบหน้าของเทพนอกรีตแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเนื่องจากพยายามเบ่งพละกำลังทั้งหมดออกมา แต่ศาสตร์แห่งสวรรค์ยังคงไม่ตอบสนองใดๆ
เบื้องล่าง ทุกคนต่างสบตากันไปมาด้วยความงุนงง ไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ฟ้าดินเปลี่ยนสีกลับเป็นดังเดิมได้อย่างไร?
“ใครทราบบ้างว่าเกิดอะไรขึ้น? ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเย่หยวน?”
“ไม่มีทาง? แม้เขาจะเป็นผู้ควบคุมเช่นกัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้ขนาดนี้?”
“เห็นได้ชัดแจ้ง เขายังมิได้ลงมือทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เขายังคงยืนเคว้งคว้างกลางอากาศเงียบงัน”
…
ดวงเนตรคู่สวยของเยวี่ยเมิ่งลี่จับจ้องไปที่เย่หยวนเป็นประกาย นางมั่นใจอย่างหาที่เปรียบไม่ว่า นี่ต้องเป็นฝีมือของเย่หยวนแน่นอน
แม้ว่านางจะไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
นางรู้ว่าเย่หยวนยังคงเป็นเย่หยวนผู้ไร้พ่ายคนนั้น
แม้ว่าดินแดนพฤกษานิรันดร์จะสร้างเทพนอกรีตขึ้นมาอีกคน แต่นั่นก็ยังหาใช่คู่มือของเย่หยวนได้!
“ฮ่าๆ พี่ใหญ่สุดยอดจริงๆ! ไม่แม้แต่ขยับนิ้วก็ทำให้ไอ้บัดซบนั้นร้องไห้แล้ว! ฮ่าๆๆ ไอ้บัดซบนั้นช่างน่าขายหน้าสิ้นดี!”
อิ้งหมัวหู่ระเบิดหัวเราะลั่นอย่างชอบอกชอบใจ
เขาก็เป็นเหมือนกันกับลี่เอ๋อที่รู้ว่านี่เป็นฝีมือของเย่หยวนแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน เปลือกตาของเย่หยวนพลันเปิดขึ้นเล็กน้อยและกล่าวกับเทพนอกรีตอย่างใจเย็นว่า
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าตนเข้าใจฟ้าดินดีกว่าข้างั้นรึ?”
เทพนอกรีตถึงกับสำลักไปชั่วขณะ
“ข้า…ข้า…”
รอยยิ้มเยาะเย้ยพลันฉีกกว้างที่มุมปากของเย่หยวน เขาหัวเราะเยาะพร้อมกล่าวว่า
“เจ้ารู้หรือว่าไม่โลกภายนอกดินแดนแห่งนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด? เจ้าทราบหรือไม่ว่าผู้คนภายนอกแข็งแกร่งแค่ไหน? เจ้ายังเทียบมิได้กับยามเฝ้าประตูบนโลกภายนอกด้วยซ้ำ! เจ้ามันก็แค่กบในก้นบ่อ!”
กบในก้นบ่อ!
ประโยคนี้ต่างทำให้ทุกคนตื่นตกใจยิ่ง
แม้แต่การดำรงอยู่เฉกเช่นเทพนอกรีตยังเป็นยากเฝ้าประตูของโลกภายนอกอันยิ่งใหญ่มิได้เลยด้วยซ้ำ?
สีหน้าการแสดงออกของเทพนอกรีตบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ มันคำรามลั่นใส่เย่หยวนว่า
“เป็นไปไม่เ! ข้าเองก็เป็นผู้ควบคุมเหมือนกัน! นอกจากนี้ระดับพลังของข้ายังสูงส่งกว่าเจ้านัก! ข้า เทพนอกรีตบาปสวรรค์ คือผู้ไร้เทียมทานที่สุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้!”
เย่หยวนยิ้มและเอ่ยกล่าวเสียงเย็นขึ้นว่า
“โอ้? คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียว? หากเจ้าเป็นผู้ควบคุมจริงๆ เช่นนั้นก็ลองเรียกมันมาให้ดูหน่อย?”
ใบหน้าของเทพนอกรีตในยามนี้เปรียบเสมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีสลับไปมา
มันกัดฟันและกล่าวขึ้นว่า
“ข้าไม่เชื่อว่าข้ามิอาจควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้! ฝ่ามือเทพนอกรีต! ฝ่ามือเทพนอกรีต! ฝ่ามือเทพนอกรีต!!”
เทพนอกรีตในปัจจุบันเสมือนคนบ้าที่ตะโกนไม่หยุด แต่ไม่ว่าอย่างไรศาสตร์แห่งสวรรค์ยังคงไม่ตอบสนองใดๆ
…………………………………