เมื่อเฝ้ามองพฤติกรรมราวกับคนบ้างของเทพนอกรีต ทุกคนต่างเผยสีหน้าผิดประหลาดออกมา
นี่คือเทพนอกรีตบากสวรรค์ที่สามารถควบคุมฟ้าดินได้ดั่งใจคนนั้น?
เย่หยวนกำลังทำอะไรกันแน่ถึงทำให้เทพนอกรีตสูญเสียการควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ไป?
“เมื่อครู่เย่หยวนกล่าวว่าอะไร? ท้าทาย…ให้อีกฝ่ายเรียกศาสตร์แห่งสวรรค์มางั้นรึ?”
ฟางเทียนเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก
เขาสงสัยเสียเหลือเกินว่าตนเองได้ยินผิดไปหรือไม่ จึงหันไปยืนยันกับกวนควางเทียนที่อยู่ข้างๆ
กวนควางเทียนเหลียวมองเขาด้วยความตกใจเช่นกัน
“เขากำลังหมายถึง ศาสตร์แห่งสวรรค์กำลังหวาดกลัวเขาอยู่หรือเปล่า? แต่เขายังไม่ทำอะไรเลยมิใช่รึ?”
“ศาสตร์ฉห่งสวรรค์…กลัวเป็นด้วยรึ? อะไร…มันกำลังกลัวอะไรกันแน่?!”
สมองฟางเทียนคล้ายว่ารวนชั่วขณะและมิอาจเข้าใจอะไรได้เลย
กวนควางเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆขณะกล่าวว่า
“เหมือนว่า ระบะเวลาร้อยปีนี้ที่มิได้เจอเย่หยวน หามใช่แค่ระดับพลังเท่านั้นที่พัฒนาสูงขึ้น แต่นั่นยังรวมไปถึงอีกหลายสิ่งอย่างที่เกินขอบเขตความเข้าใจของเราไปแล้ว!”
ทุกคนที่ได้ฟังเช่นนั้นต่างตกตะลึงใจอย่างหาที่เปรียบไม่ ก่อนหน้าที่เย่หยวนจะออกไปเขาคือผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ แต่ยามนี้ศาสตร์แห่งสวรรค์กลับต้องกลัวเกรงเขาแทน!
บางสิ่งที่เรียกว่า ความสิ้นหวังปะทุขึ้นรกลางจิตใจของเทพนอกรีตออกมาทันที
เขามีประสบการณ์ผ่านโลกมานานกว่าสามแสนปี ในที่สุดเขาก็ได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์
แต่ตอนนี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกัน?
เพียงหนึ่งเดือนกว่าๆเองที่เขาเพิ่งออกมาจากการเก็บตัวอยู่ในผนึก!
กว่าสามแสนปีแห่งความอัปยศอดสู เขายังไม่ทันริเริ่มแก้แค้นผืนพิภพแห่งนี้เลย แต่ไฉนทุกอย่างต้องจบลงเสียแล้ว?
ทันทีทันใดดวงตาของมันก็สว่างไสวขึ้นและแสยะยิ้มแสนชั่วร้ายกล่าวว่า
“หากข้าไม่สามารถควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ เจ้าเองก็ไม่มีทางควบคุมได้เช่นกัน หึ! ต่อให้ไม่ต้องพึ่งพาพลังศาสตร์แห่งสวรรค์ แต่ด้วยระดับพลังที่ห่างชั้นปานนี้ ข้าสามารถบดขยี้เจ้าได้อย่างง่ายดาย!”
เมื่อคนเราถึงทางตันและสิ้นหวัง พวกเขามักจะดิ้นรนและหาข้อแก้ตัวให้แก่ตนเอง
เทพนอกรีตไม่มีวันเต็มใจให้เย่หยวนเหยียบย้ำศักดิ์ศรีได้โดยง่าย เขายังคงเร่งหาข้อแก้ตัวอยู่ภายในใจ
บางทีศาสตร์แห่งสวรรค์อาจไม่สามารถควบคุมได้ชั่วคราว!
ไอ้เด็กเหลือขอนี่มันแค่ดวงดีเท่านั้น!
ทันทีทันใด กลิ่นอายแห่งขุมพลังอาณาจักรรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดพลันปะทุเดือดขึ้นทันที ความแกร่งกล้านี้ไม่มีผู้ใดสามารถทานทนยืนอยู่ได้ไหว
ระดับพลังขนาดนี้ของมันสามารถเทียบชั้นสัประยุทธ์ต่อสู้กับข่านนั่วได้แล้ว
เย่หยวนจับจ้องไปที่เทพนอกรีตด้วยสีหน้าแสนเวทนาสงสารและกล่าวขึ้นว่า
“ช่างไม่รู้ฟ้าต่ำแผ่นดินสูงเสีย การที่เจ้าควบคุมไม่ได้ มันมิได้หมายความว่าข้าจะทำไม่ได้!”
ทันทีที่กล่าวจบเย่หยวนก็ฝ่ามือขึ้นและอัดคลื่นพลังวินาศใส่โดยตรง
กลางห้วงแห่งความว่างเปล่าปรากฏเป็นคลื่นพลังศาสตร์แห่งสวรรค์อันมหาศาลผนวกควบแน่นกลายเป็นฝ่ามือมหึมา ประดับสุ้มเสียงอัสนีคำรนอย่างบ้าคลั่ง แก้วหูแทบฉีกขาด
เทพนอกรีตไม่ทันได้เตียมตัวป้องกันใดๆ มันกระอักพ่นเลือดสดออกมาคำโตพร้อมร่างที่ดิ่งพสุธาอัดกระแทกพื้นดินสุดแรง
พลังศาสตร์แห่งสวรรค์!
เย่หยวนเพียงปลดปล่อยฝ่ามือนี้ออกไปอย่างลวกๆเท่านั้น ทว่าภายใต้อานุภาพทำลายล้างของมือนี้ ทำให้กระดูกและเส้นเอ็นทั่วร่างของเทพนอกรีตขาดสะบั้นแหลกเละไม่เหลือ
ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมา เย่หยวนมิเคยคิดเคยฝันมาก่อนเลยว่า ภายในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ยังจะมีใครกล้ายั่วโมโหเขาอีก
ดีมาก! ไอ้สวะตัวนี้มันประสบความสำเร็จแล้ว!
เย่หยวนโกรธมาก จนส่งผลกระทบให้ทุกอย่างกลายเป็นเช่นนี้!
เขาช้อนสายตามองดูเทพนอกรีตที่นอนจมกองเลือดอยู่กลางพื้นอย่างเลือดเย็น และเอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าเข้าใจฟ้าดินดีกว่าข้า? กระทั่งผู้คนในมหาพิภพถงเทียนยังไม่มีผู้ใดกล้าลั่นวาจาเช่นนี้ต่อหน้าข้า”
บูมมม!!
ฝ่ามืออีกระลอกโผล่ปรากฏขึ้นมาจากห้วงแห่งความว่างเปล่า และซัดร่างของเทพนอกรีตที่นอนกองกับพื้นซ้ำสุดแรงเกิดราวกับตบมันอัดพื้นให้ตาย
บูมมม! บูมมม! บูมมม!!
ฝ่ามือมหึมาระลอกสามสี่และห้าซักกระหน่ำเข้าใส่เทพนอกรีตไม่หยุดไม่หย่อน จนร่างของมันฝังเละอยู่ในดิน
ศักดิ์ศรีทั้งหมดของเทพนอกรีตถูกเย่หยวนบดขยี้ไม่เหลือแล้ว
“หยิ่งผยองต่อหน้าข้ายังพอทำเนา! อย่างมากที่สุดข้าก็แค่เอาชนะเจ้าและเรื่องทุกอย่างคงจบลง แต่เจ้ากลับกล้าแตะต้องผู้หญิงของข้า! ไม่เพียงแค่นั้นยังต้องทำให้เผ่าพันธุ์ชาติกำเนิดของข้าต้องอับอาย! ผู้อาวุโสหลงเมินและอ้าวเฉียนต่างเฝ้าดูข้าเติบโตขึ้นมาจวบจนวันนี้ แต่เจ้ากลับใช้พวกเขาเป็นแรงงานลากเกี้ยว! บัดซบสิ้นดี! ข้าโกรธจริงๆแล้ว!!”
คำกล่าวของเย่หยวนดังกึกก้องไปทั่วพิภพราวกับสรวงสวรรค์กำลังพิโรธหนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลี่เอ๋อ มายุ่งเกี่ยวกับนาง เย่หยวนยิ่งไม่มีวันอภัยให้ได้เลย
อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้กลับสร้างปัญหาผัวพันถึงเรื่องนี้อย่างหน้าไม่อาย
ดังนั้นจะมิให้เย่หยวนโกรธได้อย่างไร?
“ท่าน…ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าผู้ต่ำต้อยผิดไปแล้ว! โปรด…โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!!”
เทพนอกรีตที่นอนจมกองเลือดร่างกายแหลกเละแทบไม่เหลือเค้าโครงมนุษย์ ร้องคร่ำครวญกล่าวขอขมาสุดน่าสังเวชใจยิ่ง
มันกำลังหวาดกลัวจริงๆ ชายหนุ่มที่อยู่ต่อหน้ามันเหี้ยมโหดเหลือเกิน!
ในที่สุดมันก็รู้แล้วว่า เย่หยวนเข้าใจฟ้าดินดีกว่าตัวมันเองลิบลับ และเป็นบุคคลที่ไม่ควรล้อเล่นด้วยโดยเด็ดขาด
เพียงว่ามันไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า ไฉนศาสตร์แห่งสวรรค์ต้องหวาดกลัวเย่หยวนด้วย?
แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่สำคัญอีกต่อไป มันถูกขังพันธนาการมานานกว่าสามแสนปี ตอนนี้มันที่หลุดพ้นออกมาได้เพียงต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเท่านั้น มันยังไม่อยากตาย!
เย่หยวนแสยะยิ้มเย็นสะท้าน พลอยทำให้คนอื่นๆสั่นสะท้านจับไขกระดูก
เพียงว่ารอยยิ้มแสยะยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนมุมปากของเทพนอกรีตขึ้นอย่างลับๆ โดยไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น
กลิ้ง!
เย่หยวนโยนโอสถให้อีกฝ่ายและกล่าวเสียงเย็นว่า
“กินเข้าไปซะ ไม่อยากให้ทุกคนบอกว่าข้ากลั่นแกล้งเจ้า ดังนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าต่อสู้อย่างยุติธรรม!”
เย่หยวนปล่อยให้เทพนอกรีตคลานเข่าเข้าไปหยิบจับเม็ดโอสถ โดยเอาแต่ยืนจ้องไม่ขยับเขยื้อนใดๆ
มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะตกหลุมพรางของมัน!
ตอนนี้รักษาชีวิตก่อนเป็นสำคัญ!
แต่ดูท่าเทพนอกรีตจะดูลังเลไม่กล้ากินลงไป
เย่หยวนสีหน้ามืดทมิฬลงในทันใดพร้อมกล่าวว่า
“ข้าบอกให้เจ้ากินมันลงไป ไม่ได้ยินรึไง?”
จิตสังหารสุดน่าสะพรึงประจักษ์หน้าเข้ากดดันหนังหน่วงเทพนอกรีตรีบตบโอสถเม็ดนั้นเข้าปากในทันทีท
เมื่อโอสถไหลลงสู่ช่องท้อง กระแสพลังปราณเทวะอันเยือกเย็นพลันทะลักล้นอาบทั่วกระดูกและเส้นเอ็นที่ฉีกขาดไปทั้งหมด ร่างกายอันแหลกเละไม่เป็นทรงกลับถูกฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ช่างเป็นโอสถที่ทรงพลังโดยแท้!
เทพนอกรีตเงยหน้าจับจ้องเย่หยวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
มีโอสถที่มีฤทธิ์น่าทึ่งปานนี้จริงๆรึ?!
ขอเวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น มันก็จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ดังเดิมแน่นอน!
“ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งชั่วยาม รีบดูดซับฤทธิ์โอสถเสีย”
เทพนอกรีตที่ได้ยินแบบนั้นก็ดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่รู้เลยว่าในน้ำเต้านั้นยังมีของวิเศษอีกมากมายเท่าไหร่
หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ชายคนนี้กำลังขุนมันให้อ้วนแล้วค่อยฆ่าทิ้งทีเดียว?
แต่ต่อหน้าคำกล่าวของเย่หยวน มันหรือจะกล้าท้าทาย? มันรีบระดมพลังปราณเทวะเพื่อดูดซับฤทธิ์โอสถทันที
ทุกคนต่างจับจ้องเย่หยวนด้วยความมึนงง เสมือนว่าไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเขากำลังทำอะไร
เมื่อครู่เย่หยวนยังซัดฝ่ามือกระหน่ำใส่ร่างอีกฝ่ายจนเป็นเนื้อบด แต่จู่ๆก็ญาติดีกันซะงั้น?
ถึงนั้นที่ว่ามอบโอสถเพื่อให้อีกฝ่ายฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ?
ครึ่งชั่วยามต่อมา เทพนอกรีตกลับมาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอีกครั้ง และฟื้นคืนสู่สภาวะสุดยอดโดยตรง
เมื่อทุกคนเห็นภาพฉากดังกล่าว ก็อดประหลาดใจต่อความวิเศษของโอสถเม็ดนั้นมิได้
โดยเฉพาะกับฟางเทียนและคนอื่นๆ พวกเขารับรู้ได้โดยธรรมชาติว่าสิ่งนั้นเรียกว่า โอสถศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างไปจากโอสถสามัญที่พวกเขาใช้กันเป็นประจำ
ความแข็งแกร่งในศาสตร์แห่งโอสถของเย่หยวนไม่สามารถหยั่งถึงได้เลยจริงๆ!
เทพนอกรีตพยุงตัวลุกขึ้นมาพร้อมกุมมือก้มหน้าก้มตาด้วยท่าทางเก้อเขิน ราวกับภรรยาน้อยของเย่หยวนอีกคน
มันหวาดกลัวเย่หยวนจนไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียงด้วยซ้ำ
ในขณะนั้นเอง เย่หยวนก็เอ่ยเสียงเย็นดังขึ้นว่า
“ตอนนี้ทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นผู้ควบคุม ดังนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าต่อสู้กับข้าอย่างยุติธรรม เราจะไม่ใช้พลังศาสตร์แห่งสวรรค์ แต่สู้กับด้วยทักษะฝีมือ!”
เทพนอกรีตรีบโบกมือปัดและกล่าวตอบทันทีว่า
“ทะ-ท่านผู้สูงส่ง ข้าผู้ต่ำต้อยมิกล้า! ก่อนหน้านี้ข้าสันดานชั่วช้า กระทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ข้า…ข้าขอร้อง…โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด+”
นี่มันเรื่องตลกอันใด การต่อสู้อย่างยุติธรรม? มันจะยุติธรรมได้อย่างไร!
ตราบใดที่อีกฝ่ายต่อสู้จนพอใจ หรือทราบว่าตนไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ในท้ายที่สุดก็ต้องใช้พลังศาสตร์ฉห่งสวรรค์เพื่อกำราบมันอยู่ดี!
ข้าหาใช่เด็กอมมือ แต่เป็นเทพนอกรีตบาปสวรรค์ผู้ดำรงอยู่มาแล้วกว่าสามแสนปี มีหรือจะตกหลุมกับดักของเด็กหนุ่มคนนี้ได้?
ทันทีทันใด ฝ่ามือเย่หยวนก็ควบแน่นกลายเป็นคมดาบและฝันอากาศออกไป!
เปรี๊ยง!
ในเวลานั้นเองสายฟ้าอัสนีบาตหนักสีน้ำเงินก็ฟันฟาดสะบั้นลงมา!
ดวงตาของเทพนอกรีตโพล่งกว้างถลน อุทานเลือลั่นสุดเหลือเชื่อขึ้นว่า
“ท-ท-ท-ท่าน…ท่านสะบั้นศาสตร์แห่งสวรรค์ทิ้ง!”
…………………………………