เมื่อได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์ก็จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ของพิภพยุทธ์จักรนั้นๆ และสามารถเชื่อมต่อสื่อจิตกับพิภพเหล่านั้นได้
นักสู้เหล่านั้นสามารถระดมพลังศาสตร์แห่งสวรรค์ผ่านการเชื่อมต่อเหล่านั้นได้
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า การขึ้นเป็นผู้ควบคุมของพิภพยุทธ์จักรที่ไร้ซึ่งเจ้าของ!
แต่เย่หยวนได้ตัดขาดการเชื่อมต่อเหล่านั้นไปโดยสิ้นแล้ว
นั้นหมายความว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้ควบคุมอีกต่อไป
ทุกคนในปัจจุบันหาใช่พวกคนโง่ พวกเขาจะไม่เข้าใจต่อภาพฉากปัจจุบันได้อย่างไร?
สีหน้าการแสดงออกของแต่ละคนต่างมึนงงอย่างหาที่เปรียบไม่ต่อการกระทำของเย่หยวน
“ตอนนี้เจ้าคงสบายใจขึ้นแล้วกระมัง? ข้าจะให้โอกาสนี้กับเจ้า เพื่อต่อสู้กันอย่างยุติธรรม!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวเสียงเย็นชืดราวกับใช้ชีวิตประจำวันในเรื่องแสนธรรมดา
เทพนอกรีตตื่นตะลึงไม่ได้สติเป็นเวลาครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นคืนความรู้สึกกลับมา
“ฮ่าๆๆ…เจ้าตัดขาดการเชื่อมต่อกับศาสตร์แห่งสวรรค์ไปแล้วจริงๆ! เจ้าสะบั้นมันทิ้งไปแล้ว!”
หลังจากกลับมาได้สติอีกครั้ง เทพนอกรีตก็ระเบิดเสียงหัวเราะสุดแสนจะบ้าคลั่ง
ในตอนนี้เขาเชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่า เย่หยวนมันเป็นแค่คนโง่!
โง่ไร้ที่ติ!
กว่าเขาจะขึ้นกลายมาเป็นเทพนอกรีตยังต้องใช้เวลากว่าสามแสนปี ก่อนจะบรรลุขึ้นเป็นผู้ควบคุม
แต่เด็กนี่กลับสะบั้นการเชื่อมต่อกับศาสตร์แห่งสวรรค์ทิ้งไปโดยไม่ขยับเปลือกตาเลยด้วยซ้ำ!
ความมั่นใจของเขาที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ได้ถูกเย่หยวนฟื้นรักษากลับมาดังเดิม
ความรู้สึกหยิ่งผยองต่อสรรพสิ่งของมันกลับคืนมาอีกครั้งแล้ว!
ในเมื่อเย่หยวนหาใช่ผู้ควบคุมอีกต่อไป ดังนั้นจึงเป็นเขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้!
ช่างเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมจริงๆ!
เป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมสำหรับเขา!
คนโง่เท่านั้นที่กล้าต่อสู้อย่างยุติธรรม!
“เด็กน้อย ข้าขอนับถือในความกล้าหาญของเจ้า ในฐานะผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ เจ้ากลับยอมถอดเสื้อคลุมด้วยตัวเองจริงๆ!”
เทพนอกรีตเอ่ยกล่าววาจาแสนชื่นชมดีใจ
เย่หยวนเหลือบมองเทพนอกรีตเล็กน้อยและกล่าวว่า
“แค่ผู้ควบคุมโลกใบเล็กๆ ก็แค่กบใต้บ่อน้ำ ที่เจ้าจะจริงจังอะไรปานนั้น?”
เทพนอกรีตระเบิดหัวเราะลั่นกล่าวว่า
“ก็ใช่อย่างที่เจ้าว่า เมื่อเคยสัมผัสกับโลกภายนอกแล้ว โลกใบเล็กๆแห่งนี้ก็ไม่นับเป็นอันใด แต่เจ้าควรตระหนักไว้ ในตอนนี้เจ้าอยู่ในโลกใบเล็กๆแห่งนี้ และข้าคือผู้แข็งแกร่งที่สุด!”
ทุกคนต่างไม่เข้าใจเลยว่า ไฉนเย่หยวนถึงทำเช่นนี้
“เย่หยวนพยายามจะทำอะไรกันแน่? เขาเพิ่งรักษาเทพนอกรีตให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม แถมยังต้องการต่อสู้อย่างยุติธรรมงั้นรึ?”
“เย่หยวนบ้าบิ่นเกินไปแล้ว! เขาคงมิได้ไร้เดียงสาเกินไปจนคิดว่า เทพนอกรีตจะต่อสู้กับเขาอย่างยุติธรรมกระมัง?”
“เย่หยวนหัวไปกระแทกกับอะไรมาก่อนรึเปล่า? ฟื้นคืนพลังให้อีกฝ่ายไม่พอยังสะบั้นความได้เปรียบของตนทิ้งไปอีกงั้นรึ?”
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า เย่หยวนยังมีแผนสำรองอยู่?”
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังมีแผนสำรองอันใดอีก? ขนาดข้ายังนึกไม่ออก!”
…
ก่อนหน้านี้เย่หยวนบดขยี้เทพนอกรีตราวกับตบแมลงวัน ในครานั้นพวกเขารู้สึกว่าตนรอดพ้นจากหายนะเป็นที่เรียบร้อย
แต่ใครจะรู้ว่า เพียงเสี้ยวพริบตา สถานการณ์กลับตาลปัตรอีกครั้ง
การกระทำของเย่หยวนทำให้สถานการณ์กลับมาเสียเปรียบอีกครา
หนิงซื่ออวื๋จับจ้องไปทางเย่หยวนที่ลอยอยู่บนฟากฟ้า นางทราบดีว่าความแข็งแกร่งของเย่หยวนน่าเกรงขามเพียงใด และเทพนอกรีตก็ไม่มีทางทัดเทียมเย่หยวนได้เลย
แต่ปัญหาคือเย่หยวนจะต้านรับพลังศาสตร์แห่งของดินแดนนี้ได้ไหวหรือไม่
เว้นเสียแต่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าที่มีพลังปฐพีเท่านั้นที่พอจะสู้รบได้ไหว แต่ยามนี้นางกลับไม่เข้าใจเลยว่า เย่หยวนยังมีลูกไม้ใดอีกเพื่อสกัดต้านพลังศาสตร์แห่งสวรรค์นี้
ทันทีทันใด ดวงตาของเทพนอกรีตพลันแปรเปลี่ยนดูเย็นชาขึ้นชั่วขณะ มันกล่าวน้ำเสียงขรึมว่า
“ไอ้เด็กเหลือขอแสวงหาความตาย! ข้าจะตอบแทนความอัปยศที่เจ้ามอบให้ข้าคืนเป็นพันเท่าทวี!”
ฝ่ามือเทพนอกรีต!
เทพนอกรีตกระโจนขึ้นเหนือฟ้าพร้อมโจมตีใส่เย่หยวนโดยตรง
แต่ในเสี้ยวอึดใจต่อมา สีหน้าของเขาพลันบิดเบี้ยวอย่างหาที่เปรียบไม่
บัดซบ! ล้มเหลวอีกแล้ว!
สุดท้ายมันก็ยังไม่สามารถระดมเรียกศาสตร์แห่งสวรรค์มาได้!
ทุกคนที่เห็นแบบนั้นต่างเผยสีหน้าตื่นตะลึงยิ่ง
“นี่เกิดอะไรขึ้น? เย่หยวนตัดขาดการเชื่อมต่อกับศาสตร์แห่งสวรรค์ไปแล้วมิใช่รึ? ตอนนี้มีเทพนอกรีตเป็นผู้ควบคุมแก่เพียงผู้เดียว แล้วไฉนยังไม่สามารถควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้อีก?!”
“ฮ่าๆๆๆ ปรากฏว่ามันกำลังวิ่งเล่นอยู่ในมือเย่หยวน!”
“มันคงคิดว่าตนเองคงได้รับโอกาสทองในการโต้สวน แต่คาดไม่ถึงเลยว่า มันจะวิ่งเต้นอยู่บนฝ่ามือของเย่หยวนตั้งแต่แรก เอา! เร็วเข้าๆ! ฝ่ามือเทพนอกรีต! ฮ่าๆๆๆ…”
…
สีหน้าการแสดงออกของเทพนอกรีตยามนี้น่าเกลียดถึงขีดสุด ขณะนั้นเองมันก็ตะโกนลั่นจนเสียงแหบแห้ง
“เป็นไปไม่ได้! ตอนนี้ข้าคือผู้ควบคุมแก่เพียงผู้เดียว! แล้วทำไมยังไม่สามารถระดมพลังศาสตร์แห่งสวรรค์ได้อีก!”
เย่หยวนเหลือบมองอีกฝ่ายราวกับคนโง่และกล่าวเสียงเย็นเอ่ยดังขึ้นว่า
“เจ้าปัญญาอ่อนรึไง? ยังไม่เข้าใจอีกงั้นรึ? ข้าหรือจะยอมโง่ฝากชีวิตไว้ในกำมือของเจ้า? ที่ข้าตัดขาดการเชื่อมต่อออกไป เพราะศาสตร์แห่งสวรรค์มันไม่มีประโยชน์อันใดต่อข้าอีกแล้ว”
สายตาของเทพนอกรีตที่จับจ้องยามนี้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธจัด
ในที่สุดมันก็รู้แล้วว่า ทั้งหมดคือมันวิ่งเต้นอยู่บนฝ่ามือของเย่หยวน!
“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้าไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยรึ?! แต่…เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า?”
เทพนอกรีตเอ่ยกล่าวเสียงเย็นใส่
เย่หยวนแสร้งตีหน้าไร้เดียงสากล่าวว่า
“โอ้? ข้าลืมอะไรไปงั้นรึ?”
เทพนอกรีตแสยะยิ้มสุดอัปลักษณ์กล่าวว่า
“เจ้าลืมความแข็งแกร่งดังเดิมของข้าผู้นี้ไป! ข้ามีระดับพลังสูงกว่าเจ้า! ข้าผู้นี้ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดแล้ว!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“เช่นนั้นรึ? เจ้าน่าประทับใจเสียจริง! ฮ่าๆ ข้ากล่าวไปแล้ว ต่อจากนี้คือการต่อสู้อย่างยุติธรรม ข้าต้องการโค่นเจ้าลงโดยไม่ใช้ตัวช่วย!”
เทพนอกรีตหัวเราะเยาะกล่าวเหยียดขึ้นว่า
“เอาชนะข้างั้นรึ? อาศัยเศษเสี้ยวพลังของเจ้า? แม้จะไม่ต้องยืมพลังของศาสตร์แห่งสวรรค์มา ข้าก็สามารถฆ่าเจ้าอย่างง่ายดายเสมือนปัดฝุ่น! ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสถึงพลังที่แท้จริงของข้าผู้นี้!”
ในขณะนั้นเองกลิ่นอายอันทรงพลังแห่งอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าก็พวยพุ่งออกมาโดยไม่มีรั้งรออันใดอีก
คมกระบี่ส่องประกายขึ้นในมือของมัน ปรากฏว่าเป็นสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ!
เทพนอกรีตแสยะยิ้มแสนน่าสะพรึงคำรามลั่นกล่าวว่า
“เพลงกระบี่จันทราเย้ยสวรรค์! ตายซะ!”
คมกระบี่แรกแย้มเคียงประดับจิตสังหารสุดแกร่งกร้าวจนน่าสะพรึง
แม้ฟางเทียน กวนควางเทียนอละคนอื่นจะอยู่ห่างจากคมกระบี่นี้ แค่พวกเขาต่างขนลุกซู่วโดยมิตั้งใจ
พวกเขาอดเป็นห่วงเย้หยวนมิได้ว่า เขาจะต่อกรกับเทพนอกรีตไหวจริงๆใช่ไหม?
ความเร็วของเทพนอกรีตรีดเร้นถึงขีดสุด ปราดพุ่งจู่โจมเย่หยวนในเสี้ยวพริบตา
เฉกเช่นเดียวกับก่อนหน้า เย่หยวนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับตัวพร้อมสองมือไพล่หลังอย่างใจเย็น
เทพนอกรีจพลันนึกขึ้นในใจ ระยะใกล้ปานนี้เย่หหยวนไม่มีทางเลี่ยงหลบคมกระบี่ของมันได้แน่นอน
แต่ในเสี้ยวพริบตานั้นเอง ร่างของเย่หยวนก็พล่ามัวไปต่อหน้าต่อตาของเทพนอกรีต และอันตรธานหายวับไปในท้ายที่สุด
มันตื่นตระหนกตกใจยิ่งยวด จนรีบดึงคมกระบี่กลัวมาเพื่อเข้าปกป้องตัวเองเป็นการด่วน
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังกึกก้องไปทั่วน่านฟ้า ส่งดังสะท้านถึงหูทุกคน
ร่างของเทพนอกรีตดิ่งพสุธาลู่ลมตกกระแทกพื้นดินเสมือนกระสุนปืนใหญ่
หนิงซื่ออวี๋จับจ้องภาพฉากนี้คร้านจักใส่ใจ และเอ่ยกล่าวน้ำเสียงสุดเหยียดหยามดังว่า
“เจ้าโง่ แม้แต่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นยังหาใช่คู่มือของท่านปรมาจารย์เย่ แล้วเจ้าเป็นใครถึงคิดว่าพลิกฟ้าคว่ำสวรรค์ได้?”
วูบบบ!
เทพนอกรีตกระโจนร่างขึ้นมาจากหลุมดินยักษ์ที่ตกกระแทกเมื่อครู่ ทันใดนั้นไอหมอกสีดำพลันพวยพุ่งอออกมาจากร่างกายไม่หยุดหย่อน
มันในตอนนี้โกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดแล้ว พร้อมตะโกนเสียงดังสนั่นลั่นว่า
“ไอ้เด็กเหลือขอ! ข้าจะถลกหนังดึงเส้นเอ็นทั่วร่างของเจ้าออกมาให้หมด!”
คมกระบี่อีกกระบวนถูกปลดปล่อยออกมา กระทั่งฟ้าดินยังแปรผันวิปลาส ภูตผีต่างร่ำไห้!
แต่…
เพี๊ยะ!
เสียงตบหน้าดังกึกก้องเป็นคำรบสอง!
เหล่าผู้คนไม่น้อยต่างเร่งยกมือขึ้นลูบไล่ใบหน้าตนเองราวกับรู้สึกเจ็บแทน
ช่างเป็นฝ่ามือตบที่รุนแรงเสียจริง!
“อ๊ากกก!! เย่หยวน ข้าจะฆ่าเจ้า!!!”
เทพนอกรีตกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งและพุ่งเข้าใส่เย่หยวนอีกครั้ง
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
โดนตบครั้งแล้วครั้งเล่า เทพนอกรีตโดยเย่หยวนกระหน่ำตบหน้าไม่หยุดหย่อน
และเสียงตบแต่ละครั้งก็เสียงดังฟังชัดยิ่งนัก
…………………………………