ภายในห้องลับที่ซ่อนอยู่ เผยปรากฏแสงสีแพรวพราวสดใสคล้ายกำลังร่ายรำ งดงามหาที่เปรียบไม่
ดวงตาของฟางเทียนพลันสว่างไสวขึ้นเสมือนว่าตรัสรู้บรรลุถึงบางสิ่งอย่าง
แท้ที่จริงเขาค้นพบว่า ตนเองสามารถเชื่อมต่อกับศาสตร์แห่งสวรรค์ได้แล้ว!
ยามนี้คล้ายมีสายใยบางอย่างผูกเระหว่างเขากับศาสตร์แห่งสวรรค์ขอบงดินแดนแห่งนี้!
สายใยนี้ทำให้เขารู้สึกทรงพลังไม่น่าเชื่อ!
ทันทีทันใดแสงสีแพรวพราวประกายเหล่านั้นก็หวนกลับสู่ความเงียบสงบ ทั้งหมดได้อันตรธานหายวับไป
ฟางเทียนเหลือบมองเย่หยวนตรงหน้าด้วยความตื่นตกใจยิ่ง ไม่มีสิ่งใดน่าตกไปเกินกว่านี้แล้ว
แม้ว่าเขาจะตรวจสอบตัวเองอยู่สม่ำเสมอ และแม้นพรสวรรค์ของเขาจะไร้เทียมทานหาผู้ใดเปรียบ ทว่าหากกล่าวถึงการจะขึ้นกลายเป็นผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ เรื่องนี้กลับอยู่ไกลเกินเอื้อมนัก
ทว่าในความเป็นจริง เย่หยวนกลับช่วยสร้างสายใยระหว่างตัวเขาให้เชื่อมหากับศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ จนทำให้ฟางเทียนกลายมาเป็นผู้ควบคุมได้โดยสมบูรณ์!
เจ้าหนูคนนี้ประสบความสำเร็จถึงระดับชั้นใดแล้วกันแน่!?
“นี่เจ้าทำเรื่องเหลือเชื่อเหล่านี้ได้อย่างไร?”
ฟางเทียนสูดหายใจแช่มลึกพลางเอ่ยถาม
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพทรงพลังกว่าที่ท่านจินตนาการนัก ทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณมันที่ทำให้ข้าประสบความสำเร็จจวบจนวันนี้!”
เขามิได้บอกฟางเทียนเกี่ยวกับเรื่องหุบเขาถงเทียนจำลอง มิใช่ว่าเย่หยวนไม่ไว้วางใจฟางเทียน แต่เพราะความลับแห่งสรวงสวรรค์ที่น่าตกใจนี้ อีกฝ่ายรู้ไปก็หาใช่ว่าเป็นประโยชน์ไม่
เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของหุบเขาถงเทียน แต่แม้เหล่าบรรพกาลเต๋ายังให้ความสนใจ
การที่รู้เรื่องเหล่านี้กลับไม่เป็นประโยนช์อันใดเลยต่อฟางเทียน
การกลับมาและเผชิญหน้ากับเทพนอกรีตบาปสวรรค์ในครั้งนี้ ทำให้เย่หยวนตระหนักถึงตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกมากมายในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้
ดังนั้นเขาจึงหยิบยืมพลังของศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ เพื่อทำให้ฟางเทียนกลายมาเป็นผู้ควบคุมคนใหม่
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเย่หยวน ฟางเทียนก็อดคลี่ยิ้มแสนขมขื่นออกมามิได้
“ดูเหมือนว่าการที่ศิลาจารึกบังลังก์พิภพอยู่กับข้า ข้ากลับใช้เสียของโดยแท้!”
นับแต่ที่ศาสตร์แห่งสวรรค์ฟื้นคืนกลับทมา ระดับพลังที่ฟางเทียนสั่งสมมาโดยตลอดหลายหมื่นปีก็ทำให้เขาทะยานขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าในพริบตา ทั้งนี้พัฒนาการของเขายังสูงขึ้นต่อเนื่อง จนยามนี้ทะลวงขึ้นเป็นอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นแล้ว แม้แต่กวนกวานเทียนยังติดอยู่ที่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดเองเท่านั้น
แต่ฟางเทียนกลับไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ระยะเวลาแค่สั้นๆหนึ่งร้อยปี เย่หยวนจะมีระดับพลังเหนือชั้นกว่าเขาไปเสียแล้ว ทั้งนี้ในแง่ของพลังการต่อสู้ก็เทียบเทียมได้กับยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น
ต้องทราบก่อนว่า ฟางเทียนสั่งสมแนวคิดและพลังมาเป็นเวลากว่าห้าหมื่นปีกว่าที่เขาจะทะลวงขึ้นหนึ่งอาณาจักรหลักภายในอึดใจ
แต่เย่หยวนล่ะ?
ต่อให้นับเวลาชีวิตของชาติก่อน นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น!
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความเหลื่อมล้ำระหว่างพวกเขามันมีมากมหาศาลเกินไป!
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโสฟางเทียน จากนี้เรื่องของดินแดนพฤกษานิรันดร์ในอนาคตต้องฝากท่านดูแลแล้ว การกลับมาครั้งนี้ ข้าจะพาอิ้งหมัวหู่ ลี่เอ๋อและทูตเพลิงออกไปด้วย ท้ายที่สุดแล้วผืนพิภพแห่งนี้ยังประกอบไปด้วยศาสตร์แห่งสวรรค์ที่ไม่สมบูรณ์ และมีข้อกำจัดเยอะเกินไป”
ฟางเทียนพยักหน้าและกล่าวว่า
“สิ่งที่เจ้ากล่าวไปล้วนถูกต้องแล้ว! ด้วยพรสวรรค์ของพวกเราควรหยุดอยู่แค่ดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ เราชายชราเองก็แก่มากแล้ว ไม่สามารถออกเดินทางบุกน้ำลุยไฟได้ดั่งกาลอดีต มิเช่นนั้นข้าคงติดตามเจ้าออกเดินทางไปที่มหาพิภพถงเทียนด้วยเป็นแน่”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโสโปรดมั่นใจได้ หลังจากที่ข้าตั้งหลักแหล่งบนมหาพิภพถงเทียนได้มั่นคงเมื่อใด ข้าจะพาท่านและท่านอาวุโสกวนควางเทียนไปอยู่ด้วยแน่นอน”
ฟางเทียนยิ้มกล่าวว่า
“ถ้าเช่นนั้น จะอยู่รักษาตัวเพื่อรอวันที่เจ้ารับข้าไป! อ่อ…กลับมาคราวนี้เจ้าวางแผนจะอยู่ต่อนานเพียงใด?”
เย่หยวนกล่าวว่า
“คงอยู่ไม่นานนัก ทางด้านมหาพิภพถงเทียนยังมีฝูงหมาป่าจ้องกินข้าอยู่! หลังจากที่ข้าจัดการคลายคำสาปที่แดนเนรเทศออกไปได้ ข้าก็วางแผนที่จะออกไปทันที”
แม้ว่าตอนนี้เย่หยวนจะขึ้นกลายเป็นผู้อาวุโสแห่งหอโอสถแล้ว แต่การปรากฏตัวของเขา ยิ่งไปกระตุ้นให้ผู้อาวุโสใหญ่ออกโรงรุกหน้ารุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีหลู่เมิงที่เย่หยวนไปสร้างความขุ่นเคืองให้อีก ในอนาคตมันต้องวางแผนจัดการเขาแน่นอน
ฝ่ายผู้อาวุโสรองของเขาอ่อนแอเกินไป ดังนั้นอนาคตจากนี้ต่อไปคงมิได้ราบรื่นนัก
ยิ่งไปกว่านั้น เย่หยวนที่เป็นเพียงเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า แต่ต้องมาอยู่รวมกับเหล่ายอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าเช่นนี้ ยิ่งเพิ่มทวีความกดดันให้แก่เย่หยวนเป็นอย่างมาก!
แต่ฟางเทียนเอ่ยกล่าวด้วยความตื่นตะลึง
“เจ้าสามารถคลายคำสาปได้แล้วรึ? มิใช่เจ้าเคยบอกว่าเจ้าต้องทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพลังที่สูงกว่านี้เสียก่อน จึงจะคลายผนึกคำสาปออกได้?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ในอดีตอาจใช่ แต่ตอนนี้…ไม่จำเป็นแล้ว”
…
หลังจากที่เย่หยวนศึกษาหุบเขาถงเทียนจำลองมานาน ในที่สุดเขาก็เข้าใจลึกซึ้งต่อหุบเขาถงเทียน ดังนั้นเรื่องของดินแดนเล็กๆแค่นี้หาใช่ปัญหาอีกต่อไป
นอกบ่อน้ำเยือกเย็น ท่านบรรพบุรุษเผ่ามังกรกำลังนั่งบ่มเพาะพลังโดยสันโดษ
คล้อยหลังจากที่ศาสตร์แห่งสวรรค์ฟื้นตัวขึ้น เขาก็บ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าแล้ว
ทันทีทันใด เขาก็เบิกตาโตเบื้องลึกสาดสะท้อนแววประหลาดใจยิ่ง
“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร? คำสาปถูกคลายออกแล้ว? หรือเป็นไปได้ไหมว่าท่านประมุขเผ่ากลับมาแล้ว?”
เข้ารีบลุกขึ้นทันทีและวิ่งไปที่บ่อน้ำเยือกเย็น ทันใดนั้นร่างของเขาพลันหยุดชะงักในบัดดล
เบื้องหน้าพลันปรากฏเป็นสาวงามในวัยกลางคนที่ค่อยๆย่างเท้าเดินออกมา
สีหน้าการแสดงออกของท่านบรรพบุรุษเผยรอยยิ้มสุดอิ่มเอมใจออกมา เขากล่าวว่า
“จุนเอ๋อ เป็นเวลาหลายปีแล้วในที่สุดเจ้าก็หายเป็นปกติ! หยวนเอ๋อจักต้องดีใจเป็นแน่ที่ได้เห็นเจ้าปลอดภัยแล้ว!”
สาวงามวัยกลางคนนางนี้มิใช่ใครอื่นนอกเสียจากแม่ของเย่หยวน อ้าวจุน
ปัจจุบันอ้าวจุนฟื้นคืนความเยาว์วัยของนางได้อย่างสมบูรณ์ ราวกับความอ่อนวัยในอดีตหวนคืนกลับมา
สีหน้าของอ้าวจุนเปี่ยมล้นไปด้วยความสับสน ขณะที่นางเอ่ยามว่า
“ท่านบรรพบุรุษ นี่เกิดอะไรขึ้น? นอกจากท่านบรรพชนต้นกำเนิดแล้วยังมีใครสามารถคลายคำสาปได้อีก?”
ท่านบรรพบุรุษส่ายหัวและกล่าวว่า
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน! หรือมีความเป็นไปได้ว่าท่านบรรพชนต้นกำเนิดกลับมาแล้ว! ท่านผู้นั้นอาจสงสารชนรุ่นหลังจึงกลับมาช่วยให้พวกเราพ้นจากทุกข์ในครั้งนี้?”
อ้าวจุนกล่าวตอบว่า
“ไม่มีทางใช่ไหม?! มิใช่ว่าท่านบรรพชนของเราหายสาบสูญไปตั้งแต่หลายล้านปีก่อนแล้ว?”
ท่านบรรพบุรุษยิ้มและกล่าวว่า
“อย่าไปคิดมากเลย! ไม่ว่าเหตุใดนี่นับเป็นเรื่องดี ทุกคนสามารถออกไปสู่โลกกว้างได้แล้ว! เช่นนั้นไปกันเถอะ!”
ในเวลาเดียวกัน ทั่วทั้งดินแดนเนรเทศก็กลับสู่ความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
พวกเขาทั้งหมดต่างรู้สึกได้ทันทีว่า พลังคำสาปที่ผนึกพวกเขาอยู่ได้สลายลงไปแล้ว ทุกคนล้วนดีใจแทบคลั่ง
ขณะที่ท่านบรรพบุรุษและอ้าวจุนกำลังเดินออกจากถ้ำ พวกเขาก็เห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงปากทางเข้า
“หยวนเอ๋อ! เจ้ามิได้เดินทางไปที่มหาพิภพถงเทียนแล้วหรอกรึ? ไฉนเจ้าถึงมาที่นี่ได้?”
ทั้งสองแทบจะส่งเสียงร้องอุทานลั่นพร้อมกัน
สายตาของเย่หยวนที่จับจ้องไปที่อ้าวจึนนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความอบอุ่นใจยิ่งนัก
หลังจากที่วันเวลาผ่านไปร้อยปี ในที่สุดเขาก็ช่วยให้แม่ของตนหลุดพ้นจากความทรมานนี้ไปได้เสียที
ทันทีทันใดท่านบรรพบุรุษนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าเผยความตื่นตะลึงเหลือเชื่อก่อนร้องอุทานขึ้นอย่างตกใจว่า
“หรือเป็น…เป็นไปได้ไหมว่า ที่คำสาปคลายออกเป็นเพราะเจ้า?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านบรรพบุรุษ ท่านแม่ มหาพิภพถงเทียนกว้างใหญ่ไพศาลกว่าที่พวกท่านจินตนาการไว้มากนัก เพียงเชื้อสายสี่สัตว์เทวะนับเป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งเท่านั้น”
เนื้อตัวของท่านบรรพบุรุษสั่นสะท้านหนักหน่วง เขากล่าวขึ้นว่า
“นี่เจ้า…เจ้าทำได้แล้วจริงๆ? แต่เจ้าเป็นแค่…หื้ม? เจ้า…เจ้าทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลางแล้ว?!”
ท่านบรรพบุรุษสูดไอเย็นแช่มลึกด้วยความหวั่นเกรงยิ่ง
ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเย่หยวนมันไม่เร็วเกินไปหน่อยรึ?
แต่อ้าวจุนในยามนี้กลับดูภาคภูมิใจอย่งางยิ่ง
นางไม่คิดเลยว่าลูกชายของตนจะน่าทึ่งถึงขนาดนี้!
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ข้าได้พบกับบางสิ่งที่สามารถช่วยคลายคำสาปบนมหาพิภพถงเทียนโดยบังเอิญ ดังนั้นการจะคลายคำสาปของที่นี่ออกจึงหาใช่เรื่องใหญ่”
ท่านบรรพบุรุษอึ้งแข็งค้างไปครู่ใหญ่ เด็กคนนี้ช่างเจียมเนื้อเจียมตัวเกินไป
สิ่งหนึ่งที่ควรทราบ ในยุคที่ศาสตร์แห่งสวรรค์รุ่งเรือง มีเหล่าเซียนหลายต่อหลายคนพยายามทำลายคำสาปนี้ลง
แต่พวกเขาก็พยายามอย่างหนัก ผ่านมาหลายชั่วอายุคนก็ยังไม่สามารถคลายคำสาปนี้ได้
ทว่าเย่หยวนพึ่งออกไปแค่ร้อยปี กลับคลายคำสาปออกได้เสียแล้ว?
…………………………………