“หยวนเอ๋อ เจ้าจะออกไปแล้วรึ?”
อ้าวจุนจับมือเย่หยวนแน่นราวกับไม่เต็มใจที่จะแยกทางกับลูกชายตนเองมากนัก
ในที่สุดพวกเขาก็หลุดพ้นจากคำสาปได้ และนางเองก็สามารถสนทนากับลูกชายได้อย่างคนทั่วไป ทว่าบัดนี้ลูกชายของเขากำลังจะจากไปอีกแล้ว
เย่หยวนร่วมใช้ชีวิตอยู่กับนางในดินแดนเนรเทศนี้มานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว แต่ในที่สุดจำต้องอำลากันเสีย
อ้าวจุนทราบข่าวการตายของจี้เฉินหยังแล้ว หลายวันมานี้นางเองก็รู้สึกหดหู่ไม่น้อย
เย่หยวนและลี่เอ๋อต่างพยายามปลอบโยนอ้าวจุน พยุงจิตใจของนางให้กลับมาสดใสร่าเริง
“ท่านแม่ ลูกคนนี้ติดหนี้บุญคุณหลินเสวียมากมายเกินไป ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้าเอาแต่โทษตัวเองมาโดยตลอด หากไม่สามารถช่วยชีวิตนางได้ในวันข้างหน้า ตัวข้าเองก็ไม่สบายใจไปตลอดชีวิต!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมคลื่นอารมณ์แสนแปรปรวน
ในที่สุดเขาก็กลับมาอาศัยร่วมกับท่านแม่ได้ดั่งครอบครัวปกติ ดังนั้นภายในใจลึกๆของเย่หยวนแล้ว เขาเองก็ไม่ต้องการที่จะลาจากแม้ตนเองไปเช่นกัน
แต่มหาพิภพถงเทียนยังมีอีกหลายสิ่งอย่างรอเข่าอยู่ และมิอาจล่าช้าได้นานกว่านี้แล้ว
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูไม่เต็มใจของท่านแม่ เย่หยวนก็ยิ้มกล่าวว่า
“ตอนนี้ลูกชายคนนี้มีสมบัติวิเศษติดตัวอยู่ ดังนั้นการจะเดินทางเข้าออกห้วงอวกาศก็หาใช่ปัญหาอีกต่อไป ตราบใดที่อนาคตข้ามีเวลาว่างเมื่อใด ข้าจะรับกลับมาหาท่านทันที!”
ท่านบรรพบุรุษกล่าวเสริมขึ้นว่า
“บุตรแห่งสวรรค์มีความทะเยอทะยานกว้างไกลนับว่าเป็นเรื่องดีแล้วมิใช่รึ? ในเมื่อรู้ดีว่าโลกภายนอกกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด อนาคตของเขาจะหยุดอยู่แค่ในมุมเล็กๆได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินท่านบรรพบุรุษกล่าวเช่นนั้น อ้าวจุนก็อดเศร้าใจมิได้ แต่นางก็รู้ดีว่าตนก็ไม่สามารถรั้งเย่หยวนได้เช่นกัน ดังนั้นนางจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มอันขื่นขมว่า
“หยวนเอ่อ แม่รู้ดีว่าตลอดเส้นทางที่ฝ่าฟันมานี้มันไม่ง่ายเลยสำหรับลูก เช่นนั้นเจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้นในมหาพิภพถงเทียน!”
เย่หยวนพยักหน้าหนักแน่นกล่าวตอบว่า
“มั่นใจได้เลยท่านแม่ ข้าจะระมัดระวังตัวให้ดี!”
เย่หยวนออกจากดินแดนเนรเทศ เพื่อออกไปพบคุนหวูอีกครั้ง
ในอดีตที่พานพบกัน ระดับพลังความลึกล้ำของคุนหวู เย่หยวนไม่สามารถหยั่งรู้ได้เลย และเมื่อพบกันในครั้งนี้ก็ยิ่งทำให้เย่หยวนประหลาดใจเข้าไปใหญ่
เขาในปัจจุบันก็ไม่สามารถหยั่งรู้ถึงระดับพลังของคุนหวูได้เหมือนเดิม!
คุนหวูมีพลังอยู่ในอาณาจักรใดแล้วกันแน่?!
เย่หยวนตกใจที่ได้เห็นเขา แต่แท้จริงแล้ว คุนหวูกลับตกใจที่ได้เห็นเย่หยวนเสียยิ่งกว่า
นึกถึงตอนที่เย่หยวนจากออกไป ตอนนั้นคุนหวูมองเย่หยวนในแง่ร้ายนับร้อยพันเท่า
แต่ใครจะไปคิด หลังผ่านไปแค่ร้อยปี ไม่เพียงเขาจะสามารถกลับมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย แต่เย่หยวนยังทะลวงขึ้นไปยังอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลางราวกับเสือติดปีกขึ้นทะยาน!
นอกจากนี้เขายังสัมผัสได้อย่างชัดแจ้งว่า เย่หยวนได้สะบั้นศาสตร์แห่งสวรรค์ที่เชื่อมต่อไปแล้ว แต่ทว่าเขาก็ยังสามารถระดมใช้ศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ดังเดิม ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
“เจ้าหนู เจ้าทำเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างไร?”
คุนหวูจับจ้องไปที่เย่หยวนพลางเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
ศึกสัประยุทธ์ระหว่างเย่หยวนกับเทพนอกรีตบาแสวรรค์ คุนหวูย่อมทราบตระหนักดี
ในตอนนั้นทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากเช่นกัน
ทันทีทันใด ร่างของหวูเฉินก็ปรากฏกายออกมาและยิ้มกล่าวว่า
“ตาแก่ ทั้งข้าและเจ้าต่างคิดผิดกันทั้งคู่! ศักยภาพของไอ้เด็กนี่เหนือชั้นกว่าตาเฒ่าจอมเทพนิรันดร์อย่างมาก!”
สายตาคู่นั้นของคุนหวูขยับขยายจับจ้องเย่หยวนดูจริงจังขึ้นหลายส้วน
“แล้ว?”
หวูเฉินพลางลูบเครายาวของตนเล็กน้อยและกล่าวว่า
“สิ่งที่จอมเทพนิรันดร์เคยทำสำเร็จ เขาเองก็ทำสำเร็จแล้ว ส่วนเรื่องที่จอมเทพนิรันดร์ยังทำไม่สำเร็จ เขาเองก็ทำสำเร็จแล้วเช่นกดัน! ข้าตั้งหน้าตั้งตาคอยดูอยู่ว่า ความสำเร็จของเขาจะสูงส่งเพียงใด!”
รูม่านตาดำของคุนหวูตีบแคบลงในทันใด เขาเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยความติ่นตะลึงยิ่งว่า
“หากตาเฒ่าจอมเทพนิรันดร์ไม่ตายไปเสียก่อน เขาเองก็ขึ้นกลายเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้เช่นกัน! หรือเป็นไปได้ไหมว่า เจ้าเด็กนี่จะมีแววไต่เต้าขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้เช่นกัน?”
คุนหวูยิ้มแต่กลับมิได้ปริปากกล่าวใดๆ นี่ยิ่งเพิ่มความสับสนให้แก่คุนหวูเข้าไปใหญ่
เดิมทีเย่หยวนต้องการปลดปล่อยคุนหวูออกจากหุบเขาเหวพระเจ้าเช่นกัน แต่กลับค้นพบว่าแม้ศาสตร์แห่งสวรรค์ในปัจจุบันจะฟื้นตัวขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถรองรับระดับชั้นการดำรงอยู่เฉกเช่นคุนหวูได้ ดังนั้นเย่หยวนจึงจำต้องตัดใจจากเรื่องนี้ทิ้งไปก่อน
หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้น เย่หยวนก็นำลี่เอ๋อ ลู่เอ๋อ อิ้งหมัวหู่และภูตเพลิง เข้าสู่โถงบัลลังก์ม่วงและข้ามฝ่าห้วงอวกาศออกไป
ทั้งลี่เอ๋อ อิ้งหมัวหู่ และภูตเพลิงยามนี้พวกเขาต่างทะลวงขึ้นกลายมาเป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้ากันหมดแล้ว
แม้แต่ลู่เอ๋อเองยังทะลวงขึ้นเป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดแล้วเช่นกัน
พวกเขาเหล่านี้ที่กำลังเดินทางไปยังมหาพิภพถงเทียน ยามนี้ดูจะตื่นออกตื่นเต้นอย่างมาก พวกเขาเร่งคว้าร่างของหนิงซืออวี๋และเหลียงหวางหรูเพื่อมาไถ่ถามต่างๆนาๆไม่หยุดหย่อน ราวกับเด็กน้อยทั้งสี่ที่เปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เหลียงหวานหรูอาศัยอยู่ในมหาพิภพถงเทียนตั้งแต่กำเนิด นางจึงเอ่ยอธิบายออกไปตามที่อีกฝ่ายเอ่ยถาม ยามนี้นางรู้แล้วว่า ตนควรเว้นระยะห่างกับเย่หยวนในฐานะพี่น้องเท่านั้น
เย่หยวนไม่แม้แต่จะกล้าสัญญาใจกับลี่เอ๋อ แล้วนี่นับประสาอะไรกับนาง?
ด้วยเหตุนี้ทำให้เหลียงหวางหรูทำใจได้ในที่สุด และกลับมาเป็นคนร่าเริงผูกมิตรกับพวกเขาทั้งสี่จนสนิทกันอย่างรวดเร็ว
แต่ในขณะเดียวกัน เย่หยวนตรงมายืนข้างเจ้าท้วมและเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า
“การเดินทางครั้งนี้ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“เฮ้อ ข้านึกไม่ถึงจริงๆว่า แม้แต่เจ้าก็ยังมีอดีตที่น่าเศร้าเพียงนี้!”
สถานที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของเย่หยวน ทั้งเจ้าท้วมและคนอื่นๆล้วนสงสัยเรื่องราวในอดีตของเย่หยวนเป็นธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงไล่ตระเวนสอบถามจากคนอื่นๆพร้อมทราบว่า ในอดีตเย่หยวนเคยถูกพี่ชายของตนทรยศหักหลัง และท่านพ่อของเขาก็ยังถูกฆ่าโดยพี่ชายที่เคยไว้ใจคนนั้น
ต่อมาจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คนที่เป็นที่รักของเขาก็ยังมีถูกทรมานไม่จบไม่สิ้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เย่หยวนต้องออกเดินทางมาที่มหาพิภพถงเทียนเพื่อหาทางช่วยเหลือนาง
ดูเหมือนว่าความโชคร้ายของเหลียงหวางหรูและเจ้าท้วมไม่มีคุณสมบัติกล่าวถึงเลย เมื่อเปรียบเทียบกับอดีตอันเลวร้ายของเย่หยวน
หากมิได้ยินเรื่องราวเหล่านี้จากหูของพวกเขาเอง พวกเขาก็นึกไม่ออกเช่นกันว่าคนที่โชคดีอย่างเย่หยวนยังคงมีอดีตแสนน่าเศร้าเช่นนี้จริงๆ
เมื่อนึกถึงสิ่งต่างๆที่ผ่านมา เจ้าท้วมย้อนกลับมานึกถึงเรื่องของตัวเองพลางคิดไปว่า หากตัวเขาเป็นเย่หยวน เขาคงกลายเป็นบ้าและฆ่าตัวตายไปนานแล้ว
แต่เย่หยวนกลับไม่เคยโทษสรวงสวรรค์หรือสิ่งใดเลย
เขาพยายามยืนหยัดด้วยลำแข้งของตนและค่อยๆเดินหน้าต่อไปทีละก้าวอย่างมั่นคง ทั้งนี้ก็เพื่อแก้แค้นให้แก่ท่านพ่อและช่วยเหลือคนอันที่เป็นรัก
กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ เย่หยวนต้องเข้มแข็งขนาดไหนกัน!?
เย่หยวนพยายามอย่างมากกว่าจะเดินมาถึงจุดนี้ได้
เจ้าท้วมหันมองเย่หยวนด้วยความซาบซึ้งใน ใบหน้าของเขายามนี้คลี่เผยถึงรอยยิ้มที่ห่างหายไปเสียนาน และกล่าวว่า
“เย่หยวน ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆสำหรับทุกอย่าง!”
เย่หยวนหัวเราะคิกคักกล่าวว่า
“นั้นมินับเป็นอันใดเลย! เพื่อทำให้รอยยิ้มดั่งวันวานของเจ้ากลับคืนมา นี่นับว่าคุ้มค่าแล้ว!”
….
ภายในหอโอสถ ปัจจุบันหลู่เมิงยังคงเอ่ยปากด่าสบถให้ผู้อาวุโสใหญ่โย่วซวี๋ไม่หยุดหย่อน
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ จะให้ไอ้เด็กเหลือขอไร้ความสามารถขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสได้อย่างไร! จอมเทพโอสถสามดาวกลายมาเป็นผู้อาวุโสในหอโอสถเช่นนี้ ใครรู้ต่างไม่เป็นที่ขำขันของผู้คนเกินไปรึ?”
ผู้อาวุโสใหญ่ยังคงนั่งฟังอย่างเงียบงัน สีหน้าไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆไม่ว่าเป็นสุขหรือทุกข์โศก
เมื่อหลู่เมิงกล่าวจบ โย่วซวี๋ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างแช่มช้าว่า
“เรื่องนี้ได้รับการตัดสินโดยบุคคลระดับสูง ข้าเองจึงไม่ทราบรายละเอียดเช่นกัน! ข้าขอถามเจ้าเสียว่า เด็กนั้นแข็งแกร่งเพียงใด?”
หลู่เมิงกล่าวตอบอย่างไม่พอใจว่า
“มีดีอะไรกัน! มันหรือแข็งแกร่ง? ในความเห็นของข้ามันจงใจแสร้งทำเป็นลึกลับให้ผู้คนหวาดกลัวเสียมากกว่า!มันเป็นแค่จอดเทพโอสถสามดาว มีหรือจะปัญญาชี้แนะลวี่อี้ได้? ข้ามั่นใจอย่างยิ่งว่า แท้ที่จริงแล้วลวี่อี้เก็บงำฝีมือที่แท้จริงมาโดยตลอด แต่แสร้งว่าตนได้รับความชี้แนะจากไอ้เด็กเหลือขอนั้นจึงทำให้ตนเองเก่งขึ้นในชั่วพริบตา! ทั้งหมดเป็นเพราะความโชคร้ายของข้าเองเสีย ถึงหลงกลติดกับดักของมันเข้าเต็มเปา!”
จนถึงตอนนี้หลู่เมิงก็ไม่เชื่ออยู่ดีว่า เย่หยวนจะสามารถชี้แนะลวี่อี้ภายในหนึ่งชั่วยามจนสามารถหลอมกลั่นโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะได้จริงๆ
สิ่งเหล่านี้ไร้สาระสิ้นดี
คู่คิ้วผู้อาวุโสใหญ่ขมวดถักแน่น เขากล่าวว่า
“ความหมายของเจ้าคือ เด็กนั้นเป็นเพียงตัวหมากตัวหนึ่งของซวนอี้เพื่อหลอกพวกเรา?”
หลู่เมิงพยักหน้าและกล่าวว่า
“นอกเหนือจากความเป็นไปได้ในข้อนี้ก็ไม่มีอื่นใดแล้ว! อย่างไรก็ตาม ท่านผู้อาวุโสใหญ่ต้องระวังตัวให้ดี ศาสตร์แห่งโอสถจของซวนอี้พัฒนายาลึกล้ำยิ่งนัก ถึงนั้นที่ว่าหลอมกลั่นโอสถชำระไขกระดูกสวรรค์ขึ้นได้ ข้าได้ยินมาว่าโรคที่รักษาไม่หาย แต่เด็กนั้นกลับรักษาได้ มีความเป็นไปได้สูงว่าซวนอี้ยืมเย่หยวนมาเป็นฉากหน้าเท่านั้น!”
ผู้อาวุโสใหญ่อดรำพึงกับตนเองมิได้ การปรากฏตัวของเย่หยวนทำให้การเตรียมการทั้งหมดของเขาหยุดชะงักไป
แต่เขาก็ยอมรับว่าความกังงวลของหลู่เมิงหาใช่เรื่องไร้สาระ
มิอาจปฏิเสธได้ว่า เย่หยวนคนนี้มีความแข็งแกร่งอยู่บ้างจริงๆ มิฉะนั้นซวนอี้คงไม่แยแสเช่นกัน
แต่หากบอกว่าเย่หยวนทรงพลังถึงขนาดสั่งสอนชี้แนะจอมเทพสี่ดาวได้ เรื่องพรรค์นี้เขาไม่มีทางเชื่อเป็นอันขาด
“เรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งเกินอิทธิพลข้าจะตัดสินใจ เย่หยวนมีความสามารถแค่ไหนไม่ทราบ แต่การประลองในหอโอสถครั้งนี้ เจ้าต้องไปท้าทายมันด้วยตัวเจ้าเอง!”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวสั่งการทันที
…………………………………