ซ่งฉีหยางในวันนี้กลับได้ว่าสภาพดีถึงขีดสุด!
สมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่สอง หยกจักจั่นอมตะ เขาได้คะแนนสูงถึงห้าจุดแปดคะแนน
ในเวลานี้ซ่งฉีหยางรู้สึกราวกับ วิญญาณของตนแทบพุ่งออกจากร่าง เสมือนไร้เทียมทานภายใต้สรวงสวรรค์
“ฮ่าๆๆ นังตัวดี ข้าอยากจะเห็นเจ้าเสียจริงว่าจะมีปัญญาทำได้สักกี่น้ำ!”
ซ่งฉีหยางระเบิดหัวเราะเสียงดังสนั่น
ในที่สุดสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ หรงซูก็เผยให้เห็นรอยยิ้มประกาย เขาพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า
“หุหุ เขาคงพยายามไม่น้อยเลยหลังจากเสียหน้าในรอบแรก! ฉีหยางคนนี้น่าประทับใจจริงๆ!”
“จุจุ ยังคงเป็นผู้อาวุโสใหญ่ที่สั่งสอนเขามาเป็นอย่างดี! ฉีหยางไม่มีตื่นสนามใดๆเมื่อเผชิญกับอันตราย อันดับของเขาจักต้องทะยานขึ้นอยู่ชั้นแนวหน้า!”
ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งเร่งกล่าวประจบประแจงทันที
“สายตาของผู้อาวุโสใหญ่ช่างเฉียบแหลม! ฉีหยางคนนี้จักต้องประสบความสำเร็จอย่างมากแน่นอนในอนาคต!”
เมื่อผู้อาวุโสใหญ่ได้ฟังคำสรรเสริญเหล่านี้ เขาก็รู้สึกยินดีปรีใจเป็นอย่างยิ่ง
เขารับทราบดีว่า ซ่งฉีหยางเป็นดั่งผลงานชิ้นเอกของเขา ศิษย์คนนี้โดดเด่นเสียยิ่งกว่าศิษย์พี่ใหญ่ของตนเองเสียอีก
หรงซูกังวลอย่างยิ่งว่า ซงฉีหยางจะได้รับผลกระทบจากรอบแรกจนทำให้ผลลัพธ์ในรอบที่สองตกลงตามไปด้วย
เมื่อเฝ้ามองภาพฉากปัจจุบัน เขาก็ทราบทันทีว่าความกังวลก่อนหน้าช่างไร้สาระสิ้นดี
อีกไม่นานนัก ซ่งฉีหยางก็สกัดเอาคุณสมบัติของสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่สามได้เสร็จสิ้นเพียงอึดใจ
สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชนิดนี้ ซ่งฉีหยางทำได้ทั้งหมดหกจุดแปดคะแนน!
ผลรวมจากสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชนิด เขากวาดคะแนนไปสูงถึงสิบเจ็ดจุดสามคะแนน!
ไม่ควรดูถูกแค่ว่าศูนย์จุดสามคะแนน เพราะสำหรับซ่งฉีหยางนี่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่!
ระดับเกณฑ์วัดของเครื่องตรวจสอบนี้มิได้เพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่เท่าเดิม ยิ่งมีศาสตร์แห่งสวรรค์ออกมามากเท่าไหร่ต่อจากนั้นการสกัดก็ยิ่งจะเป็นไปได้ยากขึ้นเท่านั้น
หลังจากสกัดออกมาเกินห้าส่วน การสกัดหลังจากนั้นกลับทำได้ยากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ซ่งฉีหยางที่พัฒนาขึ้นเล็กน้อย ทว่าความเป็นจริงมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาเพียรพยายามหนักปานใด
นอกจากนี้ มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ได้สิบเจ็ดคะแนน
ผลงานของซ่งฉีหยางต่างทำให้ฝูงชนกล่าวชื่นชมยกย่องในทันใด
“หุหุ เขายังคงเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์ระดับชั้นจอมเทพโอสถสามดาว! ความแข็งแกร่งของซ่งฉีหยางไร้ซึ่งข้อกังขาใด! เรื่องที่พ่ายให้แก่หนิงซื่ออวี๋เป็นเพียงเรื่องเล็กไปเลย!”
“ถูกต้อง มีหลายคนบอกว่าเขาอาจแกร่งกล้าไปกว่าผู้อาวุโสใหญ่ก็เป็นได้ในอนาคต ข้าคิดว่าเรื่องกลับหาใช่เป็นเท็จ!”
“สมุนไพรที่มีความซับซ้อนปานนี้ แต่เขาสามารถไต่ไปได้ถึงสิบเจ็ดจุดสามคะแนน นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ!”
…
ซงฉีหยางรู้สึกโล่งใจอย่างที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รสหวานหลังจากความขื่นขมเป็นอะไรที่หวานหอมชื่นใจที่สุดแล้ว!
บนอัฒจรรย์สูง ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มและกล่าวกับซวนอี้ว่า
“ผู้อาวุโสรอง สิบเจ็ดจุดสามคะแนนเช่นนี้ สงสัยเสียจริงว่าซื่ออวี๋นางนั้นจะทำคะแนนได้สูงเท่านี้หรือไม่?”
เมื่อวาจาคำกล่าวนี้เอ่ยดังออกมา ทุกสายตากลับเบนหันเข้าหาซวนอี้กันเป็นตาเดียว
ยั่วยุกันเกินไปแล้ว!
นี่มันยั่วยุกันต่อหน้าทุกคนชัดๆ!
พวกเขายามนี้ต่างต้องการเห็นเสียว่า ผู้อาวุโสรองที่แสนใจดีต่อปากต่อคำไม่เก่งคนนี้ จะสามารถสู้อีกฝ่ายกลับไปได้หรือไม่
แต่ถึงอย่างไร ในมุมมองของพวกเขา สำหรับผู้อาวุโสรองแล้ว การจะเอาชนะอีกฝ่ายเพื่อโต้คืน กลับยากเกินเป็นไปได้
สิบเจ็ดจุดสามคะแนน นับเป็นตัวเลขที่สูงมาก
เปลือกตาของผู้อาวุโสรอคลายอ่อนเปิดขึ้นเล็กน้อย แต่ปฏิกิริยาของเขากลับนอกเหนือความคาดหมายของทุกคนโดยสิ้นเชิง เขาหันไปกล่าวกับเย่หยวนว่า
“ผู้อาวุโสเย่คิดเห็นอย่างไร?”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
นางดเป็นศิษย์ของเขาเองมิใช่รึ? แต่ไฉนดดันไปถามคนอื่น?
อย่างไรก็ตาม ซวนอี้ไม่รู้จริงๆว่าสถานการณ์ของหนิงซื่ออวี๋ในปัจจุบันไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
เป็นเวลาสิบวันเต็มที่หนิงซื่ออวี๋หายไปอยู่ในจวนพักของเย่หยวน ซึ่งระหว่างนั้นซวนอี้ก็ไม่รู้อะไรเลย
อย่างไรก็ตาม พัฒนาการของนางกลับสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดจริงๆ!
ไม่ว่าจะเป็นทักษะการควบคุมไฟ หรือด้านอื่นๆ นางเองก็ควรพัฒนาด้วยเช่นกัน
เย่หยวนกล่าวตอบอย่างเฉยเมยว่า
“แค่สิบเจ็ดจุดสาม? หุหุ คะแนนแค่นี้ยังกล้าเอาออกมาอวด? นี่หรือที่ว่าสูง? เห้อ…ความสามารถของผู้อาวุโสใหญ่ในการสั่งสอนศิษย์ยังคงขาดตกอยู่!!”
ทั่วอัฒจรรย์สูงเงียบสงัดลงในทันใด เสมือนถูกของแข็งตีเข้าหัวจนรู้สึกมึนงงยิ่งต่อวาทะศิลป์อันยอดเยี่ยมของเย่หยวน
และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยิน!
ในความเป็นจริงแล้ว ความสามารถของผู้อาวุโสใหญ่ในการสั่งสอนศิษย์ แม้แต่ผู้อาวุโสรองยังเทียบชั้นไม่ติด
โดยพื้นฐานแล้ว เหล่าศิษย์สาวกแต่ละคนของซวนอี้ล้วนสามารถปราบปรามศิษย์เชื้อสายของผู้อาวุโสรองได้หมดสิ้น
แต่ตอนนี้กลับมีใครบางคนบอกว่า ความสามารถของผู้อาวุโสใหญ่ในการสั่งสอนศิษย์ยังคงขาดตกอยู่!
ดวงตาของหรงซูหรี่เล็กลง เขาเอ่ยกล่าวน้ำเสียงสุดเยือกเย็นขึ้นว่า
“ผู้อาวุโสเย่ ข้าค่อนข้างกังขาเสียจริงว่า ท่านเป็นปรมาจารย์มากฝีมือจริงๆ หรือก็แค่จงใจเอ่ยวาจาใหญ่โขเพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้คน? สำหรับจอมเทพโอสถสามดาวที่สามารถไต่ได้ถึงสิบห้าคะแนนนับว่าน่าประทับใจยิ่งยวด การที่ได้รับสิบเจ็ดจุดสามคะแนนนับเป็นสถิติที่ดีที่สุดในการประลองหอโอสถแล้ว ทว่าท่านคิดว่าความสามารถในการสั่งสอนศิษย์กลับขาดตกไปงั้นรึ?”
เย่หยวนเม้มปากเอ่ยตอบอย่างเหยียดหยามขึ้นว่า
“ผู้อาวุโสใหญ่ ซ่งฉีหยางทำให้เราผู้อาวุโสขุ่นเคืองอย่างยิ่งในวันนั้น เราผู้อาวุโสย่อมคำนึงถึงตัวตนและมิอาจลดศีรษะลงไปสั่งสอนได้ด้วยตนเอง แต่นั่นมิได้หมายความว่าเราผู้อาวุโสจะยอมให้เด็กน้อยจอมเทพโอสถสามดาวกลั่นแกล้งได้ตามใจชอบ! ตอนนี้เราผู้อาวุโสไม่มีศิษย์สาวก จึงช่วยผู้อาวุโสรองสั่งสอนลูกศิษย์ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไม่มีเจตนาอื่นใดนอกเสียจากสั่งสอนใครบางคนให้รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ และต้องการบอกให้อีกฝ่ายได้ทราบว่า ศักดิ์ศรีของเราผู้อาวุโสไม่มีผู้ใดสามารถยั่วยุได้โดยง่าย!”
“ฟู่วว…”
เหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างสูดไอเย็นแช่ม ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเย่หยวนจะเอ่ยกล่าววาจาแบบนี้ออกมาจริงๆ
ความหมายของเขาคือ หนิงซื่ออวี๋ก็เป็นศิษย์ในยามตนเช่นกัน
แต่อย่างไร พัฒนาการด้านทักษะควบคุมไฟของหนิงซื่ออวี๋ก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดจริงๆ
เว้นเสียแต่คำพูดที่ว่า…เด็กน้อยจอมเทพโอสถสามดาว นี่มันหมายความอย่างไร?
พูดอย่างกับว่า ตัวเองมิใช่จอมเทพโอสถสามดาว!
หรงซูย่อมไม่เชื่อคำพูดของเย่หยวนเลย เขายิ้มและกล่าวต่อว่า
“เป็นเช่นนั้นรึ? ความหมายของเจ้าคือศิษย์ที่ข้าสั่งสอนมาหลายร้อยกลับอ่อนด้อยกว่าคนของเจ้าที่เพิ่งสั่งสอนมาได้ไม่กี่วัน? เจ้าหนุ่มอย่ากล่าวโอ้อวดให้มากเกินไป มิฉะนั้นอาจไม่มีคำแก้ตัวเมื่อถึงเวลา!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสใหญ่มั่นใจได้ คำกล่าวของข้าเย่หยวนคนนี้ย่อมมีทางหนีทีไล่แน่นอน ฮ่าๆๆ!”
หรงซูรู้สึกว่าดย่หยวนคนนี้เป็นเพียงไม้เบื่อไม้เมาที่จ้องแต่กวนประสาท!
อย่าไปสนทนากับเด็กนี่ให้มากความ!
วิ่งบ้าตามอีกฝ่ายมีหรือจะนิ่งได้?
“หึ! ไร้สาระสิ้นดี!”
ผู้อาวุโสใหญ่ก่นเสียงตะคอกอย่างเย็นชา
ลวี่อี้และคนอื่นๆที่นั่งบริเวณด้านล่างต่างเงยหูขึ้นฟังต่างรู้สึสะใจอย่างหาที่เปรียบไม่!
ผู้อาวุโสเย่ยังถึงพริกถึงขิงเช่นเคย!
เมื่อทุกคนเหล่านั้นที่เปรียบดั่งกบใต้บ่อน้ำได้เป็นสักขีพยานต่อความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้อาวุโสเย่ พวกเขาต่างต้องตกตะลึงจนขากรรไกรค้างแน่นอน!
เมื่อนึกถึงสีหน้าการแสดงออกของผู้อาวุโสใหญ่หลังจากเถียงแพ้เย่หยวน พวกเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาเกินจะหักห้าม
การสกัดคุณสมบัติของสมุนไพรยังคงดำเนินต่อไป แน่นอนว่าหลังจากซงฉีหยางก็ไม่มีภาพฉากใดให้ผู้คนตื่นตะลึงได้อีกเลย
อย่างต่ำก็สิบถึงสิบเอ็ดแต้ม ในบางครั้งดีขึ้นหน่อยจะอยู่ที่ประมาณสิบสี่ถึงสิบห้าแต้มเท่านั้น
ทว่าอย่างไร ยิ่งลำดับเคลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ คะแนนก็ยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นตามลำดับ
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่สามารถปราบปรามไฟศักดิ์สิทธิ์ได้จนคว้าอันดับต้นตารางมา พวกเขาล้วนแต่มีฝีมือฉกาจยิ่ง
แต่เดิมซ่งฉีหยางควรได้อันดับต้นตารางด้วยซ้ำ สาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะอุบัติเหตุในรอบแรก จึงทำให้อันดับต้องตกมาอยู่ที่ท้ายตาราง
ความเหลื่อมล้ำนับว่ามีไม่น้อย
ศิษย์พี่สามของหนิงซื่ออวี๋ที่ได้ซึ่งได้อันดับสองจากรอบแรก ยังทำได้แค่สิบหกจุดสามคะแนน ซึ่งแย่กว่าซ่งฉีหยางเสียอีก!
ตอนนี้ยังมีเหลือเป็นคนสุดท้ายนั้นก็คือ หนิงซื่ออวี๋
หากหนิงซื่ออวี๋ไม่สามารถทำได้เกิน สิบเจ็ดจุดสาม ซ่งฉีหยางก็จะขึ้นกลายเป็นผู้ชนะในรอบที่สอง
ครู่หนึ่งต่อมา ทุกคนต่างจับจ้องไปที่หนิงซื่ออวี๋
หนิงซื่ออวี๋ดูดหายใจเข้าแช่มลึก ฝ่ามือสั่นกระตุกแยกชิ้นส่วนโสมโลหิตสวรรค์อายุขัยในมือจนละเอียดเป็นเสี่ยง
…………………………………