เวลาแห่งความหนุ่มสาวได้ผ่านพ้นไปถึงสิบปีอย่างรวดเร็ว
ในวันนี้จู่ ๆ ก็เกิดคลื่นมิติขึ้นในหลุมมิติ
สิ่งนั้นทำให้ร่างของเล่งหยูต้องสั่นสะท้านในทันที เขาเบิกตากว้างและหันไปมองหน้าเย่หยวน
“บ้าน่า! ในเวลาแค่สิบปีเจ้ากลับสามารถเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติหนึ่งดาวระดับปลายได้แล้ว?”
เล่งหยูนั้นแทบจะไม่เชื่อสัมผัสของตัวเองจนคิดว่าตัวเขาเข้าใจผิดไปเอง เพราะตอนนี้ตัวของเล่งหยูเองก็ยังอยู่ในแนวคิดแห่งห้วงมิติสวรรค์หนึ่งดาวระดับปลายเช่นกัน!
ตอนนั้นเขาใช้เวลากว่าหมื่นปีในการพัฒนามันให้ขึ้นมาถึงขั้นนี้ และเขาเองก็พอใจกับมันอย่างมากด้วย
เพราะคนที่เข้ามาในห้วงมิติสืบทอดและรอดชีวิตอยู่ได้จนทุกวันนี้มันก็มีแค่เขาเท่านั้น
แต่ทว่าเด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตรงหน้าเขานี้กลับสามารถไล่ตามเขาจนทัน!
เล่งหยูนั้นเกิดหวั่นไหวขึ้นในจิตใจ
เวลาหลายปีมานี้เขาได้ด่าว่าเย่หยวนอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่ที่เขาทำลงไปไม่ใช่เพราะว่ามีแผนการใด ๆ แต่เป็นเพราะว่าเขาเห็นว่าเย่หยวนจะเอาชีวิตไปทิ้งต่างหาก
เขารู้สึกได้ว่าทำแบบนี้ต่อไปสักวันเย่หยวนต้องมาเสียใจภายหลัง
แต่ตอนนี้เขากลับได้รู้ตัวแล้วว่าตัวเขามันช่างอวดดีเสียเหลือเกิน
เด็กหนุ่มคนนี้สามารถขึ้นจากระดับกลางสู่ระดับปลายได้ด้วยเวลาแค่สิบกว่าปี!
แค่นี่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่ราวฟ้ากับเหวแล้ว
นี่มันเรียกอะไร?
นี่มันตรงกับคำที่ว่า ไม่เข้าถ้ำเสือไม่ได้ลูกเสือ!
ในที่สุดเย่หยวนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ดวงตานั้นมีความตื่นเต้นปะปนอยู่ไม่น้อย
เพราะแนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นมันแตกต่างจากแนวคิดใด ๆ ที่เขาเคยศึกษามาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ความยากของมันนั้นสูงกว่าลิบลับ!
มหาพิภพถงเทียนนี้มันมีโครงสร้างมิติที่แตกต่างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างสิ้นเชิง
มิติอวกาศนั้นคือต้นกำเนิดแห่งสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน มันเป็นกฎพื้นฐานที่สุดของโลกนี้
หากไม่มีมิติอวกาศ มันก็จะไม่มีแนวคิดแห่งดาบ ไม่มีแนวคิดแห่งไฟ ไม่มีแนวคิดแห่งลม ไม่มีแนวคิดไหนที่จะเกิดขึ้นมาได้เลย
และยิ่งเขาทำความเข้าใจมันไปเรื่อย ๆ เย่หยวนก็ยิ่งเข้าใจในความยิ่งใหญ่และอลังการของมัน
“เจ้า…เจ้าบรรลุแล้ว?” แม้ตัวเขาจะรู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ แต่เล่งหยูก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
เย่หยวนยิ้มและตอบกลับมา “เวลาหลายปีที่เหน็ดเหนื่อยนี้ไม่ได้ไร้ค่า! แต่สิ่งที่ท่านว่ามามันก็ถูก ความยากของแนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นมันหนือล้ำกว่าที่ข้าจะจินตนาการได้! คงไม่สามารถสำเร็จมันได้ด้วยเวลาสั้น ๆ แน่”
เย่หยวนนั้นไม่ได้กลัวความอันตรายของห้วงโกลาหลเลย เขาแค่พูดออกมาว่ามันคงไม่สำเร็จในระยะเวลาสั้น ๆ ตอนนี้สิ่งเดียวที่เย่หยวนจะห่วงก็คงเป็นพวกลี่เอ๋อ
แต่เย่หยวนก็วางใจไปได้เปลาะหนึ่งเพราะมีซวนอี้คอยดูอยู่ข้างนอก คน ๆ นี้เป็นผู้มีจิตใจดี ทั้งอาจารย์และศิษย์ต่างได้รับความช่วยเหลือของเขาไปไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งสองน่าจะคอยดูแลลี่เอ๋ออย่างดีเป็นแน่
เล่งหยูนั้นได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขารู้สึกคอแห้งผากก่อนจะถามออกมา “นี่มันคือแนวคิดแห่งห้วงมิติ ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะมีพรสวรรค์ที่เหนือฟ้าเพียงใดแต่ข้าก็ไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีใครบรรลุได้ในเวลาอันแสนสั้นเช่นนี้! เจ้าทำได้ยังไงกัน?”
เย่หยวนยิ้มและตอบ “จริง ๆ แล้วข้าเองก็บังเอิญเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้ ตอนที่ข้าฝึกฝนทำความเข้าใจแนวคิดแห่งดาบข้าก็บังเอิญอนุมานความเข้าใจของแนวคิดแห่งห้วงมิติได้ด้วย”
เล่งหยูเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “หมายความว่า…เวลาที่เจ้าเข้าไปในห้วงโกลาหลเจ้าเข้าไปทำความเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติด้วยวิชาดาบเช่นนั้นรึ?”
เย่หยวนพยักหน้ายอมรับเรื่องนั้นออกมากลาย ๆ
เล่งหยูไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีใครสามารถทำความเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้ด้วยวิธีการเช่นนี้
การอนุมานความเข้าใจนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาเองก็รู้ แต่การอนุมานความเข้าใจแนวคิดอื่นจากแนวคิดที่ตัวเองฝึกนั้น มันล้วนจะเป็นการเข้าใจแนวคิดที่อยู่ต่ำกว่าทั้งสิ้น
นี่เป็นครั้งแรกของเขาเลยที่เขาได้ยินว่ามีคนใช้แนวคิดที่ต่ำกว่าเพื่ออนุมานความเข้าใจแนวคิดที่อยู่ระดับสูงกว่า!
แม้ว่าแนวคิดแห่งดาบนั้นมันจะยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่หากเอามาเทียบกับแนวคิดแห่งห้วงมิติมันก็ยังห่างชั้นกันมากโข
เย่หยวนเดินเข้ามากุมมือของเล่งหยูไว้ก่อนจะพูดขึ้น “พี่เล่ง ข้าขอตัวกลับเข้าไปก่อนล่ะ หากวันหนึ่งข้าสามารถบรรลุได้จริง ๆ ข้าจะพาท่านออกไปด้วย!”
พูดจบเย่หยวนก็มุ่งหน้าเข้าสู้ห้วงโกลาหลพร้อมดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าในมือ ทิ้งเล่งหยูอ้าปากค้างไว้ด้านหลัง
จู่ ๆ เล่งหยูก็รู้สึกว่าร่างทั้งร่างของเขากำลังสั่นเทา
เมื่อกี้เย่หยวนว่ายังไงนะ?
ข้า…ออกไปได้?
เล่งหยูผู้นี้ยังสามารถที่จะออกไปสู่โลกภายนอกได้!
ในเวลานับแสนปีนี้เล่งหยูได้ทิ้งความหวังที่จะออกไปด้านนอกแล้ว
เขาคิดว่าตัวเองคงได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในนี้ไปจนค่อย ๆ แก่เฒ่าตาย
แต่จู่ ๆ วันหนึ่งก็มีเด็กหนุ่มเดินมาบอกเขาว่า “ข้าจะพาท่านออกไป!”
ความรู้สึกที่เขามีในตอนนี้ใครจะสามารถเข้าใจได้?
หากเย่หยวนบอกแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเล่งหยูก็คงหัวเราะเยาะเย้ยเด็กในความโอหังหนุ่มออกไปแน่ ๆ
เพราะจริง ๆ เขาก็ได้ทำแบบนั้นออกไปแล้ว
แต่ตอนนี้เล่งหยูกลับแห่งแสงแห่งความหวัง!
หากเขาสามารถพัฒนาไปได้ในระดับนี้จริง ๆ บางทีเย่หยวนอาจจะสามารถเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้จริง ๆ ก็ได้
ตอนนี้เล่งหยูได้รู้แล้วว่าตัวเขา ตัวเขาที่เคยเชื่อว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะนั้นด้อยกว่าเย่หยวนมากเพียงใด
ไม่ใช่แค่ความสามารถในการเข้าใจ แม้แต่จิตใจแห่งวิชายุทธของเขาทั้งสองก็แตกต่าง!
เล่งหยูรู้สึกว่าการฝึกฝนนั้นน่าเบื่อไร้รสชาติ
หลังพัฒนาตัวเองไปได้หนึ่งระดับ คนเราก็จะรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรสำเร็จและเริ่มเกิดความเกียจคร้านขึ้นมาในใจ
แต่เย่หยวนนั้นไม่เคยคิดที่จะหยุดและก้าวกลับเข้าไปฝึกฝนต่อไปในทันที
ที่สำคัญแม้แย่หยวนจะผ่านช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายในห้วงโกลาหลไปมากมายเพียงใด แต่หลังจากรักษาตัวหายเขาก็กล้าที่จะเข้าไปท้าทายมันใหม่อย่างไม่ลังเล
แต่ตัวเล่งหยูเองล่ะ?
เขานั้นกลัว!
เขากลัวคำว่าตายอย่างถึงที่สุด!
แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้ถอยกลับแม้แต่ก้าว เขาสามารถเอาชนะความกลัวในหัวใจได้อย่างเด็ดขาด
…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดเวลาอีกยี่สิบปีก็ได้ผ่านพ้นไป
ในห้วงโกลาหลนี้ ภาพร่างของเย่หยวนนั้นเป็นเหมือนเงาลวง บิดพลิ้วไหวไปอย่างไม่มีหลักแหล่ง
แต่จู่ ๆ เขาก็หยุดเท่าลงในจุดหนึ่งของมิติอวกาศด้วยคิ้วที่ขมวดจนชนกันแน่
“ข้าได้ฝึกฝนแนวคิดแห่งห้วงมิติหนึ่งดาวมานานมากแล้ว แต่กลับไม่สามารถบรรลุขึ้นสองดาวได้เสียที ข้าตามหาจุดที่จะนำไปสู่การบรรลุมานาน การบรรลุสู่ระดับสองดาวนี้มันต้องทำยังไงกันนะ?” เย่หยวนบ่นกับตัวเอง
ห้วงมิติสืบทอดนั้นมีสิ่งที่สืบทอดต่อกันมาเพียงแค่ไม่มาก และคนที่จะเข้าใจถึงความลึกซึ้งของมันได้นั้นยิ่งมีน้อยกว่า
เย่หยวนนั้นสามารถบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติหนึ่งดาวได้ด้วยการคลำหาอย่างสะเปะสะปะ
แต่กับระดับสองดาวนั้นเขากลับไม่สามารถหาจุดที่จะใช้ในการบรรลุได้เสียที
เย่หยวนเงยหน้าขึ้นมองไปยังมิติที่ด้านบน
ที่ตรงนั้นมีเงาของเขาอยู่
นั้นทำให้สายตาของเย่หยวนลุกวาว ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว
…
เวลาหนึ่งร้อยปีได้ผ่านพ้นไป เวลาแค่นี้มันเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นสำหรับยอดยุทธอาณาจักรพระเจ้า
แต่กับเย่หยวนแล้วมันเป็นเวลาที่พลิกผันตัวเขาไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากจุติใหม่ เวลาที่เขาใช้ในการฝึกฝนทั้งชีวิตมามันแค่ร้อยกว่าปี
แต่การเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิตินี้กลับกินเวลาของเขาไปแล้วหนึ่งร้อยปี
ในวันนี้เย่หยวนได้เข้าสู่การเก็บตัวในหลุมมิติ
และจู่ ๆ พื้นที่รอบ ๆ ก็เกิดการสั่นไหวขึ้น
หลุมมิติที่เคยเสถียรตอนนี้กลับค่อย ๆ แสดงถึงสัญญาณในการพังทลายลง
เล่งหยูที่เห็นแบบนั้นจึงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางตกใจ “เกิดอะไรขึ้น? หืม? เย่หยวน เขา…เขาบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติแล้ว?”
เล่งหยูหันไปมองเย่หยวนและได้เห็นว่าร่างของเย่หยวนกำลังอยู่ตรงหน้าเขาจริง ๆ แต่ภาพที่เขาเห็นมันกลับเหนือล้ำเกินกว่าที่เขาจะเชื่อลงได้
ความขัดแย้งในใจของเขามันมาถึงจุดสูงสุด
ในเวลาหนึ่งร้อยปีมานี้เขาได้เห็นการเติบโตของเย่หยวนจนเกิดความเลื่อมใสอยู่ในใจแล้ว
เขาได้รู้แล้วว่าระหว่างตัวเขาและเย่หยวนนั้นมีระยะห่างที่ไม่สามารถวัดได้อยู่
คำว่าอัจฉริยะมันน้อยเกินไปที่จะใช้อธิบายเด็กหนุ่มคนนี้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้มันจะมาถึงได้รวดเร็วปานนี้!
โครม…
หลุมมิติเริ่มการพังทลายลง ส่งชิ้นส่วนแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทำให้เกิดพลังงานอันรุนแรงพุ่งตรงเข้ามาหาเล่งหยู
สิ่งนั้นทำให้เล่งหยูหน้าถอดสีก่อนจะตะโกนขึ้น “เย่หยวน…ช-ช่วยข้าด้วย!”
…………………………………………………