ตอนที่ 1612 ก็แค่นี้
แม้กู่ฮั่นจะพูดแบบนั้นออกมาแต่เย่หยวนกลับไม่คิดจะเก็บมันมาใส่ใจ
“ท่านกู่ฮั่นนี่ไม่ใช่ว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์หรอกรึ? ทำไมล่ะ? หรือเจ้ากลัวที่จะรับคำท้าของข้ากันนะ? กลัวจอมเทพโอสถสามดาวคนนี้?” เย่หยวนยิ้มเย้ยออกมา
กู่ฮั่นจึงหันมาพูดต่อทันที “ข้าไม่ได้เลือกหมูหมากาไก่ที่ไหนมาท้าดวลก็ได้เสียหน่อย! คนอย่างข้านั้นท้าเฉพาะเหล่ายอดอัจฉริยะของเมืองเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เพียงเท่านั้น แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนกัน?”
กู่ฮั่นคนนี้เป็นคนที่หยิ่งยโสทะนงตนมาก เป้าหมายของเขาแต่ละคนไม่ใช่หมุหมากาไก่ใครก็ได้ เขาท้าดวลเฉพาะเหล่ายอดคนที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วเท่านั้น
เพียงแค่ว่าไม่มีใครบอกกล่าวเขาว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ยังมียอดคนอันแสนน่ากลัวแบบนี้อยู่
เพราะตัวตนของชายคนนี้มันต่างจากเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายมาก
เมื่อคำพูดเหล่านั้นหลุดออกมาจากปากของกู่ฮั่น บรรยากาศของผู้คนโดยรอบก็เปลี่ยนไปทันที
แต่เย่หยวนก็ยกมือขึ้นมาห้ามเบา ๆ เป็นสัญญาณให้ทุกคนใจเย็น ๆ
เมื่อทุกคนเห็นแบบนั้นพวกเขาก็เงียบปากลง
พวกเขาเห็นแน่แล้วว่าวันนี้เย่หยวนมาเพื่อตบหน้าคน จึงพยายามที่จะห้ามไม่ให้อีกฝ่ายรับรูปว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน
เหล่าผู้คนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นต้องเศร้าหมองมาหลายวันเพราะเหล่าอัจฉริยะของตัวเองนั้นได้แต่พ่ายแพ้ให้แก่กู่ฮั่นคนนี้ แม้แต่จอมเทพโอสถสี่ดาวอย่างซ่งฉีหยางก็ยังไม่มีปัญญาจะเอาชนะ
ที่สำคัญ นอกจากจะต้องแพ้แล้วพวกเขาทั้งหลายยังต้องก้มหัวต่อกู่ฮั่นถึงสามครั้งพร้อมพูดคำพูดสุดน่าขยาดนั้นออกมา
การกระทำนั้นของกู่ฮั่นมันทำให้ผู้คนไม่พอใจอย่างมาก โดยมีเป้าหมายความเกลียดชังอยู่ที่เดียว
และการที่เย่หยวนออกมาจัดการกู่ฮั่นในครั้งนี้ พวกเขาทั้งหลายจะไม่ดีใจได้หรือ? เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งหลายถึงเชื่อฟังเย่หยวนอย่างมากในวันนี้
พวกเขาได้แต่เฝ้านึกถึงสีหน้าของกูฮั่นตอนที่ต้องพ่ายแพ้ลงต่อหน้าขุมความสามารถอันมหาศาลของเย่หยวนนี้ว่ามันจะเป็นสีหน้าที่วิเศษเพียงใด!
เจ้าเรอะอัจฉริยะ?
เจ้าเรอะไร้เทียมทาน?
ฮะฮ่า!
หากเจ้าได้เห็นความสามารถของผู้อาวุโสเย่ เจ้าจะได้รู้ว่าตัวเองมันเป็นได้แค่ตัวตลก
เย่หยวนนั้นไม่โกรธใด ๆ เขาแค่ยิ้มออกมาเบา ๆ “ข้าจะมีคุณสมบัติพอท้าทายเจ้าหรือไม่ ทำไมไม่ลองถามคนเหล่านี้ดูล่ะ พวกเจ้าทั้งหลายคิดว่าข้ามีคุณสมบัติพอท้าดวลเขาหรือไม่?”
เย่หยวนหันไปถามกับฝูงชน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาพร้อมที่จะร่วมมือกับละครฉากนี้
“เย่หยวนนั้นคือสุดยอดอัจฉริยะหนุ่มในเมืองจักรพรรดิเรา แน่นอนว่าเขาต้องมีสิทธิท้าเจ้า!”
“หากเย่หยวนไม่มีสิทธิ ก็คงไม่มีใครได้รับสิทธินั้นอีกแล้ว!”
“ไม่กล้ารับคำท้าก็บอกมาตรง ๆ สิ เจ้ากลัวที่จะต้องแพ้ใช่ไหมล่ะ?”
…
ทุกคนที่มุงดูรอบ ๆ ต่างตะโกนส่งเสียงเข้ามาไม่ขาดสาย แต่ไม่มีใครเลยที่บอกถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้อาวุโสเย่
และหากเจ้าตัวไม่ได้บอกเองจริง ๆ ต่อให้ตายกู่ฮั่นก็คงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างเย่หยวนนี้จะเป็นผู้อาวุโสจริง ๆ
ส่วนที่มุมเดิมทางหลิงจี้คุนก็พูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม “พี่หรงซู เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ท่านไม่มีเด็กคนอื่นแล้วเหรอ? แม้แต่จอมเทพโอสถสี่ดาวก็แพ้ไปแล้ว แต่ท่านกลับส่งจอมเทพโอสถสามดาวออกมาแบบนี้ นี่มันจะไม่น่าขันไปหน่อยรึ?”
หรงซูเองก็มีสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสับสน เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่หยวนจะออกมาจัดการเรื่องในครั้งนี้ด้วยตัวเอง
เขาเคยเชื่อว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ เขารู้ดีกว่าด้วยฝีมือของเย่หยวนการต่อประลองเหล่านี้มันเป็นได้เพียงการละเล่นของเด็ก ๆ
แต่แน่นอนว่าการที่เย่หยวนออกมาแบบนี้มันทำให้เขาพอใจอย่างมากที่สุด
“หลิงจี้คุน อย่าเพิ่งได้ใจไปเลย! เด็กหนุ่มคนนี้มันต่างออกไป!”
หรงซูนั้นเลวร้ายแค่ไหน? ต่อให้เลวร้ายแค่ไหน มีหรือที่เขาคิดจะเปิดเผยตัวจริงของเย่หยวน?
เพราะท่าทางของหลิงจี้คุนในทุกวันนี้มันทำให้เขาอึดอัดจนแทบบ้า หรงซูเบื่อที่จะเห็นใบหน้าแบบนั้นแล้ว
ตอนนี้พอเย่หยวนออกมาจัดการตบหน้าคนแบบนี้ มีหรือที่เขาจะยังขัดขาเย่หยวนอีก?
เพราะสุดท้ายแล้วความขัดแย้งของเขาและเย่หยวนมันก็เป็นได้แค่ความขัดแย้งภายใน ตอนนี้คนภายนอกกำลังรังแกคนฝ่ายตัวเองอยู่ แล้วเขาจะคิดไปช่วยคนนอกรึ?
ไม่นานนักหลิงจี้คุนก็เริ่มกลั้นขำไม่ไหวและหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ต่างออกไป? จะต่างแค่ไหนกันเชียว? ในบรรดาจอมเทพโอสถสามดาวด้วยกันมันไม่มีทางเลยที่จะมีใครเทียบเคียงกับกู่ฮั่นได้ ความสามารถของเขาท่านก็เห็นดี แล้วยังคิดว่าคนระดับนี้จะแพ้ให้เด็กที่ไหนไม่รู้อีกเรอะ?”
หรงซูอมยิ้มขึ้นและไม่คิดจะพูดอะไรอีก
แต่ตอนนี้ดวงใจของเขากำลังตื่นเต้นอย่างแรง
เพราะแม้แต่ตัวเขาเองยังต้านทานเย่หยวนไม่ได้ ศิษย์ของหมาเฒ่าขี้ผายลมคนนี้หรือจะสามารถชนะเย่หยวน?
มันไม่มีคุณสมบัติมากพอจะเลียเท้าเย่หยวนด้วยซ้ำ!
…
เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคนประกอบกับสายตาที่พวกเขามองมายังเย่หยวนมันก็ทำให้กู่ฮั่นคาดเดาไปว่าเย่หยวนคงเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของเมือง
นอกเสียจากว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ยืนชื่อนี้มาก่อนเลยทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็หาข้อมูลในเมืองมาหลายวัน?
หรือจะบอกว่าเจ้าเด็กคนนี้คือสุดยอดคนที่แข็งแกร่งที่สุดในคนรุ่นใหม่ของเมือง?
แต่ว่าใครจะสน!
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะมาจากที่ไหนก็ต้องก้มลงกราบแทบเท้าเขา!
“ได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้า! กฎเดิม หากเจ้าแพ้เจ้าต้องกล่าวพร้อมกับเขาด้วย!” กู่ฮั่นพูดออกมาอย่างโอหัง
เย่หยวนจึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ได้ ไม่มีปัญหา”
กู่ฮั่นหันมาเหลือบตามองเย่หยวนก่อนจะพูดขึ้นอีกที “เดี๋ยวเจ้าจะหาว่าข้ารังแกเจ้า เจ้าเลือกโอสถเลย เอาโอสถที่เจ้าคิดว่าตัวเองหลอมได้เก่งที่สุด เพราะยังไงมันก็ไม่ได้ส่งผลต่อข้าอยู่แล้ว”
เย่หยวนจึงชี้มือออกไปยังโอสถดวงใจเมฆาอมตะและพูดขึ้น “งั้นเอาเจ้านี่”
กู่ฮั่นต้องสะดุ้งขึ้นทันทีที่ได้ยิน เพราะเขาคิดว่าเย่หยวนจะเลือกโอสถที่หลอมง่ายกว่านี้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าเด็กคนนี้มันจะกล้าท้าเขาแข่งหลอมโอสถดวงใจเมฆาอมตะ
หลังจากตะลึงไปพักหนึ่ง กู่ฮั่นก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง “เด็กน้อย เจ้านี่รู้วิธีการหลอมโอสถจริง ๆ รึ? หรือจริง ๆ แล้วเจ้าจะตาบอด? แม้แต่ศิษย์พี่ซ่งจอมเทพโอสถสี่ดาวของเจ้ายังพ่ายแพ้ข้า แต่เจ้าจอมเทพโอสถสามดาวกลับคิดท้าข้าหลอมโอสถดวงใจเมฆาอมตะอีกเรอะ?”
ซ่งฉีหยางที่ตอนนี้นั่งอยู่ไม่ไกลเมื่อได้ยินคำพูดของกู่ฮั่นเขาก็หน้าแดงขึ้นมาด้วยความอับอายทันที
เขาแทบจะอยากขึ้นไปจัดการลอกหนังของเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้มาต้ม
เย่หยวนตอบสวนไป “แค่โอสถดวงใจเมฆาอมตะมันไม่ใช่อะไรที่ยากเย็นหรอก”
กู่ฮั่นรู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นเป็นคนยโส แต่ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าความยโสของตัวเองมันเทียบกับเย่หยวนไม่คิดเลย!
“ฮู้ว ปากเก่งจริง! ข้าล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าฝีมือเจ้าจะเก่งได้เหมือนปากไหม!” กู่ฮั่นหัวเราะออกมา
จากนั้นการแข่งขันก็เริ่มขึ้น
ในวินาทีที่เย่หยวนลงมือ สีหน้าของหลิงจี้คุนก็เปลี่ยนไปทันที
ด้วยทำนองแห่งยอดเต๋านั้นบวกกับเทคนิคการหลอมที่ทรงพลัง นี่มันไม่ใช่ระดับที่กู่ฮั่นจะเทียบได้เลย
ด้วยฝีมือของเย่หยวน การหลอมโอสถดวงใจเมฆาอมตะนั้นมันเป็นเรื่องที่แสนง่ายดาย เขาใช้พลังแค่ไม่ถึง 2 หรือ 3 ส่วนเสียด้วยซ้ำ แต่มันก็มากพอที่จะจัดการกู่ฮั่นลงได้อย่างราบคาบแล้ว
แต่ในสายตาของหลิงจี้คุนมันไม่ใช่เรื่องแค่นั้น
“นี่มัน… เด็กหนุ่มคนนี้คือศิษย์ของท่านรึ? พี่หรงซู ช่างปกปิดเก่งกาจนัก!” หลิงจี้คุนพูดออกมาอย่างสิ้นหวัง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหรงซูจะมีไพ่ตายแบบนี้ซ่อนไว้ด้วย
ผ่านไปได้หลายอึดใจ ตอนนี้หลิงจี้คุนรู้แล้วว่ากู่ฮั่นไม่มีโอกาสชนะแม้แต่เสี้ยวเดียว
ไม่แม้แต่เศษเสี้ยวเดียว!
เมื่อได้เห็นสีหน้านั้นของหลิงจี้คุน หรงซูก็ได้หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจออกมาเป็นครั้งแรกในรอบเดือน
หรงซูหัวเราะและตอบกลับมา “เฮอะ เฮอะ ชายแก่คนนี้ไม่มีโชคและไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก”
หลิงจี้คุนจึงตอบกลับมาอย่างประหลาดใจ “หรือว่า… นี่จะเป็นศิษย์ของคนเหล่านั้น?”
แน่นอนว่าผู้แข็งแกร่งจริง ๆ ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นไม่ใช่หรงซูหรือเจิ่งชี
ยอดฝีมือที่แท้จริงนั้นไม่ชอบที่จะเปิดเผยตัวนัก
นั่นทำให้หลิงจี้คุนคิดไปแบบนั้นทันที
หรงซูยังคงรอยยิ้มไว้โดยไม่ตอบอะไรกลับไป
เย่หยวนใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็สามารถหลอมโอสถจนเสร็จ
เมื่อกู่ฮั่นหลอมจนเสร็จ เขาก็ได้พบว่าตอนนี้เย่หยวนกำลังมองดูเขาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
เป็นใบหน้าเดียวกับที่เขาใช้จ้องมองซ่งฉีหยางเมื่อสักครู่นี้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน