“ผู้อาวุโสทุกท่านคงได้ยินเรื่องการมาถึงของหลิงจี้คุนบ้างแล้ว เขาทำเรื่องขนาดนั้นจริง ๆ มันคงไม่มีใครไม่รู้หรอก แต่เหตุผลจริง ๆ ที่เขามาในครั้งนี้มันก็เพื่อจะขอความช่วยเหลือจากเรา…”
หรงซูเริ่มพูดเปิดประชุมด้วยท่าทางมั่นใจและสุขุม ก่อนจะค่อย ๆ บอกเล่าเรื่องราวเป้าหมายที่หลิงจี้คุนเดินทางมาในครั้งนี้ให้เหล่าผู้อาวุโสทุกคนในที่ประชุมฟัง
ดูเหมือนว่าตอนนี้เมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์จะเจอเหตุการณ์ประหลาดเข้า เป็นสัญญาณว่าสมบัติล้ำค่ากำลังจะถือกำเนิดขึ้น
แต่สถานที่ที่เกิดปรากฏการณ์นั้นขึ้นมันกลับเป็นชายแดนเชื่อมต่อระหว่างเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์กับเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะ
และแน่นอนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้มันไม่มีทางหลุดรอดสายตาของเผ่าปีศาจไปได้เลย
สมบัติล้ำค่าที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดินเช่นนี้ ฝั่งเผ่าปีศาจเองก็คงต้องการมันแทบขาดใจเช่นกัน
และตอนนี้ก็มีผู้เชี่ยวชาญมากมายหลายคนกำลังเดินทางออกไปสำรวจยังต้นเหตุของปรากฏการณ์นั้น
แต่เมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์นั้นกลัวว่าแค่ตัวคนเดียวมันจะไม่มีปัญญาพอสู้กับพวกปีศาจทั้งหมด จึงได้ส่งคนไปยังเมืองจักรพรรดิต่าง ๆ เพื่อขอความร่วมมือ
ที่หลิงจี้คุนมายังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มันก็ด้วยเรื่องนี้นี่เอง
เพราะทั้งสองเมืองนั้นเป็นเพื่อนบ้านที่มีชายแดนดินกัน หากเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์อยากจะขอความช่วยเหลือใคร เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็ย่อมต้องเป็นตัวเลือกแรกของพวกเขา
“ผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชี เรื่องนี้คงต้องให้หอยุทธ์ท่านจัดการ ว่ายังไงล่ะ?” หรงซูถามเจิ่งชี
เจิ่งชีเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับมา “เรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงเผ่าปีศาจ เราต้องไปช่วยแน่นอนอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือหากสมบัติที่ว่ามันมีชิ้นเดียวล่ะ เราจะจัดการเรื่องความเป็นเจ้าของกันยังไง?”
หรงซูตอบกลับมา “เรื่องนี้ข้าเองก็ได้คุยกับหลิงจี้คุนไว้แล้ว ฝั่งนั้นว่าเรื่องนั้นปล่อยให้โชคชะตากำหนด ตราบใดที่มันไม่ตกไปอยู่ในมือของฝั่งปีศาจแค่นั้นก็พอ แต่จากที่ฟังหลิงจี้คุนว่ามาสมบัตินี้มันต้องไม่ธรรมดามาก ๆ แน่ อาจจะถึงขั้นทำให้อีกฝ่ายส่งยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์มาเลย!”
เมื่อคำพูดนั้นลอยเข้าหูทุกคน พวกเขาก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที
เพราะหากนี่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับอาณาจักรนภาสวรรค์มันก็คงยุ่งยากกว่าเดิมขึ้นหลายเท่า
เจิ่งชีตอบกลับมาพร้อมตัดสินใจ “เรื่องนี้ชายแก่จะขอไปจัดการมันด้วยตัวเอง! หากให้คนอื่นออกไปตอนนี้มันคงไม่เพียงพอ เพราะนอกจากยอดฝีมือเผ่าปีศาจแล้วสถานที่ที่จะเกิดสมบัติระดับสูงแบบนั้นมันก็น่าจะอันตรายมากด้วย”
“ไม่นะ! ผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชี ท่านคือผู้นำของหอยุทธ์! จะให้ท่านออกไปเจออันตรายเองได้ยังไงกัน?”
“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสเจิ่ง ท่านนั้นคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหอยุทธ์แล้ว หากท่านพลาดพลั้งไปแล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อเล่า?”
เมื่อเจิ่งชีเอ่ยปากว่าจะไปเอง ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ อีกหลายต่อหลายคนก็คัดค้านขึ้น
แต่เจิ่งชีนั้นได้แต่โบกมือปัดไป “มันเป็นเพราะว่าชายแก่คนนี้แข็งแกร่งที่สุดนั้นแหละ ถึงต้องออกไปเอง ไปช่วยเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ก็เรื่องหนึ่ง ไปหาสมบัติล้ำค่าก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดคือข้าไม่อยากให้เกิดการสูญเสียให้มากที่สุด! เรื่องนี้ไม่ต้องคุยกันแล้ว ชายแก่คนนี้ได้ตัดสินใจลงไปแล้ว!”
ตอนนี้ผู้อาวุโสของทั้งหอโอสถและหอยุทธ์ต่างเข้าร่วมประชุมกันทั้งสิ้น
เมื่อหอยุทธ์จะออกไปทำการสำรวจ ทางหอโอสถเองก็ต้องเตรียมโอสถต่าง ๆ ไว้ให้มากมาย
เย่หยวนหันไปมองหน้าเจิ่งชีด้วยแววตาที่เปี่ยมความชื่นชม
ทุกคนต่างรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้มันอันตรายแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มันอาจจะมียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เข้ามาเกี่ยวข้อง การไปล่าสมบัติในครั้งนี้มันจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องง่ายเลย
และต่อให้เจิ่งชีจะเดินทางไปเอง มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปลอดภัยเช่นกัน
แน่นอนว่าเจิ่งชีนั้นรู้ดีว่าการเดินทางนี้มันอันตรายแค่ไหน คงเป็นเพราะแบบนั้นเขาถึงได้คิดจะไปเอง เพื่อที่จะหวังลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
การเสียสละนี้ทำให้เย่หยวนต้องอดชื่นชมเขาอยู่ในใจไม่ได้
หลังจากนั้นเขาก็เลือกผู้อาวุโสที่จะไปกับเขาด้วย และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าคัดค้านใด ๆ
หรงซูนั้นไม่คาดคิดเลยว่าเจิ่งชีจะทำถึงขนาดนี้ เขาจึงเปิดปากถามขึ้น “สหาย เจ้าตัดสินใจแล้วจริง ๆ รึ?”
เจิ่งชีพยักหน้ารับกลับไป “พี่หรงซู คนพวกนั้นวัน ๆ เอาแต่เก็บตัวฝึกฝน หากชายแก่คนนี้ไม่อยู่แล้วเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงต้องฝากให้พี่ดูแล”
หรงซูถอนหายใจยาว “ก็ได้! เรื่องนี้ถือว่าเป็นอันจบไป ชายแก่คนนี้เองก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากมาย หลังจากนี้ไปชายแก่คนนี้จะไปเร่งให้พวกผู้อาวุโสหอโอสถหลอมโอสถไว้ให้”
เจิ่งชียกมือขึ้นมาประคบกันตรงหน้าเป็นท่าทางคารวะ “เช่นนั้นคงต้องขอฝากให้พี่หรงซูจัดการแล้ว”
จากนั้นเจิ่งชีก็ได้เลือกทั้งผู้อาวุโส อาจารย์ ผู้พิทักษ์แห่งหอยุทธ์อีกกว่าสิบคน
คนเหล่านี้คือผู้ที่จะต้องติดตามเขาออกไปด้วย
แต่เพราะว่าแม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ยังไปเอง พวกคนที่ถูกเลือกจึงไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลย
ที่สำคัญเรื่องแบบนี้หากใครได้ไป พวกเขาก็จะปลอบใจตัวเองว่ามันอาจเป็นโชคดี
เพราะสมบัติที่ไปล่ากันในครั้งนี้ท้ายที่สุดมันอาจจะตกมายังมือของพวกเขาก็ได้
“เอาล่ะ เรื่องนี้จบแล้ว เลิกประชุม” หรงซูพูดขึ้น
แต่จู่ ๆ เย่หยวนที่เงียบปากมาตลอดการประชุมก็พูดขึ้นขัด “ผู้อาวุโสใหญ่เจิ่ง ข้าขอไปด้วย”
หรงซูขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน “ผู้อาวุโสเย่ พูดเรื่องบ้าบออะไรออกมา?”
เมื่อเจิ่งชีได้ยินแบบนั้นเขาก็ส่ายหัวออกมาในทันที “ผู้อาวุโสเย่ การเดินทางครั้งนี้มันแสนอันตราย แม้แต่ชายแก่คนนี้ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะรอดกลับมาได้ครบ 32 ท่านไม่ควรจะไปดีกว่า เพราะท่านคือความหวังของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราวในวันข้างหน้า หากมีอะไรเกิดขึ้นกับท่านไปจะทำอย่างไร!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “ทุกท่านขอโปรดใจเย็น ๆ ก่อน ขอให้ข้าได้พูดจนจบก่อนเถิด”
จากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาหรงซูและถามขึ้น “ผู้อาวุโสใหญ่หรงซู หลิงจี้คุนได้บอกท่านหรือไม่ว่าสมบัติล้ำค่านี้คืออะไร?”
หรงซูขมวดคิ้วแน่นก่อนจะตอบกลับมา “สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ยังไม่ทันกำเนิดออกมา เขาจะไปรู้ได้อย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มขึ้น “หากให้ข้าเดา สมบัติที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้มันคงอยู่ที่เหวอัญเชิญปีศาจใช่หรือไม่?”
หรงซูกล่าวออกมาด้วยท่าทางตกใจ “เจ้าทราบได้อย่างไร?”
เพราะในการประชุมนี้ไม่ได้มีการระบุจุดที่แน่นอนเลย แต่เย่หยวนกลับสามารถรู้ถึงจุดที่ว่านี้ได้ มีหรือที่หรงซูจะยังใจเย็นได้?
เย่หยวนยิ้มตอบ “ข้าเองก็เคยไปที่เทือกเขาอัญเชิญปีศาจมาก่อน แถมยังเคยลงไปในเหวด้วย ข้าจึงพอจะคุ้นที่คุ้นทางอยู่บ้าง ข้ารู้ว่าพวกท่านห่วงเรื่องที่ข้ามีพลังบ่มเพาะต่ำ แต่การไปในครั้งนี้ต่อให้คนๆ นั้นจะมีพลังบ่มเพาะที่สูงส่งแค่ไหนมันก็คงไม่ช่วยอะไรมาก”
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสได้ยินคำของเย่หยวน พวกเขาก็ได้แต่ตื่นตะลึง
พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเย่หยวนจะเคยไปยังเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์มาก่อน และยังถึงขั้นลงไปในเหวอัญเชิญปีศาจอีก
เจิ่งชีขมวดคิ้วแน่นและบอกเย่หยวน “ผู้อาวุโสเย่ โปรดว่าต่อ!”
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหลิงจี้คุนปิดบังอะไรบางอย่างไว้เพราะกลัวว่าเมืองอื่น ๆ จะไม่ยอมไปช่วยพวกตน
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวต่อ
เพราะระหว่างทางที่เย่หยวนกลับมาจากดินแดนปีศาจในครานั้น เขาได้ลงไปในเหวนี้มาครั้งหนึ่ง
ตอนนั้นเขาสัมผัสได้ว่าเหวนี้มันมีความยิ่งใหญ่มากจนเกิดสงสัยและได้ลงไปสำรวจ
แน่นอนว่าคนอื่น ๆ เองก็คงสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของมัน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพอจะลงไปก็เท่านั้น
เพราะต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าก็ยังต้องระวังระหว่างลงไป พลาดแค่ก้าวเดียวมันก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาต้องร่วงลงไปกระแทกพื้นเละกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าเมื่อลงไปลึกสนามพลังแรงดึงดูดมันยิ่งรุนแรง
ตอนนั้นเย่หยวนที่เพิ่งจะบรรลุอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าสามารถลงไปได้โดยใช้ฟ้าหน่วงหยวนฉือเป็นตัวช่วยในการสำรวจ
ตอนนั้นเย่หยวนลงไปได้ราวหมื่นเมตรแต่ก็ยังไม่เห็นก้นเหวสักที
และเย่หยวนยังสัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่าเกรงขามจากด้านล่าง เขาจึงไม่กล้าที่จะลงไปลึกกว่านั้น
แต่เย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่จากด้านล่างเช่นกัน ราวกับว่ากำลังมีสมบัติก่อตัวขึ้น
การที่สถานที่แบบนี้จะให้กำเนิดสมบัติล้ำค่านั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเลย
ตอนที่เย่หยวนได้ยินคำบอกเล่าของหรงซู เย่หยวนก็นึกถึงเหวนี้ขึ้นมาทันที
“ตามที่ข้าคาดการณ์ สมบัติที่เกิดขึ้นมาในครานี้อาจจะเป็นสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าหรืออาจจะถึงขั้นเป็นสมบัติเซียนเทียนนภาสวรรค์เลยก็เป็นได้!”
คำพูดนี้ของเย่หยวนมันทำให้ผู้ได้ยินแทบลมจับ ทำให้บรรยากาศการประชุมกลับมาจริงจังขึ้นอีกครั้งในทันที
“อะไรนะ? สมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้า!”
“พระเจ้าช่วย! ไม่ใช่แค่สมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าแต่อาจถึงขั้นสมบัติเซียนเทียนนภาสวรรค์ ของแบบนั้นแม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ก็คงทนไม่ไหวเหมือนกัน!”
“เจ้าหลิงจี้คุนนี่มันต้มเราจนเปื่อยเลยนะ?”
ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสต่างแสดงสีหน้าอันเร่าร้อนออกมา ดูท่าคำว่าสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าจะไปสะกิดใจพวกเขาเข้าอย่างแรง
……………….……………….