หนงซูและเจิ่งชีนั้นแสดงสีหน้าอันตื่นตะลึงออกมาอย่างชัดเจน สมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้า คำๆ นี้มันทำให้พวกเขาพูดแทบไม่ออก
เย่หยวนเองก็ได้ยินต่อมาจากปากของหวู่เฉินมาอีกต่อจากตอนที่เขาลงไปในเหวนั้น
หวู่เฉินได้บอกเย่หยวนในตอนนั้นว่าสนามพลังแรงดึงดูดของที่แห่งนั้นมันรุนแรงมาก ที่ก้นเหวอาจจะมีสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้ากำลังถือกำเนิดขึ้น
โอกาสที่สมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าและสมบัติเซียนเทียนนภาสวรรค์จะถือกำเนิดขึ้น แค่นั้นมันก็ทำให้เรื่องนี้ใหญ่กว่าการล่าสมบัติใดๆ แล้ว
แม้ว่าสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำนั้นจะเป็นสิ่งหายาก แต่เมื่อมาถึงระดับของหรงซูหรือเจิ่งชี พวกเขาก็สามารถมีมันไว้ในครอบครองได้อย่างไม่ยากลำบากนัก
แต่สมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้านั้นต่างออกไป มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ทำให้ผู้ที่ได้ยินต้องขนลุกเกรียว
เหตุผลที่มันถูกเรียกว่าสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้านั้นเป็นเพราะว่ามันเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่เงื่อนไขในการกำเนิดของพวกมันนั้นแสนจะยากเย็น มีแค่บางสถานที่ที่พิเศษจริงๆ เท่านั้นที่จะสามารถให้กำเนิดมันได้อย่างสมบูรณ์
สมบัติเทียนเซียนราชันพระเจ้านั้นมันมีพลังเหนือล้ำกว่าสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำใดๆ ในระดับเดียวกัน
ไม่เพียงแค่นั้น คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้านั้นคือมันเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและในตัวสมบัตินี้มันจะบรรจุแนวคิดแห่งยอดเต๋าไว้ในตัว
เมื่อนักยุทธ์ใช้งานสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าออกมา พวกเขาก็จะสามารถใช้งานแนวคิดแห่งยอดเต๋าและผสานพลังให้เหนือล้ำกว่าก่อนมาก ปลดพันธะความเข้าใจต่างๆ ไปได้อีกมาก
สำหรับอาณาจักรราชันพระเจ้ามันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นอย่างมาก
สมบัติระดับนี้มีใครบ้างที่จะไม่อยากได้?
และหากสมบัติที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นสมบัติเซียนเทียนนภาสวรรค์ ค่าของมันคงไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขได้เลย
ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คงต้องไปเพื่อล่ามันมาไว้ในมืออย่างไม่มีลังเล
“ผู้อาวุโสเย่ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ท่านจะมาล้อเล่นไม่ได้นะ!” เจิ่งชีหายใจเข้าออกยาวพร้อมตะโกนเตือนเย่หยวน
แต่เย่หยวนก็ยิ้มตอบกลับไป “เย่คนนี้จะมาล้อเล่นในเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? แต่สิ่งที่อยู่ใต้เหวนั้นเย่คนนี้ก็ไม่ทราบแน่เช่นกัน ที่รู้ๆ คือมันต้องอันตรายมากๆ ที่สำคัญ ยิ่งลงไปในเหวลึกเท่าไหร่ พลังสนามแรงดึงดูดก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น การบ่มเพาะของคนที่ลงไปอาจจะถูกกดลงอย่างมาก และยิ่งมีพลังบ่มเพาะสูงก็จะยิ่งได้รับผลของมันมาก หากผู้อาวุโสใหญ่ไป ข้าเกรงว่าอย่างมากที่สุดท่านคงใช้พลังได้แค่ระดับเดียวกับอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวเท่านั้น”
ได้ยินแบบนั้นทุกคนที่ได้ยินก็ต่างแสดงสีหน้าแฝงความหวาดกลัวออกมา
ใบหน้าของเจิ่งชีแสดงความวิตกออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น เรื่องที่เย่หยวนบอกออกมานี้มันช่วยพวกเขาได้มากจริงๆ
เพราะการรู้ข่าวนี้ก่อนมันจะทำให้พวกเขาได้เตรียมตัวก่อน เตรียมตัวรับกับสถานการณ์ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอะไรรออยู่บ้างตรงหน้า
การกดพลังบ่มเพาะนั้นเป็นปัญหาที่ไม่ใช่แค่พวกเขา แต่รวมไปถึงทุกผู้คนที่ลงไปด้วยต้องเจอ
แต่เมื่อพวกเขาเตรียมความพร้อมไปก่อน มันก็หมายความว่าพวกเขาจะมีเปรียบคนอื่น
เมื่อถึงเวลานั้นการเข้าแย่งชิงสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าก็คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ผู้อาวุโสเย่ หากมันเป็นจริงอย่างที่ท่านว่า เราก็ต้องมีการเตรียมการกันอย่างหนักแน่นมากกว่าเก่าแน่ แต่… ยังไงท่านก็ไปด้วยไม่ได้ ครานี้ผู้ที่จะไปคงมีแต่ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้า ต่อให้พวกเขาจะถูกกดพลังขนาดไหนยังไง แต่พวกเขาก็ยังเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งของท่านอยู่ดี ที่สำคัญตอนนี้เราอาจจะต้องไปเจอเข้ากับยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ด้วยก็ได้” เจิ่งชีตอบกลับมา
หรงซูจึงเสริมขึ้น “ผู้อาวุโสเย่ สหายเจิ่งชีนั้นพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงในตัวท่าน จงอย่าได้ทำให้เขาต้องลำบากใจอีกเลย”
ตั้งแต่เรื่องของหลิงจี้คุนมา ภาพลักษณ์ที่หรงซูมีต่อเย่หยวนมันก็ดีขึ้นมาก
เพราะหากลองใช้สมองคิดดูดีๆ การที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้มียอดอัจฉริยะขนาดนี้อยู่มันจะมีแต่ข้อดี หาได้มีข้อเสียใดๆ ไม่
ที่สำคัญเย่หยวนยังเป็นคนที่ชำระความแค้นด้วยบุญคุณ ช่วยรักษาหน้าของซ่งฉีหยางไว้ แถมยังช่วยแก้แค้นให้อีกด้วย เรื่องนี้มันทำให้จิตใจของหรงซูสดใสขึ้นมาก
เมื่อก่อนนั้นเขาดวงตามืดบอดไปด้วยความเกลียดชัง ฝืนกินยาขมโดยไม่มีความจำเป็นใดๆ ต่อต้านเย่หยวนไปทุกทาง ซึ่งในสายตาของเขาตอนนี้มันดูจะมากเกินความจำเป็นไปหน่อย
หรงซูรู้ดีว่าความแค้นในใจของเขานี้เกิดขึ้นเพื่อคนอื่น ความแค้นที่รับต่อมาจากซวนอี้บวกกับความกลัวที่เขามีต่อเย่หยวน
แต่เย่หยวนกลับตอบกลับมา “ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสอง ไม่นานมานี้ข้าได้พบเจอกับทางตันในการฝึกบ่มเพาะพลัง และยังไม่สามารถแก้มันลงได้ ครานี้ข้าจึงคิดจะออกไปเปิดหูเปิดตาดูโลก พวกท่านจงวางใจเถิด เย่คนนี้ยังมีวิธีที่จะปกป้องตัวเองอยู่บ้าง ที่สำคัญที่พื้นที่เหวอัญเชิญปีศาจนั้นคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าข้าแล้ว”
เมื่อเจิ่งชีเห็นท่าทางสงบนิ่งของเย่หยวนนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจ
เพราะคำพูดนี้ของเย่หยวนนั้นมันหมายความว่าเขายังมีไพ่ตายอะไรซ่อนไว้อีก
เจิ่งชีนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับมา “เอาล่ะ ไหนๆ ผู้อาวุโสเย่ก็พูดมาถึงขนาดนี้ งั้นก็จงมาด้วยกันเถอะ แต่หากมีเรื่องอะไรที่ดูแปลกๆ ผิดหูผิดตาไปท่านจงรีบหนีไปเสีย อย่าได้ทำอะไรอวดเก่งเกินหน้าเกินตาคนอื่น!”
…
เมื่อได้มายังเทือกเขาอัญเชิญปีศาจอีกครั้งเย่หยวนก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้าอย่างแรง
เพราะแสงอันส่องสว่างกำลังส่องขึ้นมาจากก้นเหวลึกหลายหมื่นเมตรนี้ มันเป็นภาพที่สวยงามตราตรึงมากๆ
แม้จะดูอยู่จากระยะไกลเย่หยวนก็สามารถสัมผัสได้ถึงสนามแรงดึงดูดที่ค่อนข้างรุนแรง มันทำให้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าระดับต่ำๆ หลายคนถึงกับไม่สามารถลอยตัวขึ้นจากพื้นได้
และตอนนี้สันเขาทั้งสองของเขาอัญเชิญปีศาจก็มีผู้คนยอดฝีมือมารวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่น พวกเขาทั้งหลายนั้นล้วนเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าขึ้นไปทั้งสิ้น
ตอนนี้แม้ยังไม่เห็นฝั่งปีศาจ แต่แค่ฝั่งมนุษย์ก็มียอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้ามารวมตัวกันในที่นี้ไม่ต่ำกว่า 100 คนเข้าไปแล้ว
พวกเขาทั้งหลายเหล่านี้คือกำลังเสริมที่เมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ได้ไปขอกำลังมา พร้อมๆ กับเหล่ายอดฝีมืออิสระที่ได้ยินข่าวคราวด้วย
“ว่ายังไงบ้างเย่หยวน?” เจิ่งชีถามเย่หยวนออกมา
เย่หยวนที่กำลังมองดูภาพรอบๆ อยู่ก็กล่าวขึ้น “แรงดึงดูดของมันในตอนนี้น่าจะมากกว่าแต่ก่อนประมาณ 5 เท่าตัวได้ แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลงเลยด้วย! ข้าไม่นึกเลยว่าในเวลาแค่ร้อยปีมันจะเกิดความเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ขึ้นที่นี่”
“งั้นจากที่ท่านลองมองดูแล้ว ที่นี่มันจะมีสมบัติแบบใดอยู่กัน?” เจิ่งชีถาม
เย่หยวนเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ยังเดาได้ยาก แต่คาดว่า… ไม่น่าจะเป็นระดับต่ำแน่ๆ”
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้นเองที่จู่ๆ ก็มีคนสองคนเดินเข้ามาหา
“ฮ่าฮ่า เจิ่งชี ไม่ได้เจอกันนานเลยนี่ ยังไม่ตายหรอกเรอะ!” เสียงดังทะลุแก้วหูดังขึ้นไม่ห่างไปนัก
นั้นทำให้เจิ่งสีเปลี่ยนสีหน้าไปทันทีและตอบสวนกลับไปอย่างเย็นชา “เกาหยุน เจ้าเองก็ยังไม่ตาย ชายแก่คนนี้จะยอมตายไปก่อนเจ้าได้ยังไง?!”
ผู้ที่นำมานั้นคือชายแก่ร่างท้วมที่มีใบหน้าแสนชั่วร้าย แต่พลังที่อยู่รอบตัวเขานั้นรุนแรงไม่เบา ดูท่าอาจจะอยู่ในระดับเดียวกับผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชีเลยทีเดียว
เกาหยุนหัวเราะสนั่นพร้อมพูดขึ้น “คนขี้แพ้นี่มันปากเก่งดีจริงๆ นะ?! ฮึฮึ ไม่นึกเลยว่าคราวนี้เจ้าจะยอมมาด้วยตัวเอง เจ้าเองก็คงไม่ต่างจากอาจารย์ของเจ้าหรอกมั้ง ที่จะได้ตายในการออกสำรวจน่ะ”
คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าของเจิ่งชีแดงขึ้นมาทันที แม้แต่เย่หยวนยังรู้สึกได้ถึงอารมณ์โกรธที่เขามี แต่สุดท้ายเจิ่งชีก็ระงับมันไว้ได้
“เกาหยุน อย่าได้ใจไป! ความแค้นของอาจารย์ข้าจะจัดการมันเองในสักวัน!” เจิ่งชีตะโกนกลับไป
แค่ได้เจอหน้าคนทั้งสองก็แทบจะกระโดดกัดคอกันแล้ว
นั่นทำให้เย่หยวนสงสัยจนต้องถามผู้อาวุโสที่มาด้วยกัน “นี่มันเรื่องอะไรกันรึ?”
ผู้อาวุโสคนนั้นจึงพูดขึ้น “หลายหมื่นปีก่อนท่านอาจารย์ของผู้อาวุโสใหญ่ได้ตายลงในมิติลึกลับ แต่เขาว่ากันว่าในครานั้นจริงๆ ท่านอาจารย์ของผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้ตายลงเอง แต่เป็นเพราะว่ากับดักของเกาหยุนคนนี้ สุดท้ายเกาหยุนก็รอดออกมาอย่างปลอดภัย แถมยังสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวได้ด้วย ผู้อาวุโสใหญ่ที่รู้เรื่องจึงไปตามหาตัวเกาหยุนเพื่อล้างแค้นแทนอาจารย์ แต่ใครจะไปรู้ว่าด้วยโชคที่เกาหยุนได้รับมาจากมิติลึกลับในครานั้นมันจะทำให้เขาก้าวเข้าสู่ฐานของอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ สุดท้ายผู้อาวุโสใหญ่จึงพ่ายแพ้และเกือบถูกเกาหยุนสังหาร หากไม่ใช่เพราะว่าท่านเจ้าเมืองออกมารับหน้าเองในตอนนั้น ผู้อาวุโสใหญ่คงไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้”
เย่หยวนไม่เคยคิดเลยว่าคนนั้นสองจะมีชะตาร่วมกันแบบนี้มาก่อน
ตอนที่เขาพาเล่งหยูกลับออกมา เมื่อเล่งหยูได้ยินว่าอู๋ซิงถังเสียชีวิตลงแล้วเขาก็เศร้าใจไปไม่น้อย
แน่นอนว่าอู๋ซิงถังคนนี้คงเป็นศิษย์รักคนหนึ่งของเล่งหยูไม่ผิดแน่
……………….……………….