เมื่อคำพูดแบบนั้นดังขึ้นทุกเสียงที่กำลังล้อมเย่หยวนอยู่ก็พลันเงียบลง
แต่ไม่นานนักมันก็ดังขึ้นมาใหม่
“ใช่! เรามาในวันนี้ต่างมาเพื่อช่วยเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ทั้งสิ้น แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธไม่พอเราลงไปด้วยกัน?”
“เรามาเพื่อต่อสู้ให้แก่มวลมนุษย์ หากเขาไม่พาเราลงไปด้วย มันย่อมหมายความว่าเขาคิดหักหลังเผ่าพันธุ์!”
“ตอนนี้เผ่าปีศาจจ้องจะกัดกินพวกเราตาเป็นมัน ยิ่งเรามีคนลงไปด้วยมาก มันก็ยิ่งจะเป็นพลังที่ช่วยเหลือกันได้! หากวันนี้เขาไม่พาพวกเราทั้งหลายลงไปด้วยเหตุผลอันเห็นแก่ตัว เรื่องแบบนั้นคนในโลกหล้าคงไม่มีใครยอมรับแน่!”
…
คนเหล่านี้ได้พบว่าจู่ๆ เกาหยุนก็ได้ให้เห็นเหตุผลอันดีงามแก่พวกเขา
เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งหลายจึงไม่ลังเลที่จะแสดงความเห็นด้วยออกมา
ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายต่างแสดงเหตุผลอันสวยหรูดีงามออกมา ราวกับว่าตัวเองนั้นเป็นตัวแทนแห่งความยุติธรรม เป็นผู้กล้าจากเรื่องเล่าในตำนานก็ไม่ปาน
พวกเขาต่างเชื่อในใจว่าด้วยการกดดันขนาดนี้ ต่อให้เย่หยวนไม่ยอม ทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็คงช่วยพูดอะไรสักอย่างกับเย่หยวนจนเขาต้องยอมเข้าแน่ๆ
ไม่มีเมืองจักรพรรดิที่ไหนกล้าจะรับความผิดเช่นนั้น
แน่นอนว่าทางเจิ่งชีก็มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาพยายามที่จะเปิดปากพูดออกมา แต่กลับไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร
จนในที่สุดผู้อาวุโสที่มาด้วยกันคนหนึ่งก็ทนไม่ไหวจนต้องพูดขึ้นแทน “ผู้อาวุโสเย่ ทำไมเรา… ไม่พาพวกเขาทั้งหมดลงไปด้วยล่ะ! เรื่องแบบนี้… เรื่องแบบนี้มันไม่ตลกเลย”
“ใช่แล้วผู้อาวุโสเย่ ความผิดแบบนั้น เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราไม่มีทางรับมันไว้ได้แน่!”
เกาหยุนที่มองดูภาพนั้นอยู่จึงยิ้มขึ้นมาอย่างสะใจ
ให้เขาเข้าไปขอร้องเย่หยวน?
ไม่มีทาง!
ตอนนี้เกาหยุนรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเพียงแค่ใช้คำพูดเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อได้มีข้ออ้างแบบนั้นแล้วใครจะยังอยากก้มหัวอีก?
เย่หยวนนั้นเงียบไปนานโดยที่ไม่คิดจะตอบโต้อะไร เขาเอาแต่มองดูหน้าของคนที่พูดเสริมเกาหยุน
พวกเขาทั้งหลายเหล่านี้ดูภายนอกอาจจะเหมือนมาเพื่อช่วยเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ต่อต้านเผ่าปีศาจ แต่จริงๆ แล้วพวกเขาต่างก็มาเพื่อหวังจะเสี่ยงโชคกันทั้งนั้น
เรื่องนี้เย่หยวนเข้าใจดีตั้งแต่ก่อนจะมาแล้ว
คนเหล่านี้นั้นแตกแยกกันเป็นก๊กเป็นฝ่าย ไม่มีความสามัคคีเหมือนที่เผ่าปีศาจมี
หากไปเจอเผ่าปีศาจเข้าจริงๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรได้บ้าง
ไม่นานนักเสียงเหล่านั้นก็ค่อยๆ เงียบกันลง จนสุดท้ายเมื่อสิ้นเสียงคนลง เย่หยวนก็เป็นฝ่ายที่พูดขึ้น “วางท่ากันเสร็จรึยัง?”
เมื่อผู้คนได้ยินแบบนั้นใบหน้าของเขาทั้งหลายก็กระตุกขึ้นทันที ก่อนที่เย่หยวนจะค่อยๆ เปิดปากพูดต่อ “อืม… ดูเหมือนว่าจะวางท่ากันจบแล้ว งั้นขอข้าพูดอะไรหน่อย อย่างแรก อย่าคิดจะใช้เรื่องความถูกต้องของเผ่ามนุษย์มากดดันข้าคนนี้ไปหน่อยเลย สิ่งที่ข้าคนนี้ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นมันมากมายเกินกว่าที่พวกเจ้าจะเอาตัวเองมาเปรียบเทียบได้ อย่างที่สอง อย่าคิดจะใช้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มากดดันข้าไปหน่อยเลย ข้านั้นมิใช่คนที่อารมณ์เย็นนัก หากพวกเขากดดันข้ามากจริงๆ ข้าก็พร้อมที่จะออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปตอนนี้เลยเสียด้วยซ้ำ จากนั้นก็ไม่ต้องมีใครคิดจะลงไปกันแล้วล่ะ!”
เกาหยุนได้ยินแบบนั้นจึงยิ้มกว้างออกมา “หากไร้ซึ่งการปกป้องของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เจ้ายังคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้รึ?”
เย่หยวนหันไปมองและตอบสวนกลับไป “เจ้าเฒ่า หากข้าคนนี้ไม่พาพวกเจ้าลงไป เจ้าอยากมากัดคอข้าก็เข้ามาถ้าคิดว่ามีปัญญา!”
เกาหยุนหน้าเสียและกล่าวขึ้น “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าชายแก่คนนี้จะไม่กล้าแตะต้องเจ้าอย่างนั้นรึ?”
เย่หยวนนั้นไม่มีท่าทีกลัวเลยแม้แต่น้อยและตอบกลับไป “งั้นก็เข้ามาลองสิ!”
หลิงจี้คุนที่เห็นว่าดูท่าไม่ดีแล้วจึงเข้ามาเพื่อห้ามทั้งสองฝ่ายทันที
เพราะหากเรื่องราวมันแตกหักขึ้นจริงๆ คนที่ต้องเสียจริงๆ จะกลายเป็นฝ่ายเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ของเขาแทน
“ให้ตายเถอะ วันนี้เรามารวมตัวกันที่เหวอัญเชิญปีศาจนี้ก็เพราะว่าเห็นแก่หน้าเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์มิใช่รึ พี่เกาหยุน น้องเล็กเย่ มาทำใจร่มๆ กันไว้ก่อนเถอะ ดีไหม?” หลิงจี้คุนกล่าวห้าม
เย่หยวนนั้นไม่สนใจและพูดขึ้นต่อ “สาม ข้าคนนี้สามารถถูกชักนำได้ด้วยเหตุผล แต่จะไม่มีวันหลงคล้อยไปกับกฎหมู่! เมื่อสักครู่นี้ใครที่อ้างเรื่องเผ่ามนุษย์เพื่อมากดดันข้านั้นข้าจำหน้าพวกเจ้าไว้ได้หมดแล้ว! หากพวกเจ้ายังคิดอยากจะลงไปแต่ละคนก็จงจ่ายออกมาหนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะ! ห้ามขาดไปแม้แต่ผลึกเดียว! และอย่าได้อ้างว่าไม่มี และไม่ต้องคิดจะต่อรอง ข้าคนนี้ไม่ใช่เด็กสามขวบ คนที่เหลือข้าสามารถพาลงไปได้ฟรีๆ”
นั้นทำให้คนที่พูดเสริมเกาหยุนเมื่อสักครู่นี้ต้องหน้าเสียไปในทันทีราวกับว่าได้กลืนแมลงตัวยักษ์เข้า
เพราะราคาที่ว่าคือหนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะ!
แต่ทว่าเกาหยุน หลิงจี้คุน เจิ่งชีกลับแสดงอาการตื่นตระหนกขึ้นในใจ
พวกเขานั้นล้วนเป็นยอดคนที่มีพลังอำนาจมากล้น พวกเขาย่อมล้วนเคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มามาก
แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่หยวนจะแก้สถานการณ์อันหนักหน่วงนั้นได้ด้วยพลังแห่งเงินตรา
เขาละทิ้งอารมณ์ส่วนตัว พาคนลงไปเสริมกำลังได้ แถมยังสร้างเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
นี่มัน… ช่างเป็นวิธีการที่แยบยลนัก!
อยากไปเหรอ?
ได้ แต่จ่ายมา!
และผู้คนที่กล่าวเสริมเกาหยุนเมื่อสักครู่นั้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางทั้งสิ้น
ด้วยความที่พวกเขาไม่มีปัญญาพอที่จะลงไปเอง แต่ก็ไม่อยากเสียหน้า พร้อมทั้งยังอยากสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับยอดฝีมืออย่างเกาหยุนที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว พวกเขาทั้งหลายจึงกล้าที่จะกล่าวอะไรแบบนั้นออกมา
ส่วนพวกที่อ่อนแอกว่านั้น เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นต้นต่างไม่คิดที่จะพูดอะไรใดๆ ออกมา
เพราะแม้เย่หยวนนั้นจะยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำ แต่เขาก็เป็นผู้อาวุโสแห่งเมืองจักรพรรดิตัวจริงเสียงจริง
ด้วยตำแหน่งแบบนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางคิดจะไปลบหลู่เขาอย่างเด็ดขาด จึงไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมา
ตอนนี้เหล่าคนที่ไม่กล้าจะพูดออกมานั้นต่างแอบดีใจกันยกใหญ่ โชคดีจริงๆ ที่พวกเขาไม่ได้โยนหินตามลงในบ่อน้ำเมื่อสักครู่
เจ้าเหยียบย่ำข้าแล้วยังคิดจะให้ข้าพาลงไป?
คิดหรือว่าเย่หยวนจะปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบถึงขนาดนั้น?
หากไม่ถึงตาย ข้าก็ขอลอกหนังพวกเจ้าออกมาสักสองสามชั้นล่ะ!
เย่หยวนนั้นกำหนดราคาหนึ่งพันล้านออกมา แน่นอนว่าเขาย่อมมีเป้าหมายในใจ
เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางเหล่านี้ต่างมาจากตระกูลใหญ่ในเมืองจักรพรรดิ มีอำนาจที่ล้นเหลือ จึงร่ำรวยกว่านักยุทธภายนอกทั่วๆ ไปมากมายหลายเท่านัก
หนึ่งพันล้านนั้นสำหรับพวกเขามันเป็นจำนวนที่เอาออกมาได้ไม่ยาก เพียงแต่การทำแบบนั้นมันคงจะเสียหน้าไม่น้อย
“ทำไมล่ะ? ไม่อยากลงไปกันสินะ? ผู้อาวุโสใหญ่หลิง นี่ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้หน้าพวกเขานะ นี่เป็นตัวพวกเขาเองที่ไม่อยากลงไป! ส่วนคนที่ไม่ได้วางท่าไปด้วยเมื่อสักครู่นี้จงมายืนอยู่ฝั่งนี้เถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าทั้งหมดลงไปเอง” เย่หยวนกล่าวอย่างเย็นชา
เมื่อสิ้นเสียง คนจำนวนมากมายก็วิ่งมาอยู่ข้างกายเย่หยวนในทันทีด้วยความกลัวที่ว่าจะถูกทิ้งไว้
ไม่นานนักคนนับร้อยก็ได้มายืนอยู่ด้านหลังเย่หยวนแล้ว
เพราะสุดท้ายคนที่พูดเสริมเกาหยุนมันก็เป็นแค่คนส่วนน้อย
ตอนนี้พวกเขายืนอยู่อย่างเดียวดายราวกับดอกไม้ที่ไม่มีใครชื่นชม
พูดเสร็จเย่หยวนก็ปล่อยพลังแนวคิดแห่งห้วงมิติออกมา เย่หยวนทำท่าจะพาคนพวกนี้ลงไปแล้วจริงๆ
แล้วคนพวกนั้นจะยังรออยู่ได้อย่างไร? พวกเขาหน้าเสียกันในทันที
“ผู้อาวุโสเย่ หนึ่งพันล้าน ข้าจะจ่าย! เมื่อสักครู่… เมื่อสักครู่ข้าได้กล่าวหาท่านไปต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง”
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาพร้อมหยิบแหวนเก็บของยัดใส่มือเย่หยวนไป
เย่หยวนจับแหวนนั้นดูและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อืม เงินมันแก้ปัญหาได้เสมอแหละ ไปอยู่ทางนั้นกับคนอื่นๆ สิ หนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะใช้ซื้อโอกาสดีๆ แบบนี้ เจ้าไม่มีอะไรต้องเสียเลยสักนิด! หึหึ”
คนๆ นั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้รับการอภัยโทษแล้วจึงรีบเข้าไปยืนอยู่หลังเย่หยวนทันที
เมื่อมีคนนำ ใครจะยังทนอยู่กับที่ได้? พวกเขาทั้งหลายต่างรีบจ่ายผลึกปราณเทวะออกมาให้แก่เย่หยวนเพราะกลัวว่าเย่หยวนจะกลับคำพูด
เจิ่งชีนั้นได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
แค่ไม่กี่อึดใจ เย่หยวนกลับสามารถหาผลึกปราณเทวะมาได้นับหมื่นล้าน!
นี่มัน… นี่มันยิ่งกว่าไปเปิดเหมืองผลึกปราณเทวะเสียอีก!
หาเงินมันทำได้ง่ายขนาดนี้เลยรึ?
ส่วนเกาหยุนนั้นมีสีหน้าคนละขั้วกับเจิ่งชีอย่างสิ้นเชิง
“ผ-ผู้อาวุโสใหญ่ เราจะทำอย่างไรดี?” ลูกน้องของเกาหยุนถามขึ้น
แน่นอนว่าตอนนี้เขาคงกังวลจนถึงขีดสุดแล้ว
เกาหยุนชักสีหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เย่หยวนได้ไล่ต้อนเขาและทำให้เขาเสียหน้าอย่างกู่ไม่กลับแล้ว
ตอนนี้มีแค่เมืองจักรพรรดิยอดสันติเท่านั้นที่ถูกกีดกันออกจากวง
เกาหยุนจึงกัดฟันแน่นและกล่าว “ไป!”
ยอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นยิ้มร่าออกมาราวกับได้รับการอภัยโทษ พวกเขารีบมุ่งหน้าเข้าไปหาเย่หยวนและพยายามที่จะจ่ายผลึกปราณเทวะออกมา
แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่คิดจะรับมันและหันไปมองหน้าเกาหยุนอย่างเยือกเย็น “เฒ่าเกา หากคนของเจ้าอยากจะลงไป ก็ย่อมลงไปได้ แต่… มิใช่กับราคานี้!”
……………………………………………..