เกาหยุนเปลี่ยนสีหน้าและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเย็นเหยียบว่า “เจ้าว่ายังไงนะ?”
แม้จะต้องเผชิญหน้ากับจิตสังหารของเกาหยุน แต่เย่หยวนก็ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาแค่ตอบกลับไปอย่างเยือกเย็นไม่แพ้กัน “เฒ่าเกา เจ้าคิดว่านายน้อยผู้นี้มีความอดทนสูงมากนักใช่ไหม? เดิมทีมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอันใดเลย แต่เจ้ากลับคิดใช้คำว่า ‘เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์’ มากดดันข้า ดูยังไงก็เป็นฝ่ายเจ้าชัดๆ ที่เป็นคนตอแหลโลภมาก แต่เจ้ากลับยังกล้าใช้คำว่าเพื่อเผ่าพันธุ์มากดดันข้าด้วยสีหน้าไร้ยางอาย เจ้าคิดว่าข้าเป็นแค่เด็กสามขวบหรืออย่างไรที่จะไม่รู้ทันเจ้า? ช่างน่ารังเกียจนัก!”
ทุกคนเงียบและหันมามองหน้าเย่หยวนด้วยสายตาอันตื่นตะลึงทันที
การที่เขากล้าพูดแบบนี้ต่อหน้ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว… เย่หยวนคนนี้คงไม่กลัวที่จะตายเสียแล้ว
เพราะแม้ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวจะยังไม่ใช่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่แท้จริง แต่พวกเขาก็ยังเป็นตัวตนที่อยู่เหนือโลกทั้งปวงได้อย่างง่ายดาย
เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายจึงต่างพยายามประจบเกาหยุนและกดดันเย่หยวน
ตอนนี้ใจของเกาหยุนเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้จนทำให้ลมหายใจของเขาเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความโกรธ
สีหน้าของเขามืดมนลงมาก ก่อนที่ชายแก่คนนี้จะพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันเย็นยะเยือกที่ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องขนลุกชัน “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าอย่างนั้นเรอะ?”
พลังปราณของอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวได้ถูกปลดปล่อยออกมา กลายเป็นพลังงานที่กดดันทุกผู้คนในบริเวณ
แต่เย่หยวนกลับไม่ได้แสดงอาการตื่นกลัวและตอบกลับมาอย่างเรียบเฉย “เจ้าไม่กล้าหรอก ตอนนี้มีคนมากมายต้องการให้ข้าพาลงไป หากเจ้าสังหารข้าลงวันนี้ เจ้านั่นแหละที่จะได้กลายเป็นศัตรูของมนุษยชาติ!”
เมื่อเกาหยุนได้ยินแบบนั้นแรงกดดันที่เคยมีก็ค่อยๆ จางหายไปทันที
เจ้าเด็กคนนี้… เขาสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ภายในเวลาแค่อึดใจเดียว
ตอนนี้เมื่อเขาถูกเหตุผลแบบนี้กดดันทางเกาหยุนจึงไม่สามารถที่จะเถียงอะไรกลับออกไปได้เลย
ภายในจิตใจของเจิ่งชีที่อยู่ด้านข้างกำลังสั่นไหวอย่างอธิบายไม่ถูก
เด็กหนุ่มเย่หยวนคนนี้ เขาไม่ได้มีดีแค่ความสามารถที่เหนือล้น แต่วิธีการที่เขาใช้เองก็เหนือล้ำไม่แพ้ใคร
เดิมทีหากพลาดพลั้งไปเพียงเล็กน้อย ทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์และตัวเขาคงถูกลากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งแน่ ๆ
แต่ในชั่วพริบตานั้นเย่หยวนกลับพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างเหลือเชื่อ
ตอนนี้เมื่อถูกเย่หยวนพลิกเกมใส่แบบนี้ทางเกาหยุนจึงได้แต่ฝืนทนรับความอับอายเหล่านั้นไปเงียบๆ โดยไม่กล้าพูดอะไรต่อ
ทางเจิ่งชีที่ได้เห็นเกาหยุนในสภาพนั้นก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เกาหยุนนั้นเดือดดาล เขาอยากจะทำลายเย่หยวนลงให้สิ้นซากเสียตรงนี้
แต่เย่หยวนเองก็กล่าวออกมาด้วยเหตุผล เกาหยุนไม่มีทางกล้าทำอะไรเขาได้
เกาหยุนจึงได้แต่กัดฟันแน่นก่อนจะพูดออกมาอีกครา “งั้นจงบอกราคามา!”
เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้
เย่หยวนยิ้มและกล่าวขึ้น “ข้าจะลดให้ถูกๆ หนึ่งสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำต่อสองคน!”
ดวงตาของเกาหยุนเบิกโพลงก่อนที่เขาจะตะโกนขึ้น “เจ้าว่ายังไงนะ? กล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง! เจ้าคิดว่าสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำมันหาง่ายมากนักอย่างนั้นรึ?”
ทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่หยวนได้แต่หันไปมองหน้ากันด้วยความตื่นตกใจ
เพราะผู้อาวุโสเย่นั้นเสนอราคาได้สูงลิบ
แต่เย่หยวนก็เพียงแค่ยักไหล่และตอบกลับไป “เจ้านั้นคือยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว คนอย่างเจ้าจะไม่มีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำที่เหลือใช้ติดตัวบ้างเลยรึ? นี่คือราคาที่เจ้าจ่ายแลกกับอนาคตของคนรุ่นใหม่ในเมืองจักรพรรดิยอดสันตินะ ไม่มีทางที่จะไม่คุ้มค่าเลย หรือเจ้ามันเห็นแก่ตัวจนเกินกว่าที่จะยอมจ่ายเพื่ออนาคตของเมืองจักรพรรดิยอดสันติ?”
ตอนนี้เกาหยุนนั้นโกรธจนเคราสั่น แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ในสถานการณ์นี้
เจ้าเด็กคนนี้มันช่างเล่นลิ้นเก่งนัก
ตัวเกาหยุนนั้นมีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำอยู่ แต่ทำไมเขาถึงต้องเอามันมามอบให้เย่หยวนอย่างไร้เหตุผลด้วย?
“เด็กน้อย เจ้ากล้าที่จะร้องขอของชายแก่คนนี้ จงจำไว้เถอะว่ามันเป็นของที่สามารถฆ่าเจ้าได้ทุกเมื่อ” เกาหยุนบอกออกมาในเชิงขู่
“หึหึ เฒ่าคนนี้ช่างดุร้ายนัก เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนั้นหรอก จงรีบส่งมันมา มีคนอื่นเขารอข้าอยู่อีกเยอะ” เย่หยวนสวนกลับไปอย่างไม่แยแส
เกาหยุนนำสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำสามชิ้นออกมาอย่างไม่เต็มใจนักก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้ง “เด็กน้อย เอาของชายแก่คนนี้ไป เจ้าต้องได้คายมันออกมาสักวัน!”
เย่หยวนรับสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำมาและโยนดาบให้กับหนิงเทียนปิงทันที “เจ้ายังไม่มีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำใช่ไหม? ข้าขอมอบดาบนี้ให้เจ้า อ่า… มีใครอีกบ้างที่ยังไม่มีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำติดตัว?”
หนิงเทียนปิงในฐานะผู้พิทักษ์หอยุทธ์และหนึ่งในผู้ติดตามของเย่หยวนเดินออกมาทันที
ตอนนี้เขาได้รับดาบมาไว้ในมือด้วยจิตใจแสนปลื้มปริ่ม
เพราะแม้ตระกูลหนิงจะเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ แต่มันก็ยังเป็นการยากที่จะหาสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำแจกจ่ายให้ถึงมือสมาชิกตระกูลทุกคน
คงมีแค่เกาหยุนผู้ไม่ตายผู้นี้เท่านั้นที่เดินทางข้ามมิติลึกลับมามากมาย ด้วยวิธีการที่หลากหลายจึงจะสามารถมีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำติดตัวหลายชิ้น
และแม้หนิงเทียนปิงจะเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถหาสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำมาครอบครองได้
แต่ตอนนี้จู่ๆ เขาก็ได้รับมันมา แน่นอนว่าต่อจากนี้ไปเขาคงสามารถจัดการกับยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวคนอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวเขาก็ยังมั่นใจว่าพอสู้ได้
หนิงเทียนปิงจึงโค้งตัวลงขอบคุณเย่หยวนในทันที “ขอบพระคุณผู้อาวุโสเย่”
เย่หยวนยิ้มและตอบกลับมา “เจ้านั้นติดตามข้า แน่นอนว่าข้าต้องมอบประโยชน์คืนให้เจ้า”
ไม่นานนักเย่หยวนก็มอบสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำอีกสองชิ้นไปให้คนอื่น ทำให้ผู้ได้รับต้องตื้นตันอย่างสุดซึ้ง
ตอนนี้ฝั่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นตื่นเต้นกันอย่างถึงที่สุด และดูจากจำนวนคนอีกฝ่ายแล้ว อย่างน้อยๆ พวกเขาต้องจ่ายสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำออกมาอีกสองชิ้นถึงจะสามารถพาทุกคนไปได้
เพราะวันนี้มีผู้คนจากเมืองจักรพรรดิยอดสันติมาเยอะพอสมควร หากนับรวมๆ แล้วอาจจะถึงยี่สิบคนเลยก็เป็นได้
หากนับรวมเกาหยุนไปด้วย พวกเขาก็มีคนถึงสี่คนที่เป็นยอดคนอาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาว และเมื่อพวกเขาพาผู้ติดตามมาด้วยสามคน ก็นับรวมๆ คนที่เหลือได้กว่าสิบคน
หากพวกเขาอยากจะไปให้หมด ก็ต้องใช้สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำอีกหลายชิ้น
เกาหยุนกัดฟันแน่นและหันไปกล่าว “โม่ฮุย จู้หยุนไช้ พวกเจ้าแต่ละคนนำสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำออกมา!”
โม่ฮุยและจู้หยุนไช้ทั้งสองคนนี้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าแปดดาว เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็แทบกระอักเลือด
เพราะเขาคนนี้สร้างปัญหาเอง แต่ตอนจะแก้กลับคิดจะให้คนอื่นช่วยเหลือ!
แต่เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าคำสั่งของเกาหยุนพวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรกลับไป ทั้งสองจึงนำสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำของตัวเองออกมา
หลังจากเย่หยวนได้รับมันไป เขาก็หันไปแจกจ่ายต่อในทันที
เท่านี้กำลังของฝั่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างมากแล้ว
เจิ่งชีเห็นแบบนั้นจึงถามออกไป “เย่หยวน เจ้าได้สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำมาตั้งหลายชิ้น ทำไมไม่คิดจะเก็บไว้กับตัวบ้าง?”
เย่หยวนตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสใหญ่คิดว่าข้าขาดแคลนสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำหรือ?”
“อ่า…” เจิ่งชีถึงกับตอบอะไรกลับไปไม่ถูกหลังได้ยินแบบนั้น
ตอนนี้เย่หยวนนั้นเป็นเหมือนเศรษฐีใหม่ที่ใช้จ่ายอะไรอย่างไม่กลัวมันหมด
ในจำนวนสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำทั้งห้าชิ้นนั้นเขากลับแจกจ่ายมันออกไปอย่างไม่คิดที่จะลังเลแม้แต่น้อย
เมื่อเกาหยุนได้เห็นแบบนั้นเขาก็เลือดขึ้นหน้ามาอีกครั้งจนเกือบจะกระอักเลือดลงตรงนั้น
หากไม่ขาดแคลนสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำแล้วจะมาขูดรีดคนอื่นเขาทำไม?
และดูเหมือนเย่หยวนจะมองออก เขาจึงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแสนชั่วร้าย “ข้าแค่คิดว่ายอดฝีมืออย่างเฒ่าเกาควรเห็นใจนักยุทธชั้นล่างบ้าง เพราะยังไงเสียของพวกนี้เจ้าก็ไม่ได้ใช้ ทำไมไม่สู้เอาออกมาแจกจ่ายให้คนอื่นได้ใช้เพิ่มความสามารถการต่อสู้กัน ทำแบบนี้จะได้เพิ่มพลังต่อสู้ของเผ่ามนุษย์เราอย่างเห็นได้ชัด พวกเจ้าว่าไหมล่ะ? แม้ตัวข้าเองจะไม่ชอบขี้หน้าเฒ่าเกามากนัก แต่เขาก็ยังทำคุณงามความดีกับมนุษยชาติไว้ด้วยเรื่องครั้งนี้ หากวันใดพวกเจ้าทั้งหลายได้ดีก็จงอย่าลืมบุญคุณในครั้งนี้ของเขาไปล่ะ”
“อ๊อก!”
ในที่สุดเกาหยุนก็ทนความโกรธแค้นที่สุมในใจไม่ไหว จนกระอักเลือดออกมา
เด็กคนนี้มันช่างเลวร้ายเสียจริงๆ
“ตายแล้วผู้อาวุโสเกาที่เคารพ ท่านไม่ควรฝืนตัวเองเลยนะ ท่านคือความหวังของมวลมนุษย์เรา ตัวตนที่จะขึ้นไปเหยียบอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ หากเกิดเรื่องใดๆ ขึ้นกับท่านเราจะทำยังไงกันต่อไปเล่า?” เย่หยวนรีบพูดขึ้นทันทีหลังเห็นเกาหยุนกระอักเลือด
เจิ่งชีที่เห็นท่าทางหยอกล้อนั้นของเย่หยวนก็กลั้นขำไว้ไม่อยู่ ต้องระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา
ในเวลาหลายหมื่นปีมานี้ เขาไม่เคยจะได้หัวเราะอย่างอิ่มอกอิ่มใจเท่าวันนี้เลย
“เอาล่ะ ตอนนี้มันก็ช้ามากแล้ว เราไม่ควรปล่อยให้พวกปีศาจมันได้นำหน้าเราไปก่อน เราต้องรีบไปแล้ว หลังจากนี้พอข้าเริ่มใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติแล้วพวกเจ้าจงอย่าขัดขืน ไม่เช่นนั้นหากมีใครติดอยู่ในห้วงมิติก็อย่าได้มาโทษข้าล่ะ” เย่หยวนบอก
…………………………………