ตอนที่ 1628 เต่าดำแม่เหล็กอนันต์
คำพูดนั้นของเกาหยุนทำให้ทุกผู้คนเงียบลงในทันที
เพราะหากเทียบกับการเอาชีวิตเย่หยวนแล้วการหาสมบัตินั้นเป็นเรื่องที่สำคัญกว่ามากอย่างไร้ข้อเปรียบ
เหตุผลเดียวที่พวกเขาคิดจะฆ่าเย่หยวนมาแต่แรกก็เพราะพวกเขาคิดว่าเย่หยวนนั้นอ่อนแอ เป็นเป้าหมายที่จัดการได้ง่ายดาย
แต่ใครจะคิดล่ะว่าเย่หยวนจะแข็งแกร่งปานนี้ สามารถรับมือกับยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าคนได้ด้วยตัวคนเดียว แถมยังสังหารไปได้อีกตั้งหนึ่งคนหนึ่ง
ด้วยพลังฝีมือขนาดนี้ยังจะมีใครกล้าดูถูกเขาอีก?
เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวหรืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว แต่คนส่วนใหญ่ที่มาล้วนแล้วแต่เป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามถึงสี่ดาวทั้งนั้น
ต่อให้พวกเขาจะเก่งกาจกว่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวธรรมดาๆ มากแค่ไหน มันก็ยังไม่ได้ห่างชั้นจนมองข้ามตัวตนของเย่หยวนไปได้
หากเข่นฆ่ากันต่อไปแบบนี้ ทั้งสองฝ่ายมีแต่จะต้องสูญเสียอย่างหนักหน่วง ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยแม้แต่นิด
เจิ่งชีจึงพูดเยาะออกมา “ไอ้คนแก่ไร้สมอง เจ้ามันผันตัวเข้ากับพวกปีศาจเพื่อทำร้ายพวกพ้องเผ่าพันธุ์ตัวเอง! รอให้พวกเราออกได้ก่อนเถอะ ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะตอบคำถามคนทั่วหล้ายังไง”
แต่เกาหยุนกลับตอบมาอย่างไม่แยแสใดๆ “เรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเจ้าได้ออกไปจากที่นี่!”
หลิงจี้คุนเองก็ไม่ได้อยากจะสู้กันจนตายไปข้างมาแต่แรกแล้ว เขาจึงขึ้นมาช่วยเป็นตัวกลางให้ “ไหนๆ มันก็เป็นแบบนี้แล้ว ตอนนี้เราก็มาหยุดพักรบกันไว้ก่อน ให้ทุกคนได้มีโอกาสออกไปหาสมบัติด้วยกัน! เย่หยวน เจ้ามีข้อโต้แย้งอะไรไหม?”
พูดจบเขาก็หันไปหาเย่หยวน
แน่นอนว่าความเห็นของเย่หยวนนั้นสำคัญที่สุดในการตัดสินเรื่องราวครั้งนี้
เย่หยวนพยักหน้ารับและตอบกลับมา “ข้าไม่มีอะไรจะแย้ง”
เมื่อทุกคนได้เห็นแบบนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา
วันนี้พวกเขามาหาสมบัติ ไม่ได้มาเพื่อทำสงครามเสี่ยงชีวิต
หากสุดท้ายพวกเขาไม่ได้เจอสมบัติ การตายไปตรงนี้มันก็คงมีแต่ความเสียเปล่า
ดาราสวรรค์พูดขึ้น “ถ้าเป็นเช่นนั้น ทุกคนก็เริ่มออกเดินทางกันเถอะ!”
แต่เย่หยวนกลับขัดขึ้น “หากข้าเป็นพวกเจ้า ข้าจะหยุดพักรักษาตัวกันก่อน”
ดาราสวรรค์ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเยาะเย่หยวนออกมา “เด็กน้อย เรื่องอะไรข้าต้องฟังเจ้าด้วย?”
เย่หยวนจึงได้แต่ยักไหล่ตอบกลับไป “งั้นก็จงไปเถอะ ข้ายังไม่อยากออกไปหาที่ตายหรอก”
และเป็นตี้เอิ่นที่เข้ามาห้ามดาราสวรรค์ก่อนจะหันไปถามเย่หยวน “ตอนนี้พวกเราทั้งหลายนั้นเหมือนมดในรังเดียวกันแล้ว หากเจ้ามีความเห็นว่าอย่างไรทำไมไม่พูดมันออกมาเล่า?”
เย่หยวนได้แต่กลอกตาตอบ “เจ้าสิมดปลวก! ตระกูลเจ้ามันมีแต่มดปลวกทั้งนั้น แล้วใครอยู่รังกับเจ้า? อย่าคิดว่าข้าผู้นี้จะไม่รู้เชียวว่าเจ้าคิดวางแผนอะไรกันไว้ อยากหลอกลวงข้าเรอะ? ไม่มีทางเสียล่ะ!”
ตี้เอิ่นแทบสำลักหลังได้ยินแบบนั้น ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเด็กคนนี้มันช่างฉลาดเฉลียวแยบยล แผนการของพวกเขากลับถูกเปิดเผยออกมาด้วยคำพูดเดียวของเขา
มันไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะปล่อยเย่หยวนไปง่ายๆ เช่นนี้ ตราบเท่าที่ยังมีโอกาสพวกเขาก็จะทำทุกทางเพื่อกำจัดเย่หยวน
มันเป็นเพราะว่าตอนนี้เป้าหมายของทุกผู้คนต่างเป็นการตามหาสมบัติ นั่นจึงทำให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์ในตอนนี้ยังอยู่ร่วมกันได้
“ตอนนี้ฝูงหนูยักษ์แทะกระดูกที่ตามเรามาได้หายไปแล้ว มันไม่ได้หมายความว่าพวกมันตามความเร็วเราไม่ทัน แต่มันเป็นเพราะว่าข้างหน้ามีบางอย่างที่ทรงพลังจนพวกมันกลัวอยู่ต่างหากเล่า! เอาจริงๆ ตอนนี้เราอาจจะอยู่ในเขตแดนของมันแล้วก็ได้!” เย่หยวนบอกทุกคน
คำพูดนี้ของเย่หยวนมันเปลี่ยนให้ทุกคนหน้าซีดลงได้อย่างฉันพลัน
เพราะเมื่อสักครู่พวกเขาวิ่งหนีกันมาอย่างไม่คิดชีวิตโดยที่ไม่มีใครทันคิดเรื่องนี้เลย
แต่ตอนนี้พอได้ยินคำเตือนของเย่หยวน มันจึงทำให้พวกเขาได้สติขึ้น
ตึบ! ตึบ! ตึบ!
เย่หยวนยังพูดไม่ทันขาดคำเสียงฝีเท้าของบางอย่างก็ดังขึ้น ปรากฏร่างของเต่าขนาดมหึมาต่อสายตาของทุกผู้คน
เมื่อทุกคนได้เห็นร่างของเต่าตัวนี้ สีหน้าของพวกเขาก็ซีดเซียวลงในทันที
เพราะเต่าตัวนี้มันปล่อยคลื่นพลังที่รุนแรงมากออกมา แค่ดูก็รู้ได้ว่ามันอยู่ในระดับสี่ขั้นปลาย
หากพวกเขาไม่ถูกกดพลังไว้ มันก็อาจจะยังพอมีทางสู้
แต่ตอนนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเกาหยุนกลับมีพลังเทียบแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาว
ที่สำคัญเขายังบาดเจ็บหนักจนต่อสู้ไม่ได้มากมายนัก
“โฮ่ก!”
เสียงกู่ร้องของมันดังสะท้อนไปทั่ว แรงสั่นสะเทือนของเสียงทำให้หินหลายก้อนร่วงลงมาจากพื้นที่รอบๆ
เกาหยุนที่หน้าซีดเผือดได้แต่พูดออกมาอย่างเจ็บใจ “ให้ตายสิ ทำไมมันถึงได้มีสัตว์อสูรระดับนี้อยู่ที่นี่ได้กัน!”
และเป็นดาราสวรรค์ที่พูดขึ้นต่อ “ยิ่งผู้เฝ้าสมบัติแข็งแกร่งแค่ไหน สมบัติที่มันเฝ้าก็จะยังทรงคุณค่ามากเท่านั้น! ต่อให้เจ้าเต่ายักษ์ตัวนี้มันจะทรงพลังแค่ไหนมันก็น่าจะช้าตามประสาเต่า เราจะใช้ความเร็ววิ่งผ่านมันไปกัน!”
ได้ยินแบบนั้นดวงตาของทุกคนก็ลุกวาวขึ้นทันที แต่เกาหยุนไม่คิดจะรอช้าเขาเปลี่ยนร่างเป็นเงาแสงพุ่งไปข้างหน้า หมายว่าจะใช้ความเร็วอ้อมตัวเต่ายักษ์ไปด้านหลัง!
“ไปกัน!” ดาราสวรรค์ตะโกนและวิ่งไล่หลังเกาหยุนไป
ตอนนี้ทุกคนใช้ความสามารถที่ตัวเองมีพยายามรีดความเร็วออกมาให้ได้มากที่สุด หวังเพียงว่าจะวิ่งผ่านเต่าไปโดยไม่ให้มันได้ทันทำอะไร
เจิ่งชีเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันออกตัวเขากลับเห็นว่าเย่หยวนยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่คิดจะไปที่ไหน เขาจึงอดสงสัยไม่ได้ต้องถามออกไป “เย่หยวน สมบัติน่าจะอยู่ไม่ไกลแล้ว หากเราไม่รีบมันจะไม่ทันพวกนั้นเอานะ!”
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับมา “ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เต่าดำแม่เหล็กอนันต์ไม่ใช่สัตว์ที่เรารับมือได้ง่าย ๆ แบบนั้น”
เจิ่งชีได้แต่มองหน้าเย่หยวนอย่างไม่อยากจะเชื่อขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองภาพตรงหน้าด้วยหางตาอีกครา
ตอนนี้เขาเห็นว่าเต่าดำแม่เหล็กอนันต์กำลังอ้าปากกว้าง ก่อนจะมีลูกบอลแสงพุ่งออกมา
บุ่ม! บุ่ม! บุ่ม!
บอลแสงพวกนั้นถูกยิงออกมาเหมือนเป็นกระสุนปืนใหญ่ มันลอยล่องไปกระแทกหินจากทั้งสองฝั่งผาให้ร่วงลงมาอย่างรุนแรง
แรงดึงดูดของก้นเหวนี้มันรุนแรงมาก เมื่อหินตกลงมา มันยิ่งมีพลังมากกว่าการตกปกติหลายเท่า
“อ้ากกก!”
ตอนนี้มียอดฝีมือเผ่าปีศาจคนหนึ่งถูกหินยักษ์ร่วงลงมาทับจบแหลกคาที่พร้อมเสียงร้องนั้นที่เงียบหายไป ดูแล้วแม้แต่วิญญาณของเขาก็คงไม่สามารถหนีออกมาได้
จังหวะนั้นเองที่รอบๆ ตัวมันมีหินร่วงลงมาเต็มไปหมด พวกมันร่วงลงทุกที่ ทุกทิศรอบตัวเต่า
เมื่อเต่าดำโกรธ โลหิตจะไหลเป็นสายธาร
ไม่กี่อึดใจพวกเขาก็เสียเหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าไปเกือบครึ่ง
เกาหยวนและพวกคนที่เหลือที่ไปได้แค่ครึ่งทางจึงเลือกที่จะวิ่งกลับมาอย่างเต็มแรง ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายต่างมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
เพราะแค่สัตว์ตัวเดียวที่ขวางทางไว้ พวกเขาทั้งหลายกลับไม่สามารถผ่านไปได้สักคน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งปานนี้?” เกาหยุนพูดด้วยเสียงหอบ
“ไม่รู้ ข้าเองก็เพิ่งจะเคยเจอมันเหมือนกัน!” ดาราสวรรค์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก
“ไม่แปลกใจเลยที่พวกหนูยักษ์แทะกระดูกมันไม่กล้าไล่เราเข้ามาในบริเวณนี้! เพราะที่นี่เป็นอาณาเขตของยอดสัตว์อสูรสุดทรงพลัง! ต่อให้เป็นพวกเราตอนสภาพสมบูรณ์พร้อมก็ยังไม่แน่เลยว่าจะสามารถรับมือกับเจ้าเต่ายักษ์นี่ได้!” ตี้เอิ่นพูดขึ้น
“ให้ตายสิ สมบัติอยู่แค่เอื้อมแล้วแท้ๆ จะให้เรากลับไปทั้งๆ แบบนี้เหรอ?” เชียนอันเองก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเหมือนกัน
เย่หยวนจึงกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา “เต่าดำแม่เหล็กอนันต์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่หายากและชอบอาศัยอยู่ในที่ที่มีสนามแม่เหล็กรุนแรง พลังสนามแม่เหล็กแรงดึงดูดที่ปกคลุมที่นี่ไว้นี่แหละคือสิ่งที่เต่าดำแม่เหล็กอนันต์ชอบมากที่สุด มันสามารถใช้พลังวิญญาณผสานกับสนามแม่เหล็กสร้างปืนใหญ่พลังงานได้ เฒ่าเกา ต่อให้เป็นเจ้าในตอนสมบูรณ์พร้อมก็ยังไม่ใช่คู่มือของมันหรอก”
เกาหยุนได้แต่กัดฟันแน่นเมื่อได้ยินแบบนั้น “กลายเป็นว่าเจ้ารู้ว่ามันคือตัวอะไร! เพราะแบบนั้นเจ้าถึงปิดปากเงียบและเอาแต่รอ! เจ้าอยากให้เราไปตายกับปืนใหญ่วิญญาณของมันนี่เอง!”
เย่หยวนจึงกลอกตาก่อนจะตอบกลับไป “ถ้าใช่แล้วมันจะทำไม? ข้าแค่หวังว่าจะให้พวกเจ้าโดนทับตายไปให้หมดเสีย! นี่ข้า… เคยปิดบังเรื่องนั้นด้วยเหรอ?”
“เจ้า!” เกาหยุนแทบสำลักหลังได้ยินแบบนั้น เกือบจะทำให้แผลที่กำลังสมานตัวเปิดออกอีกครั้ง
“หึ! หากชายแก่คนนี้ผ่านไปไม่ได้ เจ้าจะมีปัญญาผ่านไปได้หรือ? เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังขนาดนี้ ทั้งเจ้าทั้งข้าต่างก็ไม่มีใครจะได้สมบัติไปทั้งนั้นแหละ!” เกาหยุนพูดอย่างคับแค้น
แต่เย่หยวนก็ยักไหล่สวนและตอบ “เจ้ามันคิดอะไรตื้นเกินไป! เจ้าคิดว่าหากเจ้าผ่านไปได้เจ้าจะมีปัญญาเอาสมบัติรึ?”
เกาหยุนหันมาถามด้วยความแปลกใจทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “นี่เจ้าโง่จริงหรือแกล้งโง่กันเนี่ย? หากมียอดสัตว์อสูรที่ทรงพลังขนาดนี้เฝ้า มีหรือที่มันจะเป็นแค่สมบัติเชียนเทียนธรรมดาๆ เจ้าคิดว่าของระดับนั้นคนอย่างเจ้าที่มีพลังแค่อาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวจะเอามันมาครองได้รึ?”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น สีหน้าของพวกเขาทั้งหลายก็เปลี่ยนไปทันที
และเป็นตอนนั้นเองที่จู่ๆ ก็มีพลังงานวิญญาณหนาแน่นก่อตัวเป็นรูปดาบพุ่งออกมา ราวกับว่ามันมาจากเส้นขอบฟ้าและพุ่งตรงเข้าไปหาเต่าดำแม่เหล็กอนันต์ในทันที!
ฉัวะ!
ร่างมหึมาของเต่าดำแม่เหล็กอนันต์ถูกฟันเข้าอย่างแรงส่งชิ้นเนื้อกระจายไปทั่ว
ตอนที่ 1628 เต่าดำแม่เหล็กอนันต์
คำพูดนั้นของเกาหยุนทำให้ทุกผู้คนเงียบลงในทันที
เพราะหากเทียบกับการเอาชีวิตเย่หยวนแล้วการหาสมบัตินั้นเป็นเรื่องที่สำคัญกว่ามากอย่างไร้ข้อเปรียบ
เหตุผลเดียวที่พวกเขาคิดจะฆ่าเย่หยวนมาแต่แรกก็เพราะพวกเขาคิดว่าเย่หยวนนั้นอ่อนแอ เป็นเป้าหมายที่จัดการได้ง่ายดาย
แต่ใครจะคิดล่ะว่าเย่หยวนจะแข็งแกร่งปานนี้ สามารถรับมือกับยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าคนได้ด้วยตัวคนเดียว แถมยังสังหารไปได้อีกตั้งหนึ่งคนหนึ่ง
ด้วยพลังฝีมือขนาดนี้ยังจะมีใครกล้าดูถูกเขาอีก?
เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวหรืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว แต่คนส่วนใหญ่ที่มาล้วนแล้วแต่เป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามถึงสี่ดาวทั้งนั้น
ต่อให้พวกเขาจะเก่งกาจกว่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวธรรมดาๆ มากแค่ไหน มันก็ยังไม่ได้ห่างชั้นจนมองข้ามตัวตนของเย่หยวนไปได้
หากเข่นฆ่ากันต่อไปแบบนี้ ทั้งสองฝ่ายมีแต่จะต้องสูญเสียอย่างหนักหน่วง ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยแม้แต่นิด
เจิ่งชีจึงพูดเยาะออกมา “ไอ้คนแก่ไร้สมอง เจ้ามันผันตัวเข้ากับพวกปีศาจเพื่อทำร้ายพวกพ้องเผ่าพันธุ์ตัวเอง! รอให้พวกเราออกได้ก่อนเถอะ ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะตอบคำถามคนทั่วหล้ายังไง”
แต่เกาหยุนกลับตอบมาอย่างไม่แยแสใดๆ “เรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเจ้าได้ออกไปจากที่นี่!”
หลิงจี้คุนเองก็ไม่ได้อยากจะสู้กันจนตายไปข้างมาแต่แรกแล้ว เขาจึงขึ้นมาช่วยเป็นตัวกลางให้ “ไหนๆ มันก็เป็นแบบนี้แล้ว ตอนนี้เราก็มาหยุดพักรบกันไว้ก่อน ให้ทุกคนได้มีโอกาสออกไปหาสมบัติด้วยกัน! เย่หยวน เจ้ามีข้อโต้แย้งอะไรไหม?”
พูดจบเขาก็หันไปหาเย่หยวน
แน่นอนว่าความเห็นของเย่หยวนนั้นสำคัญที่สุดในการตัดสินเรื่องราวครั้งนี้
เย่หยวนพยักหน้ารับและตอบกลับมา “ข้าไม่มีอะไรจะแย้ง”
เมื่อทุกคนได้เห็นแบบนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา
วันนี้พวกเขามาหาสมบัติ ไม่ได้มาเพื่อทำสงครามเสี่ยงชีวิต
หากสุดท้ายพวกเขาไม่ได้เจอสมบัติ การตายไปตรงนี้มันก็คงมีแต่ความเสียเปล่า
ดาราสวรรค์พูดขึ้น “ถ้าเป็นเช่นนั้น ทุกคนก็เริ่มออกเดินทางกันเถอะ!”
แต่เย่หยวนกลับขัดขึ้น “หากข้าเป็นพวกเจ้า ข้าจะหยุดพักรักษาตัวกันก่อน”
ดาราสวรรค์ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเยาะเย่หยวนออกมา “เด็กน้อย เรื่องอะไรข้าต้องฟังเจ้าด้วย?”
เย่หยวนจึงได้แต่ยักไหล่ตอบกลับไป “งั้นก็จงไปเถอะ ข้ายังไม่อยากออกไปหาที่ตายหรอก”
และเป็นตี้เอิ่นที่เข้ามาห้ามดาราสวรรค์ก่อนจะหันไปถามเย่หยวน “ตอนนี้พวกเราทั้งหลายนั้นเหมือนมดในรังเดียวกันแล้ว หากเจ้ามีความเห็นว่าอย่างไรทำไมไม่พูดมันออกมาเล่า?”
เย่หยวนได้แต่กลอกตาตอบ “เจ้าสิมดปลวก! ตระกูลเจ้ามันมีแต่มดปลวกทั้งนั้น แล้วใครอยู่รังกับเจ้า? อย่าคิดว่าข้าผู้นี้จะไม่รู้เชียวว่าเจ้าคิดวางแผนอะไรกันไว้ อยากหลอกลวงข้าเรอะ? ไม่มีทางเสียล่ะ!”
ตี้เอิ่นแทบสำลักหลังได้ยินแบบนั้น ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเด็กคนนี้มันช่างฉลาดเฉลียวแยบยล แผนการของพวกเขากลับถูกเปิดเผยออกมาด้วยคำพูดเดียวของเขา
มันไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะปล่อยเย่หยวนไปง่ายๆ เช่นนี้ ตราบเท่าที่ยังมีโอกาสพวกเขาก็จะทำทุกทางเพื่อกำจัดเย่หยวน
มันเป็นเพราะว่าตอนนี้เป้าหมายของทุกผู้คนต่างเป็นการตามหาสมบัติ นั่นจึงทำให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์ในตอนนี้ยังอยู่ร่วมกันได้
“ตอนนี้ฝูงหนูยักษ์แทะกระดูกที่ตามเรามาได้หายไปแล้ว มันไม่ได้หมายความว่าพวกมันตามความเร็วเราไม่ทัน แต่มันเป็นเพราะว่าข้างหน้ามีบางอย่างที่ทรงพลังจนพวกมันกลัวอยู่ต่างหากเล่า! เอาจริงๆ ตอนนี้เราอาจจะอยู่ในเขตแดนของมันแล้วก็ได้!” เย่หยวนบอกทุกคน
คำพูดนี้ของเย่หยวนมันเปลี่ยนให้ทุกคนหน้าซีดลงได้อย่างฉันพลัน
เพราะเมื่อสักครู่พวกเขาวิ่งหนีกันมาอย่างไม่คิดชีวิตโดยที่ไม่มีใครทันคิดเรื่องนี้เลย
แต่ตอนนี้พอได้ยินคำเตือนของเย่หยวน มันจึงทำให้พวกเขาได้สติขึ้น
ตึบ! ตึบ! ตึบ!
เย่หยวนยังพูดไม่ทันขาดคำเสียงฝีเท้าของบางอย่างก็ดังขึ้น ปรากฏร่างของเต่าขนาดมหึมาต่อสายตาของทุกผู้คน
เมื่อทุกคนได้เห็นร่างของเต่าตัวนี้ สีหน้าของพวกเขาก็ซีดเซียวลงในทันที
เพราะเต่าตัวนี้มันปล่อยคลื่นพลังที่รุนแรงมากออกมา แค่ดูก็รู้ได้ว่ามันอยู่ในระดับสี่ขั้นปลาย
หากพวกเขาไม่ถูกกดพลังไว้ มันก็อาจจะยังพอมีทางสู้
แต่ตอนนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเกาหยุนกลับมีพลังเทียบแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาว
ที่สำคัญเขายังบาดเจ็บหนักจนต่อสู้ไม่ได้มากมายนัก
“โฮ่ก!”
เสียงกู่ร้องของมันดังสะท้อนไปทั่ว แรงสั่นสะเทือนของเสียงทำให้หินหลายก้อนร่วงลงมาจากพื้นที่รอบๆ
เกาหยุนที่หน้าซีดเผือดได้แต่พูดออกมาอย่างเจ็บใจ “ให้ตายสิ ทำไมมันถึงได้มีสัตว์อสูรระดับนี้อยู่ที่นี่ได้กัน!”
และเป็นดาราสวรรค์ที่พูดขึ้นต่อ “ยิ่งผู้เฝ้าสมบัติแข็งแกร่งแค่ไหน สมบัติที่มันเฝ้าก็จะยังทรงคุณค่ามากเท่านั้น! ต่อให้เจ้าเต่ายักษ์ตัวนี้มันจะทรงพลังแค่ไหนมันก็น่าจะช้าตามประสาเต่า เราจะใช้ความเร็ววิ่งผ่านมันไปกัน!”
ได้ยินแบบนั้นดวงตาของทุกคนก็ลุกวาวขึ้นทันที แต่เกาหยุนไม่คิดจะรอช้าเขาเปลี่ยนร่างเป็นเงาแสงพุ่งไปข้างหน้า หมายว่าจะใช้ความเร็วอ้อมตัวเต่ายักษ์ไปด้านหลัง!
“ไปกัน!” ดาราสวรรค์ตะโกนและวิ่งไล่หลังเกาหยุนไป
ตอนนี้ทุกคนใช้ความสามารถที่ตัวเองมีพยายามรีดความเร็วออกมาให้ได้มากที่สุด หวังเพียงว่าจะวิ่งผ่านเต่าไปโดยไม่ให้มันได้ทันทำอะไร
เจิ่งชีเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันออกตัวเขากลับเห็นว่าเย่หยวนยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่คิดจะไปที่ไหน เขาจึงอดสงสัยไม่ได้ต้องถามออกไป “เย่หยวน สมบัติน่าจะอยู่ไม่ไกลแล้ว หากเราไม่รีบมันจะไม่ทันพวกนั้นเอานะ!”
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับมา “ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เต่าดำแม่เหล็กอนันต์ไม่ใช่สัตว์ที่เรารับมือได้ง่าย ๆ แบบนั้น”
เจิ่งชีได้แต่มองหน้าเย่หยวนอย่างไม่อยากจะเชื่อขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองภาพตรงหน้าด้วยหางตาอีกครา
ตอนนี้เขาเห็นว่าเต่าดำแม่เหล็กอนันต์กำลังอ้าปากกว้าง ก่อนจะมีลูกบอลแสงพุ่งออกมา
บุ่ม! บุ่ม! บุ่ม!
บอลแสงพวกนั้นถูกยิงออกมาเหมือนเป็นกระสุนปืนใหญ่ มันลอยล่องไปกระแทกหินจากทั้งสองฝั่งผาให้ร่วงลงมาอย่างรุนแรง
แรงดึงดูดของก้นเหวนี้มันรุนแรงมาก เมื่อหินตกลงมา มันยิ่งมีพลังมากกว่าการตกปกติหลายเท่า
“อ้ากกก!”
ตอนนี้มียอดฝีมือเผ่าปีศาจคนหนึ่งถูกหินยักษ์ร่วงลงมาทับจบแหลกคาที่พร้อมเสียงร้องนั้นที่เงียบหายไป ดูแล้วแม้แต่วิญญาณของเขาก็คงไม่สามารถหนีออกมาได้
จังหวะนั้นเองที่รอบๆ ตัวมันมีหินร่วงลงมาเต็มไปหมด พวกมันร่วงลงทุกที่ ทุกทิศรอบตัวเต่า
เมื่อเต่าดำโกรธ โลหิตจะไหลเป็นสายธาร
ไม่กี่อึดใจพวกเขาก็เสียเหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าไปเกือบครึ่ง
เกาหยวนและพวกคนที่เหลือที่ไปได้แค่ครึ่งทางจึงเลือกที่จะวิ่งกลับมาอย่างเต็มแรง ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายต่างมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
เพราะแค่สัตว์ตัวเดียวที่ขวางทางไว้ พวกเขาทั้งหลายกลับไม่สามารถผ่านไปได้สักคน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งปานนี้?” เกาหยุนพูดด้วยเสียงหอบ
“ไม่รู้ ข้าเองก็เพิ่งจะเคยเจอมันเหมือนกัน!” ดาราสวรรค์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก
“ไม่แปลกใจเลยที่พวกหนูยักษ์แทะกระดูกมันไม่กล้าไล่เราเข้ามาในบริเวณนี้! เพราะที่นี่เป็นอาณาเขตของยอดสัตว์อสูรสุดทรงพลัง! ต่อให้เป็นพวกเราตอนสภาพสมบูรณ์พร้อมก็ยังไม่แน่เลยว่าจะสามารถรับมือกับเจ้าเต่ายักษ์นี่ได้!” ตี้เอิ่นพูดขึ้น
“ให้ตายสิ สมบัติอยู่แค่เอื้อมแล้วแท้ๆ จะให้เรากลับไปทั้งๆ แบบนี้เหรอ?” เชียนอันเองก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเหมือนกัน
เย่หยวนจึงกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา “เต่าดำแม่เหล็กอนันต์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่หายากและชอบอาศัยอยู่ในที่ที่มีสนามแม่เหล็กรุนแรง พลังสนามแม่เหล็กแรงดึงดูดที่ปกคลุมที่นี่ไว้นี่แหละคือสิ่งที่เต่าดำแม่เหล็กอนันต์ชอบมากที่สุด มันสามารถใช้พลังวิญญาณผสานกับสนามแม่เหล็กสร้างปืนใหญ่พลังงานได้ เฒ่าเกา ต่อให้เป็นเจ้าในตอนสมบูรณ์พร้อมก็ยังไม่ใช่คู่มือของมันหรอก”
เกาหยุนได้แต่กัดฟันแน่นเมื่อได้ยินแบบนั้น “กลายเป็นว่าเจ้ารู้ว่ามันคือตัวอะไร! เพราะแบบนั้นเจ้าถึงปิดปากเงียบและเอาแต่รอ! เจ้าอยากให้เราไปตายกับปืนใหญ่วิญญาณของมันนี่เอง!”
เย่หยวนจึงกลอกตาก่อนจะตอบกลับไป “ถ้าใช่แล้วมันจะทำไม? ข้าแค่หวังว่าจะให้พวกเจ้าโดนทับตายไปให้หมดเสีย! นี่ข้า… เคยปิดบังเรื่องนั้นด้วยเหรอ?”
“เจ้า!” เกาหยุนแทบสำลักหลังได้ยินแบบนั้น เกือบจะทำให้แผลที่กำลังสมานตัวเปิดออกอีกครั้ง
“หึ! หากชายแก่คนนี้ผ่านไปไม่ได้ เจ้าจะมีปัญญาผ่านไปได้หรือ? เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังขนาดนี้ ทั้งเจ้าทั้งข้าต่างก็ไม่มีใครจะได้สมบัติไปทั้งนั้นแหละ!” เกาหยุนพูดอย่างคับแค้น
แต่เย่หยวนก็ยักไหล่สวนและตอบ “เจ้ามันคิดอะไรตื้นเกินไป! เจ้าคิดว่าหากเจ้าผ่านไปได้เจ้าจะมีปัญญาเอาสมบัติรึ?”
เกาหยุนหันมาถามด้วยความแปลกใจทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “นี่เจ้าโง่จริงหรือแกล้งโง่กันเนี่ย? หากมียอดสัตว์อสูรที่ทรงพลังขนาดนี้เฝ้า มีหรือที่มันจะเป็นแค่สมบัติเชียนเทียนธรรมดาๆ เจ้าคิดว่าของระดับนั้นคนอย่างเจ้าที่มีพลังแค่อาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวจะเอามันมาครองได้รึ?”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น สีหน้าของพวกเขาทั้งหลายก็เปลี่ยนไปทันที
และเป็นตอนนั้นเองที่จู่ๆ ก็มีพลังงานวิญญาณหนาแน่นก่อตัวเป็นรูปดาบพุ่งออกมา ราวกับว่ามันมาจากเส้นขอบฟ้าและพุ่งตรงเข้าไปหาเต่าดำแม่เหล็กอนันต์ในทันที!
ฉัวะ!
ร่างมหึมาของเต่าดำแม่เหล็กอนันต์ถูกฟันเข้าอย่างแรงส่งชิ้นเนื้อกระจายไปทั่ว