ตอนที่ 1640 การโจมตีจากรอบทิศ
ดวงตาของเย่หยวนแสดงความสับสนออกมาหลังเขากลับออกมาจากสภาวะไร้ตัวตน
“ผู้อาวุโส เหมือนว่า… มันจะมีเส้นทางเดียวจริงๆ ที่พอไปต่อได้!” เย่หยวนถอนหายใจยาวและหันหน้ามาบอกหวู่เฉิน
ตอนนี้เย่หยวนสามารถเข้าสู่สภาวะไร้ตัวตนได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
แต่ทว่าแม้จะเข้าไปคิดหาทางมากมายมหาศาลในสภาวะไร้ตัวตน เย่หยวนก็ยังไม่สามารถหาทางที่จสร้างวรยุทธบ่มเพาะระดับสี่ ได้
ในเวลา สามร้อยปีมานี้เย่หยวนได้ลองวิธีการต่างๆ มากมายมานับหมื่นนับพัน แต่มันก็ไม่มีทางไหนเลยที่สามารถพาเขาไปถึงฝั่งได้
หวู่เฉินพยักหน้ารับ “คงต้องเป็นอย่างนั้นแล้ว! หลายปีมานี้เจ้าได้เฝ้าลองดูมานับครั้งไม่ถ้วนเพื่อจะเปิดโลกภายในของตัวเอง แต่มันกลับไม่ได้ผลเสียที หรือจะบอกว่าวรยุทธบ่มเพาะระดับสี่ นี้ไม่ต้องเปิดโลกภายใน?”
เวลาที่เย่หยวนใช้ตามหาเส้นทางมาหลายต่อหลานปีนั้นมันอยู่ภายใต้สายตาของหวู่เฉินเสมอ
แต่สุดท้ายหวู่เฉินก็ไม่สามารถเข้าใจถึงมันได้เช่นกัน
ในเวลาหลายปีมานี้เย่หยวนได้พยายามหลายต่อหลายทางเพื่อที่จะเปิดโลกภายในของตัวเองออก แต่มันกลับไม่มีเส้นทางไหนเลยที่ได้ผล
มันราวกับว่าทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นถูกปิดกั้นอย่างไม่มีช่องว่างใดๆ ให้เปิดออกมาได้เลย
หลังผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วนเย่หยวนก็เริ่มหนักแน่นเหมือนบ่อที่ไม่มีน้ำ “ข้ารู้สึกว่าบางทีข้าอาจจะเดินทางผิดพลาดมาตลอดหลายปีนี้ มันอาจจะไม่ใช่การเปิดโลกภายในก็ได้ เส้นทางของวรยุทธนี้มันทำให้ข้าสับสนเสียจริงๆ”
หวู่เฉินกล่าวขึ้น “ชายแก่คนนี้เองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าหากไร้ซึ่งโลกภายในแล้วคนเราจะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าไปได้ยังไง? พลังของอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นอยู่กับโลกภายในตน หากไม่มีมันแล้วจะเอาพลังของโลกมาจากไหน? ต่อให้บรรลุขึ้นไปได้จริงๆ แล้วจะเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าที่ต่อสู้กับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าด้วยกันได้หรือ?”
เย่หยวนพยักหน้าขึ้น ปัญหานี้เองมันก็กัดกินใจข้ามานาน และจุดสำคัญในการบรรลุมันก็น่าจะอยู่ที่ตรงนี้นี่แหละ!
หวู่เฉินถอนหายใจยาว “ตอนนี้เจ้าคงได้แต่ไปที่เขาแห่งถงเทียนก่อนล่ะ แต่ทว่าที่เขาแห่งถงเทียนเองมันก็ไม่ใช่สวรรค์วิมาณ พลังของเจ้าในตอนนี้มันยังจะดูขาดๆ ไปเสียหน่อย”
เย่หยวนยิ้มออกมา “ไม่มีอะไรยากเกินกว่าคนจะพยายามหรอก ไม่ว่ามันจะลำบากแค่ไหน ข้าจะต้องฝ่ามันไปให้ได้!”
…
เมื่อเย่หยวนเดินเข้ามาในห้องโถง บรรยากาศที่มีก็เปลี่ยนไปในทันที
เดิมทีเย่หยวนนั้นคือยอดคนดาวรุ่งของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เป็นผู้เจิดจ้าเสียจนไม่มีใครกล้าดูหมิ่น
แต่ตอนนี้ปีกสวรรค์แสงอันเจิดจ้านั้นได้จางหายไป ทำให้ท่าทางของผู้คนที่มีต่อเย่หยวนมันจึงได้เปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้
ในโลกใบนี้มันคือโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้อ่อนแอไม่มีทางรอดไปได้เลย
อัจฉริยะตกอับเช่นนี้ไม่มีทางได้รับการมองในด้านดีๆ แน่ แม้ว่าเมื่อก่อนจะเขาจะสร้างคุณงามความดีให้แก่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไว้มากมายแค่ไหนก็ตาม
หลายปีมานี้เย่หยวนได้ปลอมโอสถมากมายให้เหล่ายอดฝีมือในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้ใช้กัน
สามร้อยปีมานี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้มีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าเกิดขึ้นมากว่าร้อยคน!
จำนวนนี้มันมากกว่าปกติหลายเท่าตัวนัก
หลายปีมานี้เย่หยวนได้สอนสูตรโอสถใหม่ให้หอโอสถ จะบอกว่าเป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่ทุกผู้ทุกคนเลยก็ว่าได้
หนิงซืออวี๋ ลู่ยี่และคนอื่นๆ ก็มีพลังฝีมือด้านโอสถเพิ่มขึ้นมากมายมหาศาลด้วยการแนะนำของเย่หยวน
เย่หยวนได้ปรับแต่งห้วงมิติสืบทอดให้แก่หอยุทธจนทำให้ผู้คนสามารถเรียนรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติได้ง่ายกว่าเดิมมาก เป็นประโยชน์แก่ชนรุ่นหลัง
เวลา สามร้อยปีนั้นมันไม่ใช่เวลาที่ยาวนานเลยสำหรับนักยุทธอาณาจักรพระเจ้า แต่เย่หยวนกลับทำคุณงามความดีให้แก่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อย่างที่ไม่มีผู้อาวุโสคนไหนเทียบเคียงได้
แต่มันก็ยังไร้ค่า!
เพราะเมื่อเขาไม่สามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้มันก็เท่ากับว่าเย่หยวนเป็นได้แค่จอมเทพโอสถสามดาว ตัวตนที่ไร้ค่าในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
ที่ด้านบนนั้นมีชายแก่คนหนึ่งนั่งอยู่กว่าใคร ดูท่าทางน่าเกรงขามไม่น้อย
ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์นั้นไม่ค่อยจะออกมาแสดงตัวในโลกภายนอกนัก เย่หยวนอยู่ที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มาร่วม สี่ร้อยปีแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นหน้าของยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์
และคราวนี้เขาก็ได้รับรู้ถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์!
สามร้อยปีก่อนเย่หยวนนั้นไปเจอยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่เหวอัญเชิญปีศาจเข้าก็จริง แต่ตอนนั้นพวกเขาต่างถูกกดพลังไว้และทำให้ความกดดันที่พวกเขาปล่อยออกมาไม่ได้รุนแรงเช่นนี้
และต่อให้เป็นตอนที่ได้ขึ้นมาเจอกันด้านบน พวกเขาก็บาดเจ็บสาหัสจนมีพลังไม่ถึง หนึ่งในสิบ ของพลังแต่เดิม
แต่เหอชงผู้นี้ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ผู้มีตำแหน่งยอดผู้อาวุโสแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
“ขอคารวะยอดผู้อาวุโส!” เย่หยวนยกมือขึ้นทำการคารวะเหอชง
เหอชงพยักหน้ารับ “นั่งลงเถอะ”
ตอนนี้ทั้งเล่งหยูและซวนอี้ต่างมองมาที่เย่หยวนด้วยดวงตาที่แสนสับสน เพราะตอนนี้พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลยจริงๆ
สถานการณ์ในตอนนี้มันเกินกว่าที่พวกเขาจะควบคุมไหวแล้ว
เพราะไม่ใช่แค่พวกหรงซูที่กล่าวว่า ตอนนี้แม้แต่คนของพวกเขาเองก็เริ่มสงสัยในความเป็นผู้อาวุโสของเย่หยวนแล้วเช่นกัน
เพราะยังไงเสีย อัจฉริยะที่ไม่มีปัญญาบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้ามันก็ไร้ค่า!
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายนั่งลงแล้วเหอชงก็พูดขึ้น “หรงซู เจ้ามาเป็นประธานการประชุมผู้อาวุโสวันนี้”
หรงซูนั้นดีใจจนออกนอกหน้า “ขอรับ ยอดผู้อาวุโส!”
พูดไปหรงซูก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาเต็มเปี่ยม
เพราะตอนนั้นเขาต้องพ่ายแก่น้ำมือของเย่หยวน ตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถกู้หน้าแก้แค้นใดๆ ได้
หลังผ่านไปหลายต่อหลายปี ในที่สุดหรงซูก็ได้พบโอกาสเหมาะที่จะเหยียบย่ำเย่หยวนลง มีหรือที่เขาจะยังทนทำหน้านิ่งได้?
เรื่องของหลิงจี้คุนนั้นมันได้หายไปจากหัวของเขาแล้ว
เพราะเวลาที่ผ่านมานับร้อยๆ ปีมันย่อมเป็นปกติที่เขาจะไม่เก็บเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนั้นมาคิด
หรงซูมองหน้าเหล่าผู้อาวุโสและเริ่มพูดขึ้น “ที่เรียกทุกท่านมาในวันนี้ พวกท่านทั้งหลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่ามันเป็นเรื่องอันใด ตอนนี้มีผู้คนในเมืองของเราที่ไม่พอใจต่อตัวตนของผู้อาวุโสเราคนหนึ่งอย่างมาก คิดว่าพลังฝีมือของเขานั้นมันไม่เหมาะสมแก่ตำแหน่งผู้อาวุโส เดิมทีมันเป็นแค่เรื่องที่คนส่วนนอกเอามาพูดกัน แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ผู้อาวุโสท่านนี้กลับไม่สามารถพัฒนาตนได้ ทำให้ผู้คนเริ่มพูดกันหนาหูขึ้นเรื่อยๆ อย่างหยุดไม่ได้ สุดท้ายพวกเราจึงต้องมารวมตัวตัวกันประชุมในวันนี้เพื่อหารือถึงข้อสรุปของเรื่องด้วยตัวเราเอง”
ระหว่างที่พูดไปหรงซูก็ส่งสายตาบอกผู้อาวุโสคนอื่นๆ เป็นนัยให้เข้าใจ
ผู้อาวุโสอีกคนจึงกล่าวขึ้นเสริม “เรื่องที่ว่าผู้อาวุโสท่านนี้เคยทำให้เราต้องตกตะลึงมันเป็นเรื่องจริง! แต่เขานั้นได้หลอกเราไว้เช่นกัน เขาได้หลอกให้เราคาดหวังว่าตัวเขาจะสามารถพุ่งทะยานขึ้นฟ้าได้ในอนาคตอย่างไม่มีการหยุดยั้ง และพาเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเราให้ขึ้นไปสู่อีกระดับ แต่ดูสภาพตอนนี้แล้ว ทุกอย่างมันเป็นได้แค่ภาพลวง! การให้คนที่ไม่มีปัญญาบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้ามาเป็นผู้อาวุโสนั้นมันมีแต่จะทำให้ชื่อเสียงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เสียเปล่าๆ”
พูดจบก็มีผู้อาวุโสอีกคนเสริมขึ้นอย่างไม่มีช่องว่าง “มันช่างน่าขันเสียจริงๆ ศิษย์ของข้าใช้เวลาในการบรรลุจากอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าแค่ สามสิบปี แต่ผู้อาวุโสคนนี้กลับใช้เวลากว่า สามร้อยแต่ก็ยังไม่ถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งก้าวเสียด้วยซ้ำ คนธรรมดาๆ คนหนึ่งแบบนี้จะมาเป็นผู้อาวุโสได้อย่างไรกัน?”
ซวนอี้ขมวดคิ้วแน่นและกล่าวขึ้นสวนทันที “เปาเหวินห่าว เจ้าพูดเช่นนี้หวังจะเอาหน้างั้นรึ? เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าศิษย์ของเจ้ามันบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้อย่างไร!”
เปาเหวินห่าวนั้นไม่กล้าที่จะพูดจาตอบโต้กับซวนอี้ไปตรงๆ แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยมันผ่านไปเฉยๆ “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านพูดผิดแล้ว เย่หยวนนั้นได้ช่วยในการหลอมโอสถสุริยันจักรวาลจริง แต่ความสามารถของศิษย์ข้ามันก็อยู่ตรงนั้นแล้ว หากไม่ได้โอสถสุริยันจักรวาลเขาก็อาจจะต้องใช้เวลาอีกไม่เกิน ห้าสิบเท่านั้น ไม่เหมือนใครบางคนที่ไม่สามารถบรรลุได้แม้จะผ่านไปแล้วกว่า 300 ปี!”
ซวนอี้ตอบอะไรกลับไปไม่ได้ เขาทำได้เพียงแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาเท่านั้น
เพราะเขาไม่สามารถปฏิเสธคำพูดนี้ของเปาเหวินห่าวได้เลย
เล่งหยูจึงเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นมาแทน “เจ้าคนไม่รู้จักคุณคน! เวลาหลายต่อหลายปีมานี้มีใครบ้างไหมที่ไม่ได้รับประโยชน์จากเย่หยวน? แต่ตอนนี้กลับมาสุมหัวกันปาหินใส่บ่อน้ำ หน้าไม่อายกันจริงๆ”