ตอนที่ 1657 สะท้อน
ในการเคาะราคาแค่ไม่กี่ครั้งศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดนั้นกลับมีราคาพุ่งสูงไปเกือบเท่าตัวแล้ว
ท่าทางแบบนั้นมันทำให้ผู้คนหลายต่อหลายคนปิดปากเงียบลงทันที
แต่ทว่ามันยังไม่จบแค่นั้น
ด้วยสนามประลองเงินตราที่เต็มไปด้วยพวกเจ้าเล่ห์มากกลแบบนี้ มีหรือที่พวกเขาจะปล่อยให้เด็กน้อยคนนี้ได้ของไปง่ายๆ ?
จู่ๆ นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าคนหนึ่งก็พูดขึ้นมา “ห้าหมื่นหนึ่งพันล้าน!”
นั่นทำให้จิงลู่หน้าเสียทันที เมื่อสักครู่ตอนที่ทุกคนต้องเงียบไปเมื่อได้ยินนั้นมันทำให้ตัวจิงลู่พึงพอใจอย่างมาก
เขาไม่คาดคิดเลยว่าแค่เสี้ยววินาทีต่อมาจะมีคนเคาะเพิ่มราคาอีก
เขาจึงกัดฟันแน่น “ไม่อยากจะเชื่อ! ห้าหมื่นสองพันล้าน!”
คนๆ นั้นจึงตอบกลับมา “ห้าหมื่นสามพันล้าน!”
จิงลู่นั้นโกรธจนหน้าแดงหน้าดำและตะโกนขึ้น “หกหมื่นล้าน!”
คราวนี้แม้แต่นักยุทธคนนั้นเองก็ไม่คิดที่จะเคาะราคาเพิ่มแล้ว เขากล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่อยากได้แล้ว เจ้าเอาไปเถอะ!”
เมื่อจิงลู่ได้ยินเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา “เจ้าคิดว่าตัวเองมีปัญญาพอจะสู้กับนายน้อยคนนี้หรือ?”
เสียงของจิงลู่นั้นดังเต็มปลอดจนคนได้ยินกันทั่ว
สำหรับคนที่พอรู้เรื่องรู้ราวบ้างก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างมีนัย
เพราะชายคนนั้นแค่ใช้เทคนิคนิดหน่อยแต่กลับเรียกราคาเพิ่มได้ถึงหนึ่งหมื่นล้าน
ลุงหวงที่อยู่ข้างๆ แทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองผู้คน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรขึ้นตักเตือนด้วย จึงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างสุดบรรยาย
เจียงเจิ้นเทายิ้มออกมาก่อนจะถามขึ้น “หกหมื่นล้าน มีใครให้มากกว่าหกหมื่นล้านไหม? หากไม่มีศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดชิ้นนี้จะตกเป็นของแขกจากห้องสวรรค์หมายเลข 5 ไป!”
ทุกคนเงียบลงทันที เพราะตอนน้ำพวกเขาต่างรู้ดีว่าศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดนั้นมันมีราคาที่สูงเกินกว่าคุณค่าของมันไปมากแล้ว
เป็นตอนนั้นเองที่เสียงหนึ่งดังขึ้น “หนึ่งแสนล้าน!” คำพูดนั้นมันทำให้ทุกคนต้องขนลุกชัน
ในหมู่ผู้เข้าร่วมงานมีคนกระซิบขึ้น “แสนล้าน! มีคนกล้าที่จะจ่ายถึงแสนล้านเพื่อศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดแค่ชิ้นเดียวเนี่ยนะ? มันจะไม่โง่ไปหน่อยรึ?”
และผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็พูดขึ้น “หึหึ น่าสนใจ! นี่มันมิใช่คนโง่ แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญต่างหาก!”
“หา? หมายความว่ายังไง?”
“ก็เห็นชัดๆ อยู่ว่าศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดชิ้นนี้ แขกจากห้องสวรรค์หมายเลขห้ากับห้องสูงสุดหมายเลขสี่ต้องการมันอย่างเด็ดขาดโดยไม่คิดจะปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือใคร แต่แขกจากห้องสูงสุดหมายเลขสี่นั้นไม่เคยทำการเคาะราคาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขารอดูก่อนว่าคู่แข่งของเขามีอะไรมากแค่ไหน! ตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นว่าคู่แข่งเหลือแค่แขกจากห้องสวรรค์หมายเลขห้าแล้วเขาจึงเคาะราคาขึ้นไปหนึ่งแสนล้าน และราคานั้นมันก็คงเป็นขีดจำกัดของแขกจากห้องสวรรค์หมายเลขห้าแล้ว เท่านี้เขาก็จะสามารถประหยัดผลึกปราณเทวะไปได้ไม่น้อย เพราะว่าแขกจากห้องสวรรค์หมายเลข 5 มันเปิดเผยตัวเองมากเกินไป!”
คนที่พูดขึ้นทีแรกจึงกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง “มันมีแผนการแบบนี้ด้วย?”
“แน่นอนสิ! บางครั้งบางทีเราก็จะได้เจอเรื่องอะไรแบบนี้ในการประมูล คนบางคนนั้นมีของที่หมายตาไว้ และไม่ว่าจะต้องทำยังไงจ่ายแค่ไหนพวกเขาก็จะต้องชนะให้ได้ นั่นทำให้แผนการเคาะราคาแบบนี้มีความสำคัญมาก เจ้าดูสิ ตอนนี้แขกจากห้องสวรรค์หมายเลขห้ายังดูท่าจะอยากเคาะราคาเพิ่มแต่ดูท่าเขาคงไม่สามารถเพิ่มราคาได้อีกมากมายแล้ว!”
เมื่อจิงลู่ได้ยินราคานั้นเขาก็หน้าเสียจนเกินจะเยียวยา
วันนี้เขาได้นำเงินออกมาด้วยถึงหนึ่งแสนสองหมื่นล้าน แต่ตอนนี้เขามีเหลืออยู่แค่หนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยล้าน
เย่หยวนเสนอราคาที่ถึงขีดจำกัดของเขาออกมา เขาไม่สามารถจะเพิ่มราคาไปได้มากมายกว่านี้แล้ว
จิงลู่กัดฟันแน่นก่อนจะตะโกนออกมา “หนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยล้าน!”
วินาทีต่อมาเย่หยวนก็เปิดปากพูดอีกครั้ง “หนึ่งหมื่นห้าพันล้าน!”
ปัง!
จิงลู่ยกมือขึ้นตบโต๊ะน้ำชาที่ด้านหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว “ให้ตายสิ! ไอ้เจ้าหมอนี่มันบ้าไปแล้วรึยังไงกัน? ถึงกลับกล้าที่จะจ่ายเงินกว่าแสนล้านเพื่อศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดชิ้นเดียว!”
ลุงหวงถอนหายใจยาว “นายน้อย ช่างมันเถอะ ชายคนนั้นคงไม่ต่างจากเรา เขาคิดที่จะนำศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดมาไว้ในมือให้ได้”
แม้แต่เจียงเจิ้นเทาเองก็ไม่คิดว่าศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดมันจะสามารถมีราคาที่สูงได้ถึงขนาดนี้มาก่อน
“ศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดชิ้นนี้ตกเป็นของแขกจากห้องสูงสุดหมายเลขสี่!” เจียงเจิ้นเทาประกาศ
เขานั้นสงสัยมากกว่าใครกันที่อยู่ในห้องสูงสุดหมายเลขสี่นั้นที่กล้าเล่นลูกไม้แบบนี้ออกมา
ตอนที่จิงลู่เคาะราคาหกหมื่นล้านนั้นตัวเขาเองก็คาดเดาว่าจิงลู่คงมีเงินอยู่ไม่เกินแสนล้าน
แต่เขานั้นเป็นผู้ที่อยู่ในวงการประมูลมานานจนนับไม่ได้ ประสบการณ์ของเขานั้นมีมากมายมหาศาล เขาจึงสามารถที่จะคาดเดาเรื่องแบบนี้ได้
แต่แขกจากห้องสูงสุดหมายเลขสี่นั้นกลับสามารถคาดการณ์ออกมาได้เช่นเดียวกัน ดูท่าคงเชี่ยวชาญไม่น้อย
เจียงเจิ้นเทาคิดอยู่ในใจว่าแขกในห้องสูงสุดหมายเลขสี่นี้ช่างน่าสนใจ หลังจบงานคงต้องไปเปิดหูเปิดตาหน่อย
ของชิ้นต่อๆ ไปที่ขึ้นประมูลนั้นเย่หยวนไม่คิดจะสนใจมันอีกต่อไป
แม้ราคาของศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดมันจะพุ่งขึ้นสูงกว่าที่เขาคาดไว้มากแต่เย่หยวนก็ไม่ได้คิดจะเก็บมันมาใส่ใจแม้แต่น้อย
ตราบเท่าที่มันจะช่วยรักษาชีวิตของมู่หลินเสวียไว้ได้ อย่าว่าแต่แสนล้าน ต่อให้เป็นราคาล้านล้านเขาก็ยอมที่จะจ่าย
วันนี้มีผู้คนมากมายที่มาจากค่ายสำนักระดับอาณาจักรนภาสวรรค์
ของชิ้นหลังๆ ที่ขึ้นประมูลนั้นล้วนแล้วแต่เป็นของสำหรับยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ มันจึงมีการแข่งขันที่สูงลิ่ว
ของพวกนั้นมันเป็นสิ่งที่อยู่เกินเอื้อมเย่หยวน และที่สำคัญคือเขาไม่ได้ขาดแคลนมันด้วย
ตราบเท่าที่เขาบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าและเปิดโถงบัลลังก์ม่วงขั้นสองได้ เขาก็จะได้ยอดสมบัติล้ำค่ามาไว้ในมืออีกมากมาย
หลังจบการประมูล เย่หยวนก็กลับออกไปเพื่อจ่ายผลึกปราณเทวะ แต่เขาไม่นึกเลยว่าเจียงเจิ้นเทาผู้นั้นกลับมารอเขาที่ส่วนจ่ายเงินอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเจียงเจิ้นเทาเห็นเย่หยวนเขาก็ต้องหรี่ตาลงทันที
เขาไม่คิดเลยว่านักประมูลที่ชำนาญขนาดนั้นจะกลายเป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง
“ผู้อาวุโสเจียง!” เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะเจียงเจิ้นเทาทันที
เพราเย่หยวนเองก็สนใจในจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้คนนั้นไม่เบา
เขาอยากจะรู้ว่ามันเป็นแนวคิดศักดิ์สิทธิ์แบบไหนที่ทำให้คนสามารถมีปราณเทวะอันลึกลับแบบนั้นได้
เจียงเจิ้นเทายิ้มตอบ “อืมๆ วีรบุรุษย่อมเจิดจ้าแต่หนุ่ม! ข้าไม่คิดเลยว่าแขกจากห้องสูงสุดหมายเลขสี่นั้นจะเป็นคนหนุ่มขนาดนี้!”
จังหวะนั้นหลี่ซิงเองก็ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นกัน “หึหึ ผู้อาวุโสเจียงนั้นยังไม่รู้อะไร เถ้าแก่เย่คนนี้หาใช่คนหนุ่มธรรมดาไม่!”
เจียงเจิ้นเทาตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินก่อนจะหันไปถามหลี่ซิง “โอ้? แล้วเขาไม่ธรรมดายังไงกัน?”
หลี๋ซิงยิ้มกว้างก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เย่หยวนทำไว้ขึ้นมา
ในใจของเจียงเจิ้นเทานั้นตื่นตระหนกอย่างมาก เขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากขะเชื่อสักเท่าไหร่ “ผู้นำหลี่ ท่านพูดเล่นเรื่องแบบนี้ไม่ได้นา! เฒ่าคนนี้อยู่ดูโลกมานานแสนนานมีความรู้และประสบการณ์มากมายแต่ก็ยังเคยเจอโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะมาแค่ไม่กี่ครั้ง”
หลี่ซิงยิ้มตอบ “เรื่องนี้คนเมืองหลวงลาภสายน้ำต่างรู้กันดี ที่สำคัญมีหรือที่หลี่คนนี้จะกล้าพูดจาไร้สาระต่อหน้าผู้อาวุโสเจียง?”
เพราะพวกเขาคือทายาทลูกหลานจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ ตระกูลของพวกเขานั้นแสนจะยิ่งใหญ่กระจัดกระจายกันไปทั่วมหาพิภพถงเทียน และเจียงเจิ้นเทาคนนี้ก็เป็นเพียงแค่ลูกหลานสายเลือดห่างของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เท่านั้น
แต่ถึงจะเป็นแค่นั้นมันก็มากพอจะทำให้ไม่มีใครกล้าดูถูกเจียงเจิ้นเทาแล้ว
เพราะไม่มีใครกล้าที่จะดูถูกพลังแห่งตระกูลเจียง
เจียงเจิ้นเทานั้นตื่นตระหนกในหัวใจก่อนจะเดินปราณเทวะขึ้นมาไว้ที่ดวงตาอย่างไม่ทันรู้ตัวและจ้องมองไปยังเย่หยวน
“อ้ากก!!”
เจียงเจิ้นเทาตะโกนออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยใดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดดวงตาทั้งสองของตัวเองไว้
หลี่ซิงหน้าซีดลงทันทีที่ได้เห็นก่อนจะรีบเข้าไปถามเรื่องราว “ผู้อาวุโสเจียง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน?”
เจียงเจิ้นเทานั้นยกมือขึ้นมาปิดตาทั้งสองไว้อย่างสั่นเทา ทำให้ผู้คนรอบๆ ต้องตื่นตะลึงไปตามๆ กัน
สิ่งเดียวที่พวกเขาเห็นคือดวงตาที่ปิดแน่นนั้นมีน้ำตาเลือดสีแดงสดไหลลงมาเป็นทาง มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองไม่น้อย
เย่หยวนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นจึงเข้าไปถามอย่างกังวล “ผู้อาวุโสเจียง ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่?”
เจียงเจิ้นเทาค่อยๆ ส่ายหัวออกมา “เฒ่าคนนี้ช่างโง่เขลา คงโดนเพื่อนตัวน้อยเย่หยวนหัวเราะเยาะแล้ว”