ตอนที่ 1662 ตราประทับชีวาสามนิพพาน
เมื่อตัดสินใจได้แน่วแน่แล้วโม่ลี่เฟยก็ยื่นมือออกไปยังช่องว่างในทันที
หนิงเทียนปิงที่อยู่ด้านนอกนั้นกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะคว้าดาวตรงหน้ามา แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างของตัวเองถูกดูดเข้าไปในหลุมดำอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เมื่อเขารู้ตัวอีกทีหนิงเทียนปิงก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ต่อหน้าโม่ลี่เฟยและเย่หยวนแล้ว
“น-นายใหญ่! เกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน?” หนิงเทียนปิงถามออกไปด้วยสีหน้าสุดมึนงง
เพราะตัวตนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นมันส่งพลังอันรุนแรงออกมาจนทำให้จิตวิญญาณของเขาต้องสั่นไหวไปหมด
เย่หยวนยิ้มตอบ “ผู้อาวุโสท่านนี้ท่านรู้สึกว่าเจ้าช่างมีความสามารถและอยากรับเจ้าเป็นศิษย์ ท่านจึงเรียกเจ้าเข้ามา”
หนิงเทียนปิงนั้นตอบกลับมาอย่างตื่นตกใจ “รับข้าเป็นศิษย์? ไม่ใช่ว่าต้องเป็นนายใหญ่หรอกเหรอ?”
“เจานั้นมีอาจารย์อยู่แล้วและจึงไม่เหมาจะมาเป็นศิษย์ของข้าอีกต่อไป! ข้าผู้นี้ต้องการรับเจ้าเข้าเป็นศิษย์ เจ้าจะยอมรับไหม?” โม่ลี่เฟยถาม
“น-แน่นอนสิครับ!” หนิงเทียนปิงตอบกลับไปอย่างไม่คิด
จะบ้าหรือไร? นี่คือยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้เชียวนะที่ต้องการรับเขาเป็นศิษย์ เป็นโอกาสที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว! มีหรือที่เขาจะปฏิเสธ?
โม่ลี่เฟยจึงตอบกลับมา “การรับสืบทอดวิชาจากข้า มันหมายความว่าเจ้าต้องจัดการความแค้นให้ข้าด้วย เจ้าจะยอมรับไหม?”
หนิงเทียนปิงทำหน้าเคร่งเครียดหันไปมองเย่หยวนทันที หลังได้เห็นเย่หยวนพยักหน้ารับแล้วเขาจึงกล้าที่จะบอก “ศิษย์น้อมรับ!”
โม่ลี่เฟยยื่นมือออกไปในห้วงอากาศอีกครั้งก่อนจะปรากฏแสงดาวสว่างจ้าออกมาอีกหลายจุด
“ของพวกนี้ล้วนเป็นมรดกจากอาจารย์สู่เจ้า!” โม่ลี่เฟยบอก
เย่หยวนเองก็หันไปมองตามมันก่อนจะค่อยๆ เห็นดวงดาวเหล่านั้นกลายรูปร่างเป็นสมบัติหลายต่อหลายชิ้น
วรยุทธ์บ่มเพาะ สองวิชาวรยุทธ์ต่อสู้ และเม็ดโอสถอีกหลายต่อหลายเม็ด!
เย่หยวนต้องยักคิ้วขึ้นด้วยความสนใจทันทีที่เห็นวิชายุทธ์หนึ่งในนั้น
โม่ลี่เฟยบอก “นี่คือวรยุทธ์เมฆาไพศาลฤกษ์ราตรีเป็นวรยุทธ์บ่มเพาะระดับหกสูงสุด มันดีพอที่จะพาเจ้าไปสู่อาณาจักรเทพถ่องแท้ชั้นสูงได้ สองวิชายุทธนี้ หนึ่งเรียกว่าดาบชีวามรณาจันทราดารา อีกหนึ่งชื่อตราประทับชีวาสามนิพพาน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าตราประทับชีวาสามนิพพานนี้มันมีความลึกลับและยากที่จะศึกษานัก แม้แต่ตัวอาจารย์เองก็ยังศึกษาไปได้แค่ระดับที่สองโดยที่วิชานี้จะแบ่งออกเป็นสามตรา โดยมีตรานิพพาน ตราชีวิตและความตาย และตราจุติหกมรรค หากบ่มเพาะไปจนถึงที่สุดแล้วคนผู้นั้นจะสามารถต่อสู้ในระดับเดียวกันอย่างไร้ต้านและถึงกับสามารถชนะข้ามขั้นได้อย่างไม่ยากเย็น!”
เมื่อได้ยินคำบอกของโม่ลี่เฟย หนิงเทียนปิงก็ดีใจจนเนื้อเต้น
เพราะแม้เขาจะยังไม่ได้ทำการบ่มเพาะพวกมัน แต่เขาก็สามารถรับรู้ถึงพลังของสิ่งของเหล่านี้ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าตราประทับชีวาสามนิพพานที่ว่านี้ มันมีพลังในระดับเทพถ่องแท้อย่างแท้จริง เป็นพลังที่ไร้จำกัด
ด้วยวรยุทธ์บ่มเพาะและวิชายุทธ์เหล่านี้ สถานที่ของเขาจะไม่ใช่แค่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เล็กๆ อีกต่อไป
เขาจะสามารถกางปีกท่องโลกกว้างได้อย่างเต็มที่!
“ผู้อาวุโส ชุดวิชาตราประทับชีวาสามนิพพานทั้งสามนี้ขอข้าน้อยดูมันเสียหน่อยจะได้หรือไม่?” เย่หยวนถาม
เพราะเขารู้สึกได้เลยว่าชุดวิชานี้มันแข็งแกร่งจนเกิดสนใจขึ้นมาอย่างมาก
โม่ลี่เฟยทำหน้าไม่ค่อยอยาก แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับไว้ “เช่นนั้นก็จงเอามันไปดูเถิด”
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะขอบคุณทันที “ขอบพระคุณมากผู้เอาวุโส!”
เมื่อต่อหน้าหนิงเทียนปิงแล้ว เย่หยวนก็เริ่มทำตัวอ่อนน้อมต่อโม่ลี่เฟยขึ้นอย่างมาก
เพราะยังไงเสียตอนนี้โม่ลี่เฟยก็เป็นอาจารย์คนหนึ่งของหนิงเทียนปิง เขาไม่อยากจะให้หนิงเทียนปิงรู้สึกสับสนหรือเข้าใจอะไรผิดไป
แต่ว่าโม่ลี่เฟยนั้นมีท่าทางระแวงเย่หยวนอย่างมาก
ส่วนเรื่องที่เย่หยวนขอ เขาเองก็ไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลใดให้ปฏิเสธ
โม่ลี่เฟยยื่นมือออกไปก่อนจะส่งตราประทับชีวาสามนิพพานไปยังตรงหน้าเย่หยวน
เย่หยวนมีสีหน้าที่อยากรู้อยากเห็น เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อยๆ ส่งจิตศักดิ์สิทธิ์เข้าไปด้านใน
โม่ลี่เฟยเลิกสนใจเย่หยวนและหันกลับมาหาหนิงเทียนปิง “เจ้ามีพรสวรรค์ที่ไม่เลว แต่วรยุทธ์ที่เจ้าใช้บ่มเพาะมันเป็นของระดับต่ำไปเสียหน่อย อาจารย์จะช่วยเจ้าหลอมวรยุทธ์บ่มเพาะใหม่และเปลี่ยนให้เจ้าได้ใช้วรยุทธ์เมฆาไพศาลฤกษ์ราตรีเดี๋ยวนี้เลย”
หนิงเทียนปิงตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น “ขอบพระคุณท่านอาจารย์!”
แม้ว่าตอนนี้โม่ลี่เฟยจะเป็นแค่เศษเสี้ยววิญญาณ แต่เขาก็ยังมีพลังมากพอ
เขาเริ่มทำการชี้นำหนิงเทียนปิงไปทีละน้อยๆ และค่อยๆ ทำการหลอมจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสียใหม่ตามวิธีการของวรยุทธ์เมฆาไพศาลฤกษ์ราตรี
ระหว่างที่หลอมไป โม่ลี่เฟยก็พยักหน้าออกมาไม่หยุด
ศิษย์คนนี้ที่เย่หยวนแนะนำมา แม้จะแทบไม่ผ่านมาตรฐานของเขา แต่กลับมีพรสวรรค์ที่ไม่เลวเลย
…
เย่หยวนรู้สึกราวกับว่าตัวเองตกอยู่ในนรก ทั้งร่างของเขาสูญเสียพลังชีวิตไปเรื่อยๆ
“นี่หรือคือตรานิพพาน? ทำให้สงบและก้าวหน้า การเกิดใหม่แบบวิโมกข์! วิชาชุดนี้ช่างลึกลับนัก!” เย่หยวนกล่าว
เย่หยวนนั้นจมลึกลงในตราชุดนี้มาก นึกถึงชาติก่อนหน้าและชาตินี้ของตัวเอง เวลากว่าพันปีมานี้ เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงการรับรู้อะไรสักอย่างที่ยิ่งใหญ่
ชีวิตของเขาเองนั้นคือการเกิดใหม่แบบวิโมกข์มิใช่หรือ?
กี่ครั้งที่ต้องเผชิญความสิ้นหวัง กี่ครั้งที่ต้องเฝ้าพยายามลำบากด้วยตนเอง การเกิดใหม่แบบวิโมกข์
ระหว่างที่ใช้จิตศักดิ์สิทธิ์ตรวจดูมันไป สติของเย่หยวนก็ค่อยๆ เบาบางลง เบาบางลงจนกลายเป็นความสงบ
“หืม?” โม่ลี่เฟยนั้นกำลังทำการชี้นำหนิงเทียนปิงหลอมปราณเทวะใหม่อยู่ แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของเย่หยวนกำลังค่อยๆ จางหายไป
“เด็กคนนี้มันอยากจะบรรลุตรานิพพาน รนหาที่ตายแท้ๆ”
โม่ลี่เฟยหน้าเสียลงและกำลังจะลุกขึ้นไปขัดเย่หยวนไว้
“ท่านอาจารย์!” แต่เป็นหนิงเทียนปิงที่เรียกไว้ก่อน
“หืม?” โม่ลี่เฟยหันมามองหนิงเทียนปิงอย่างสงสัย
หนิงเทียนปิงบอก “ท่านอาจารย์โปรดวางใจ นายใหญ่นั้นทำทุกอย่างมีแผนการเสมอ! พรสวรรค์ของเขานั้นดีกว่าศิษย์ร้อยเท่าพันเท่า ต่อให้เขาจะไม่สามารถบรรลุได้แต่มันก็ไม่มีอะไรอันตรายถึงชีวิตแน่ ปล่อยเขาไปเถอะ”
โม่ลี่เฟยหัวเราะออกมา “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าทักษะของอาณาจักรเทพถ่องแท้มันง่ายดายปานนั้น? หากมันง่ายปานนั้นทุกคนก็คงสามารถขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้กันหมดแล้ว”
แต่หนิงเทียนปิงยังยืนยันคำเดิม “ข้าไม่รู้หรอกว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร แต่… นายใหญ่นั้นสามารถ! แนวคิดแห่งห้วงมิติที่ว่ากันว่าเป็นแนวคิดที่ยากเย็นสูงส่งที่สุดในโลก แต่นายใหญ่กลับสามารถใช้เวลาแค่ร้อยปีในการบรรลุถึงระดับสองดาว!”
โม่ลี่เฟยหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินด้วยความตื่นตระหนกในหัวใจ
ในฐานะยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้ เขานั้นรู้ดีกว่าใครๆ ว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติมันยากเย็นแค่ไหน
แต่จะบอกว่าเด็กคนนี้ใช้เวลาแค่ร้อยปีก็สามารถเข้าใจมันได้ถึงระดับสองดาวแล้ว?
ล้อกันเล่นรึ?
ระหว่างที่เขายังคงตื่นตกใจไม่หาย เย่หยวนที่เดิมทีเข้าสู่ภาวะสงบก็เริ่มปล่อยคลื่นพลังอันรุนแรงออกมาจากร่าง
จู่ๆ เย่หยวนก็เบิกตากว้างและปล่อยตราออกมาด้านหน้า!
ตู้ม…
พื้นที่ในนภาฤกษ์ทั้งหมดสั่นไหวทันที ดวงดาวที่อยู่ไกลๆ หลายดวงค่อยๆ ดับแสงลง
“ก-เกิดอะไรขึ้น?”
“หรือมิติแห่งนี้กำลังจะถล่มลงมากัน?”
“ห-หนีเร็ว! วิ่ง!”
…
เมื่อเหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าที่อยู่ด้านนอกผู้กำลังเลือกสมบัติของตัวเองกันอยู่ได้เห็นภาพนี้ พวกเขาทั้งหลายก็เกิดหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือดไปตามๆ กัน
เพราะหากมิติพังทลายลง พวกเขาจะไม่มีทางหนีออกไปได้เลย
ต่อให้ตอนนี้พวกเขาจะเป็นแค่จิตศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็คงสร้างความเสียหายต่อร่างภายนอกไม่น้อย อย่างน้อยๆ พวกเขาก็คงไม่สามารถบรรลุขั้นได้อีกแล้วหากตายในนี้
โม่ลี่เฟยมีสีหน้าแสนตื่นตระหนกก่อนจะตะโกนลั่น “บ-บรรลุ! ข้าใช้เวลาตั้งหลายพันปีกว่าจะสามารถเข้าใจและบรรลุตราแรกได้ แต่เจ้าหมอนี่กลับใช้เวลาแค่นี้ก็สามารถบรรลุไปถึงขั้นสุดได้แล้ว?”
ใช่แล้ว นี่คือตรานิพพาน ตราแรกของตราประทับชีวาสามนิพพาน เย่หยวนสามารถเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้และบรรลุถึงขั้นสุดได้ในคราเดียว