ตอนที่ 1679 ค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพ
หลังจากคนทั้งสองออกมาจากเมืองตีนใต้แล้วพวกเขาก็ขึ้นโถงบัลลังก์ม่วงและกลับไปยังเส้นทางที่จากมาในทันทีด้วยความเร็วสูงสุด
หลังผ่านไปได้หลายวัน ในที่สุดโถงบัลลังก์ม่วงก็มาถึงหุบเขาหนึ่ง
แต่จู่ๆ โถงบัลลังก์ม่วงกลับเหมือนเข้าไปติดอะไรสักอย่างและไม่สามารถเดินหน้าต่อได้แม้แต่คืบเดียว
“นายใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกัน?” หนิงเทียนปิงถามอย่างตื่นตระหนก
เย่หยวนจึงขมวดคิ้วแน่น “เหมือนว่ามันจะมีตัวอะไรที่เรากำจัดไม่สิ้นซากเลยวกกลับมาไล่กัดเราอีกนะ มาเถอะ ออกไปดูมันหน่อย”
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
เมื่อคนทั้งสองเผยร่างออกมาก็มีลูกศรธนูจำนวนนับสิบพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
หนิงเทียนปิงหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่เห็นมัน “นายใหญ่ระวัง!”
ปกติแล้วพวกเขาคงสามารถหลบลูกศรอันคมกริบเหล่านี้ได้ไม่ยาก
แต่ตอนนี้มันเหมือนกับพวกเขากำลังยืนอยู่ในหล่มโคลนที่ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขาลงอย่างมาก
เย่หยวนรู้สึกได้ว่าแม้แต่แนวคิดแห่งห้วงมิติของเขาเองก็ไม่สามารถใช้ออกมาได้เช่นกัน!
ตอนนี้พวกเขากำลังติดอยู่ในค่ายกลอันทรงพลัง
แต่สิ่งที่อันตรายเสียยิ่งกว่าสิ่งใดก็คือเมื่อเหล่าลูกศรเหล่านั้นมันเข้ามาในเขตของค่ายกลแล้ว มันกลับไม่ช้าลงเหมือนผู้คนด้านใน แต่กลับยิ่งเร่งความเร็วขึ้นแทน
มันเป็นจังหวะเวลาที่พอดิบพอดีจนไม่มีโอกาสให้พวกเขาได้เข้าไปในโถงบัลลังก์ม่วงอีกครั้ง
ในเวลานั้น เย่หยวนจึงร้องคำรามขึ้น
แสงสีทองสาดออกมาจากร่างของเขาและลายสีฟ้านั้นเองก็ราวกับลุกขึ้นมามีชีวิตก่อนจะพุ่งออกไปวนรอบตัวเย่หยวน
ตอนนี้ร่างทั้งร่างของเย่หยวนรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาล
เสียงมังกรคำรามของเขาดังทะลุฟ้า!
มันคือเสียงแห่งเทพมังกรที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนาน!
ที่ด้านข้างหนิงเทียนปิงนั้นตื่นตกใจกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้ามาก
เขาไม่เคยรู้เลยว่านายใหญ่ของเขายังมีไม้เด็ดแบบนี้เก็บซ่อนไว้อยู่
คลื่นเสียงอันรุนแรงกระแทกออกมาจากร่างของเขาและทำลายลูกศรเหล่านั้นลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี
เรื่องพลังของเสียงแห่งเทพมังกรนี้ เย่หยวนเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะรุนแรงได้ถึงขั้นนั้น
เหล่าลูกศรเหล่านี้ดูท่าแล้วคงเป็นเครื่องรางนภาสวรรค์ชั้นสูงแน่ มันถึงได้ดูอันตรายได้ปานนั้น
ที่สำคัญนอกจากนี้แล้วมันยังมีค่ายกลที่เสริมพลังให้ลูกศรอีก พวกมันสามารถเข้ามาด้านในได้โดยไม่ถูกพลังของค่ายกลขัดขวางเลย
เดิมทีเย่หยวนคิดแค่ว่าจะคำรามและเบี่ยงวิธีของลูกศรเหล่านั้นไปด้วยเสียงแห่งเทพมังกร แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะถึงขั้นทำให้ลูกศรเหล่านั้นแหลกเละเป็นชิ้นๆ แบบนี้ได้
เสียงคำรามที่ทำลายเครื่องรางนภาสวรรค์ได้ เจ้าเสียงแห่งเทพมังกรนี้มันจะต้องทรงพลังแค่ไหนกัน?
เย่หยวนนั้นตื่นเต้นในหัวใจมาก เพราะเขารู้ได้เลยว่าทุกอย่างมันต้องเกิดขึ้นเพราะเจ้าลายสีฟ้านี้แน่ๆ
หลังจากหลบรอดวินาทีสังหารนั้นได้ หนิงเทียนปิงก็รู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ไหลท่วมกาย
เขารู้ดีว่าเมื่อสักครู่นี้พวกเขาถูกล้อมและทางข้างหน้ามันมีแต่ประตูนรกที่รออยู่
หากไม่ได้เย่หยวนช่วย ตัวเขาคงมีรูเพิ่มขึ้นอีกหลายรู
และที่ด้านนอกค่ายกลนั้นก็มีกลุ่มคนที่ปรากฏตัวขึ้นบนเนินเขา
เซียงหยุนเฟยถาม “หัวหน้าเหอ ไหนเจ้าอวดนักอวดหนาว่าศรตัดวายุของเจ้ามันดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ ทำได้แค่นี้รึ? แค่เสียงคำรามครั้งเดียวจากเจ้าเด็กคนนั้นศรของเจ้ากลับกลายเป็นผุยผงไป! เป็นผุยผงเลยนะ! ข้าอุตส่าห์เอาทรัพย์สมบัติที่มีทั้งหมดมาให้แล้วแท้ๆ แต่เจ้าตอบแทนมันได้แค่นี้หรือ?”
ที่ด้านนอกค่ายกลใหญ่นี้พวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังของเสียงแห่งเทพมังกรของเย่หยวนเลย
เพราะฉะนั้นเซียงหยุนเฟยจึงคิดว่าศรของหัวหน้าเหอคนนี้มันมีดีแต่ปาก พลังจริงๆ นั้นไม่เท่าไหร่
หัวหน้าเหอนั้นคือหัวหน้ากลุ่มโจรที่อยู่รอบเมืองหลวงลาภสายน้ำ
แน่นอนว่าพวกเขานั้นเป็นกลุ่มมหาโจรด้วย
พวกเขาไปไหนมาไหนไร้ร่องรอย ทำการดักปล้นฆ่าพ่อค้าและนักยุทธตามทางหลวง เหล่ายอดฝีมือที่ต้องมาจบชีวิตลงเพราะพวกเขานั้นก็มีจำนวนไม่น้อยเลย
ว่ากันว่าพวกเขาสังหารมาแล้วแม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาว!
คนเหล่านี้ พวกเขานั้นมีพลังอำนาจที่ไม่ด้อยไปกว่าสามขั้วอำนาจใหญ่เลย
เซียงหยุนเฟยนั้นเป็นคนมากเส้นสาย เขาจึงสามารถใช้ความพยายามที่สุดท้ายช่วยให้เขาติดต่อกับโจรกลุ่มนี้ได้
เขายกสมบัติที่ตัวเองมีทั้งหมดให้หัวหน้า เหอเทียนเซียงเพื่อจ้างให้คนเหล่านี้มาดักลอบสังหารเย่หยวน
แน่นอนว่าด้วยทรัพย์สมบัติของเขาทั้งหมด มันไม่มีทางที่เหอเทียนเซียงจะสนใจมากมาย
แต่เมื่อเซียงหยุนเฟยบอกออกมาว่าเย่หยวนนั้นมีโถงบัลลังก์ม่วงด้วย เขาก็เริ่มสนใจ
เพราะสมบัติประเภทห้วงมิติบินแบบนี้แถมอย่างน้อยๆ ยังเป็นถึงสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำด้วย มีหรือที่เขาจะยังไม่สนใจได้
เพราะฉะนั้นโจรกลุ่มนี้จึงได้ตามติดไปรอดูเย่หยวนถึงบริเวณรอบๆ เขาแห่งถงเทียนและสุดท้ายมาดักโจมตียังหุบเขาแห่งนี้
เพราะหุบเขาแห่งนี้คือเส้นทางที่ผู้คนต้องผ่านหากอยากกลับไปยังเมืองหลวงลาภสายน้ำ และหากเย่หยวนคิดจะกลับเขาก็ต้องผ่านมาทางนี้
จริงๆ แล้วหากนับแค่พลังบ่มเพาะของหัวหน้ากลุ่มหัวหน้าเหอคนนี้ กลุ่มโจรกลุ่มนี้ก็ไม่ได้เก่งกาจมากมาย แต่สิ่งที่พวกโจรเหล่านี้ถนัดก็คือการวางค่ายกลและใช้ศรตัดวายุสังหารเป้าหมาย
ค่ายกลที่พวกเขาใช้มันคือค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขั้นสูง ต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าขั้นสุดหากติดอยู่ภายในก็ไม่สามารถจะออกมาได้ง่ายๆ นัก
พวกเขาเคยสังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวมาแล้วจริงๆ และที่ทำสำเร็จมาได้ก็เพราะค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพนี้!
เซียงหยุนเฟยคิดจะใช้โจรกลุ่มนี้ก็เพราะค่ายกลนี้ของพวกเขา เขาจึงได้ไปหาลาทำข้อตกลงด้วยกันมา
แต่เขาไม่นึกไม่ฝันว่าท่าสังหารนี้จะถูกเย่หยวนทำลายลงอย่างง่ายดาย มีหรือที่เขาจะยังใจเย็นได้?
หัวหน้าเหอหันมามองเซียงหยุนเฟย “เซียงหยุนเฟย เจ้ายังกล้าจะตะโกนใส่ข้าผู้นี้อีกรึ? เจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวอีกรึ?”
เซียงหยุนเฟยหน้าถอดสีทันที ความโกรธเคืองของเขาลงลดอย่างทันท่วงที แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะว่าออกไป “ก็เจ้าทำพลาด จะเอายังไงต่อเล่าทีนี้!”
หัวหน้าเหอขมวดคิ้วแน่นและหัวเราะออกมา “นี่คือค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพผสานกับศรตัดวายุ ถ้าไม่ใช่ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าแปดดาวมันก็คงไม่มีทางจะแก้ไขได้แน่! เจ้าคิดว่าการคำรามของมันเมื่อกี้นี้ธรรมดารึ? ศรตัดวายุของพ่อเจ้านี้แต่ละดอกล้วนแต่เป็นเครื่องรางนภาสวรรค์ชั้นสูง หัวของมันตีขึ้นมาจากเหล็กน้ำแข็งพันอุกกาบาต! แถมยังปล่อยออกไปพร้อมๆ กันนับสิบดอกต่อให้เป็นยอดคนมาจากไหนก็คงปัดป้องมันได้ยาก เด็กคนนี้มันไม่ธรรมดา!”
เซียงหยุนเฟยเริ่มใจเย็นลงหลังได้รู้ว่าเป็นตัวเขาเองที่คิดอะไรง่ายเกินไป
เครื่องรางนภาสวรรค์ชั้นสูง ต่อให้เป็นเขาเองตอนที่ยังสมบูรณ์พร้อมก็ยังทำลายมันอันเดียวลงแทบไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงสิบเลย
แต่เย่หยวนกลับทำลายมันนับสิบลงได้ในคราเดียว แน่นอนเลยว่าการคำรามนั้นมันคงไม่ธรรมดาแน่
“แล้วจะเอายังไงต่อ?” เซียงหยุนเฟยถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
หัวหน้าเหอจึงบอก “ใจเย็น! ด้วยพลังของมันแค่นั้นไม่มีทางจะออกมาจากค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพได้แน่! ค่ายกลนี้มันทรงพลังและยังดูดกลืนปราณเทวะของเหยื่อด้วย เจ้าบอกว่ามันไม่มีผลึกปราณเทวะติดตัวมากแล้วนี่? ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะทนไปได้ถึงเมื่อไหร่! เมื่อติดอยู่ในค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพแล้ว ต่อให้มันมีปีกก็คงบินออกไปไม่ได้หรอก!”
ได้ยินแบบนั้นเซียงหยุนเฟยก็ค่อยโล่งใจขึ้นมา
“เซียงหยุนเฟย ดีมาก! ไหนๆ เจ้าก็ไปหาผู้ช่วยมาดักโจมตีเย่ผู้นี้เช่นนี้แล้ว เจ้าก็เตรียมรับความพิโรธของเย่ผู้นี้ไว้ให้ดี!”
จังหวะนั้นเองที่เสียงของเย่หยวนก็ถูกส่งออกมานอกค่ายกล
เซียงหยุนเฟยหน้าเปลี่ยนสีทันที เขาไม่คิดว่าเย่หยวนจะเดาถูกในคราเดียวว่าเป็นตัวเขา
แต่ทว่าด้วยความที่เย่หยวนติดอยู่ในค่ายกล เขาจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีและตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย นี่คือค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพแม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวก็ยังไม่มีปัญญาจะหนีออกมาหากติดอยู่ภายใน! ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าความพิโรธของเจ้ามันเป็นยังไง! อยากใช้สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำระเบิดอีกหรือ? ข้าล่ะอยากเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะมีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำมันสักกี่ชิ้น!”
เมื่อหัวหน้าเหอได้ยินแบบนั้นเขาก็ยิ้มออกมาตาม “เด็กน้อยเจ้าติดในค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพแล้ว จงรอความตายอย่างสบายใจได้เลย! แนวคิดแห่งห้วงมิติของเจ้ามันอ่อนแอเกินกว่าที่จะเจาะค่ายกลนี้เข้า”
“เรอะ? งั้น… ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นเองว่าความพิโรธของนายน้อยคนนี้มันเป็นเช่นไร!”
เสียงของเย่หยวนส่งออกมาเบาๆ