ตอนที่ 1681 ไม่ปรานีผู้ใด!
“ตรานิพพาน!”
เย่หยวนคำรามร้องพร้อมปล่อยตรานิพพานพุ่งออกไปอย่างรุนแรง ด้วยความเร็วที่มากมายนั้นมันจึงพุ่งเข้าปะทะร่างของเซียงหยุนเฟยในทันที
ภายใต้สายตาของทุกผู้คนที่จับจ้องมา ตาสีดำสนิทนั้นพุ่งพวยผ่านท้องนภาและปะทะเข้ากับร่างของเซียงหยุนเฟย
ตู้ม!
ตรานิพพานเข้าถึงตัวของเซียงหยุนเฟยก่อนทั้งๆ ที่ถูกปล่อยออกมาทีหลัง มันเข้าปะทะกับร่างนั้นอย่างแรกจนแหลกเละไม่เหลือชิ้นดีไป
ตอนนั้น ตอนที่เย่หยวนยังอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า เขาสามารถที่จะใช้ตรานิพพานนี้สังหารนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวอย่างจิงลู่ลงได้ในการโจมตีเดียว
ตอนนี้เมื่อเขาบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรวายุพระเจ้า พลังของการโจมตีนี้มันจึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างไม่รู้กี่เท่าตัว
หากเซียงหยุนเฟยไม่ได้ใช้วิชานั้นในการหนี เขาก็อาจจะยังพอมีทางป้องกันตัวเองได้อยู่บ้าง แต่เมื่อเขาใช้มันออกมามันก็เท่ากับปิดทางรอดของตัวเองลง มันทำให้สภาพร่างกายของเขาแย่ลงอย่างมากและกลายเป็นได้แค่เป้าขยับได้ให้เย่หยวน
เย่หยวนนั้นเคยเห็นวิชาหลบหนีนั้นของศัตรูมาก่อนแล้ว มีหรือที่เขาจะยังไม่หาวิธีรับมือไว้และปล่อยให้เขาหนีไปได้อีก?
หัวหน้าเหอกับคนของเขาได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง
ในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วอึดใจ เย่หยวนกลับสามารถสังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวลงได้อย่างเรียบร้อยไร้บาดแผล
พลังฝีมือขนาดนี้มันย่อมทำให้ผู้คนตื่นกลัว
“เจ้า… เจ้าบ้าเซียงหยุนเฟยมันไปทำให้สัตว์ประหลาดประเภทไหนโกรธกันล่ะเนี่ย?!”
หัวหน้าเหอนั้นตื่นกลัวอย่างถึงที่สุด เขานั้นทำการปล้นฆ่ารอบเมืองหลวงลาภสายน้ำมานานจนไม่สามารถนับได้แล้วว่ากี่ปี แต่เขาเองก็ยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อนเลย
ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ว่าเป็นคนที่ขี้กลัวอะไรมากมาย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้าพอที่จะสังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวลงแน่ๆ
สำหรับคนอื่นๆ ที่เดินทางผ่านไปมา ตัวตนของเขาคนนี้คือฝันร้ายดีๆ นี่เอง
แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฝันร้ายได้เห็นฝันร้ายที่แท้จริง
การที่เย่หยวนสังหารเซียงหยุนเฟยลงได้ด้วยกระบวนท่าเดียวแบบนั้น พร้อมกับที่เย่หยวนยังคงลอยตัวอยู่บนฟ้าพร้อมมือที่ไขว้หลัง มันเป็นภาพที่ดูราวกับเทพเห็นสงครามจุติลงมาเอง
ร่างของหัวหน้าเหอสั่นเทา ไม่กล้าที่จะมองสบตากับเย่หยวนแม้แต่น้อย
“น-นายใหญ่ ข้า… ข้าผิดไปแล้ว! ขอร้องล่ะอย่าสังหารข้าเลย!”
หัวหน้าเหอนั้นคือคนที่ชอบวางแผนดักทำร้ายผู้คน แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นเป็นคนที่ขี้กลัวไม่น้อย
การโจมตีฝ่ายเดียวของเย่หยวนนั้นได้ฝังภาพจำอันน่ากลัวลงในหัวของเขาทำให้เขาเสียความมั่นใจไปจนสิ้น ทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ยงคงกระพัน
เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกที่จะยอมแพ้ทันที
เย่หยวนหัวเราะเย้ยและสั่งออกมา “เทียนปิง จัดการ! อย่าได้ปรานีผู้ใด!”
เขานั้นโกรธมาก เพราะหากไม่ใช่เพราะเจ้าลายที่เขาได้มาจากสายฟ้าในหมอกนั้น ป่านนี้ตัวเย่หยวนเองก็คงได้ลงไปนอนกองเป็นศพไปแล้วเช่นกัน
คนพวกนี้เป็นคนที่ร่วมมือกับเซียงหยุนเฟยเพื่อดักปล้นเขา ดูยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นคนดีไปได้
หากไม่สังหารลงให้สิ้นความโกรธนี้ของเขาคงไม่มีทางดับหาย
หนิงเทียนปิงนั้นก็ไม่ต่างกันนัก หากก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เสียงคำรามของเย่หยวนช่วยไว้จากลูกศรเหล่านั้น ป่านนี้เขาเองก็คงถูกยิงจนพรุนไปแล้ว
ความโกรธเคืองของเขาในตอนนี้นั้นไม่ได้น้อยไปกว่าเย่หยวนเลย
แต่เมื่อได้เห็นพลังที่เย่หยวนแสดงออกมา เขาก็ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่
รุนแรงมาก!
เมื่อได้เห็นความพิโรธนั้นของเย่หยวน มีหรือที่หัวหน้าเหอจะยังกล้าอยู่ต่อ? เขาร้องเสียงดังก่อนจะพุ่งตัวหนีไปในทันที!
แต่เขานั้นเอาจริงๆ แล้วมีพลังต่อสู้ที่ต่ำกว่าเซียงหยุนเฟยเสียอีก มีหรือที่จะหนีรอด?
คนทั้งสิบกว่านั้นแยกกระจายไปกันคนละทิศละทาง เย่หยวนหัวเราะเย้ยก่อนจะขยับร่างผ่านห้วงมิติและไปหยุดอยู่ตรงหน้าเหล่าคนที่กำลังหนีทั้งหลายนั้น
“โฮ่ก!”
เสียงคำรามของมังกรดังขึ้นสนั่นฟ้า ทำให้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าที่กำลังคิดจะหนีต้องหยุดร่างลงทันที
พวกที่อ่อนแอหน่อยถึงขั้นถูกคลื่นเสียงแห่งเทพมังกรนั้นป่นทำลายจนแหลกเป็นผุยผง
หัวหน้าเหอนั้นสั่นไปทั้งร่าง ดวงตานั้นเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
เป็นเวลานี้เองที่เขาได้รู้ถึงความน่ากลัวของเสียงคำรามที่เย่หยวนใช้!
เขา ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาว กลับไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้เมื่อถูกเสียงคำรามนี้เข้าไปจนแทบล้มลง
ต่อให้ร่างกายของเย่หยวนจะพัฒนาขึ้นสู่ระดับสี่ยังไงมันก็ไม่มีทางที่จะตามยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวได้ทันแบบนี้
แต่แค่การคำรามเดียวนี้ เขากลับสามารถทำให้หัวหน้าเหอ ผู้มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวไม่สามารถขยับตัวได้!
เป็นเวลานั้นเองที่เย่หยวนหยุดเสียงแห่งเทพมังกรลง
หนิงเทียนปิงเข้าใจในทันที เขาชักดาบยาวออกมาและเปลี่ยนร่างเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาหัวหน้าเหอ
ฉัวะ!
หนิงเทียนปิงไม่คิดจะมอบโอกาสใดๆ ให้หัวหน้าเหอและสังหารเขาลงในทันที
คนที่เหลือนั้นยังคงโดนผลข้างเคียงจากเสียงคำรามของเย่หยวนจนมึนงงและสับสนทำอะไรไม่ถูก ไม่สามารถจะแยกออกได้ด้วยซ้ำว่าทางไหนทิศเหนือ ใต้ ออก ตก
หนิงเทียนปิงนั้นด้วยดาบหนึ่งเล่มในมือ เข้าสังหารล้างบางโจรกลุ่มนี้จนสิ้น
หลังจากนั้นเย่หยวนก็ต้องร่วงลงมายังพื้นดินด้วยความเหนื่อยอ่อนที่สะสม
แม้การต่อสู้ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่นี้มันจะดูเหมือนเขาควบคุมทุกอย่างไว้ได้อย่างง่ายดาย แต่เอาจริงๆ เย่หยวนเองก็ต้องแบกรับภาระร่างกายไว้ไม่น้อยเช่นกัน
การคำรามเสียงแห่งเทพมังกรออกมาสองครั้งติดๆ พร้อมการกระหน่ำใช้กรงเล็บมังกรเอกภพแถมยังปิดท้ายด้วยการใช้ตรานิพพานออกมาอีก มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนทั่วไปจะสามารถทำได้เลยแม้แต่น้อย
เพราะยังไงเสียเย่หยวนเองก็เพิ่งจะบรรลุอาณาจักรวายุพระเจ้ามาได้ไม่นาน
หนิงเทียนปิงหน้าถอดสีและร้องขึ้นทันที “นายใหญ่ ท่านเป็นอะไรมากไหม?”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัดไป “ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงข้า ไปจัดการเก็บแหวนของพวกมันมาเสีย ค่ายกลอันนี้มันแข็งแกร่งมากจริงๆ หัวหน้าเหอคงไม่มีปัญญาจะตั้งมันด้วยตัวเองได้แน่ มันน่าจะมีธงค่ายอยู่ที่ไหนสักแห่ง หากได้ค่ายกลนี้มาไว้ในมือมันก็จะช่วยเพิ่มไพ่ตายให้ข้าได้อีกอย่างด้วย”
ดวงตาของหนิงเทียนปิงเบิกกว้างขึ้นทันทีก่อนจะทำตามสั่ง
และแน่นอนว่าไม่นานหนิงเทียนปิงก็เก็บกองแหวนออกมาได้และพบว่าธงค่ายนั้นอยู่ในแหวนของหัวหน้าเหอจริงๆ
เย่หยวนพักร่างกายและฟื้นพลังไปนิดหน่อย จนตอนนี้สีหน้าของเขาดูดีขึ้นมากแล้ว
เขาหยิบธงค่ายที่ว่าขึ้นมามองดูและพยักหน้ารับ “นี่แหละ! ค่ายกลนี้มันเป็นของดีจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหัวหน้าเหอคนนี้ถึงได้สังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวลงได้ หากถูกดักโจมตีทีเผลอ ต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวเองก็คงไม่สามารถจะรอดจากค่ายและนี้พร้อมๆ กับชุดการโจมตีจากศรตัดวายุแน่!”
หากไม่ใช่เพราะว่าเสียงแห่งเทพมังกรนั้นรุนแรงขึ้นกว่าก่อนมาก ตอนนี้พวกเขาเองก็คงพบชะตาที่ไม่ต่างจากยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวคนที่ว่านั้น
ค่ายกลอันนี้หัวหน้าเหอเคยได้มาจากแดนมายาสักแห่งในสมัยหนุ่มๆ และแม้แต่ตอนนั้นมันก็ยังถูกเรียกว่าเป็นสมบัติล้ำค่า
แน่นอนว่าในช่วงหลายหมื่นปีมานี้ เขาได้ทำการดักปล้นทำร้ายผู้คนด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกลนี้มาตลอด
ที่สำคัญเขานั้นเป็นคนที่ปกปิดตัวตนและไปไหนมาไหนไร้ร่องรอยจนแทบไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน เป็นตัวตนที่แสนลึกลับ
เพราะฉะนั้นแม้พลังบ่มเพาะของเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งมากมาย แต่ผู้คนก็ยังต้องหน้าถอดสีเมื่อได้ยินชื่อของเขา
เมื่อเห็นธงค่ายและศรตัดวายุตรงหน้า หนิงเทียนปิงเองก็อดไม่ได้ที่จะสั่นกลัวขึ้นมาในใจ
ของพวกนี้มันแสนที่จะอันตรายจริงๆ
ที่สำคัญหัวหน้าเหอผู้นี้ยังทำการฝึกฝนกับมันจนคุ้นชิน เวลาและจังหวะต่างๆ ถูกวางลงอย่างเหมาะสม ไม่มีโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้ใดๆ เลย
โชคยังดีที่นายใหญ่ของเขานั้นตอบสนองได้เร็วกว่าและทำลายศรตัดวายุเหล่านี้ได้ด้วยเสียงคำราม ไม่เช่นนั้นเรื่องราวที่ตามมามันคงจบไม่สวยแน่
“นายใหญ่ วันนี้ท่านเก่งกล้ามากจริงๆ หัวหน้าเหอคนนั้นได้แต่ยืนมองอย่างมึนงงไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าเองก็เคยคิดว่าข้าบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวมาได้แล้วจะช่วยเป็นผู้คุ้มกันให้นายใหญ่ได้สักระยะ ใครจะไปคิดว่าแม้แต่ตอนนี้ข้าก็ยังกลายเป็นตัวถ่วงท่านไปจนได้” หนิงเทียนปิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ความตื่นตะลึงในหัวใจของหนิงเทียนปิงนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าหัวหน้าเหอเลย
หลังจากที่เย่หยวนบรรลุมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้แสดงฝีมือออกมาจริงๆ จังๆ
นี่คือพลังที่แท้จริงอย่างไม่มีกลยุทธ์และอุบายใดๆ
พลังของเซียงหยุนเฟยนั้นเก่งกาจแค่ไหนคงไม่ต้องบอก
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวน เขากลับไม่สามารถที่จะตอบโต้กลับมาได้แม้แต่กระบวนท่า!
นายใหญ่ของเขายังคงยิ่งใหญ่อย่างเช่นเคยจริงๆ
ด้วยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า เขากลับสังหารอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวลงได้
หลังจากบรรลุขึ้นมาได้ หนิงเทียนปิงไม่คิดจะสงสัยแม้แต่น้อยว่านายใหญ่ของเขาต้องสังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวลงได้แน่ แต่เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าเย่หยวนจะเป็นยิ่งกว่านั้นและสังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวลงได้
เพราะระยะห่างของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าและอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวนั้นมันแตกต่างจากอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวและอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวมาก
เย่หยวนเดินเข้ามาตบบ่าของหนิงเทียนปิงก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าโชคดีได้ไปเจอของดีเข้าที่เขาแห่งถงเทียนน่ะ พลังฝีมือของเขาจึงเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก เอาล่ะ ตอนนี้ได้เวลากลับไปยังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเราแล้ว!”