ตอนที่ 1682 ความโกรธของผู้อาวุโสตระกูลหนิง
ณ ตระกูลหนิงแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
หลายสิบปีมานี้ ตระกูลหนิงต้องรับเรื่องราวมากมาย
เพราะอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลหนิงอย่างหนิงเทียนปิงได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เรื่องนี้มันเป็นการสูฐเสียที่ยิ่งใหญ่แก่ตระกูลหนิงอย่างมาก
แต่ว่าคนตระกูลหนิงนั้นก็ไม่ได้โง่เง่า เย่หยวนออกจากเมืองไปและหนิงเทียนปิงก็หายสาบสูญ ร้อยทั้งร้อยก็คือเขาต้องตามเย่หยวนออกไปแน่ๆ
แต่มันแค่ว่าเย่หยวนนั้นออกไปเพื่อเผชิญโลก หาโอกาสที่จะบรรลุ แต่ไม่มีใครรู้ว่าโอกาสแบบนั้นจะมาถึงไหม และด้านนอกนั้นมีภัยอันตรายที่หนักหนาแค่ไหนรอเขาอยู่
ความไม่แน่นอนมันมากจนเกินไป!
เหล่าอัจฉริยะมากมายที่คิดจะออกไปฝึกตัวนอกเมืองนั้น หลายต่อหลายคนต้องเสียชีวิตลงอย่างไม่ทันได้ทำอะไร
เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้มีเหล่ายอดอัจฉริยะอยู่ไม่น้อยที่ออกไปตายนอกเมืองอย่างไร้ค่า
บ้างเป็นถึงผู้พิทักษ์อาณาจักรราชันพระเจ้า บ้างเป็นถึงอาจารย์
หากหนิงเทียนปิงและเย่หยวนตายลงด้านนอกนั้น มันคงกลายเป็นความเสียดายที่ใหญ่ยิ่งต่อตระกูลหนิงเป็นแน่
อัจฉริยะอย่างหนิงเทียนปิงนั้นไม่สามารถจะหาตัวจับได้ง่ายๆ
เรื่องนี้ทำให้เหล่าเบื้องบนผู้หลักผู้ใหญ่ของตระกูลหนิงนั้นเกลียดชังเย่หยวนมานานมาก
หากเขาไปเฉยๆ ก็ยังพอว่า แต่ว่าเขากลับลักเอาตัวยอดอัจฉริยะแห่งตระกูลหนิง ยอดอัจฉริยะแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ออกไปด้วย!
หลายปีที่ผ่านมาหนิงจื่อหยวนได้แต่เก็บตัวเงียบ พยายามอย่าสุดตัวเพื่อที่จะเลี้ยงดูเหล่าศิษย์ขึ้นมาใหม่
เพราะการที่หนิงเทียนปิงและเย่หยวนออกไปเช่นนั้น หนิงจื่อหยวนเองก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ไม่มีทางช่วยเหลือใดๆ หนิงเทียนปิงได้เลย
ให้พูดตรงๆ คือหนิงจื่อหยวนไม่คิดด้วยซ้ำว่าหนิงเทียนปิงจะมีชีวิตกลับมาได้
ต่อให้เวลาจะผ่านไปได้หลายสิบปี แต่เมื่อใดก็ตามที่หนิงจื่อหยวนคิดถึงหนิงเทียนปิงขึ้นมา จิตใจของเขาก็ต้องมืดหมองลงทันที
แต่ในวันนี้กลับมีคนจากเบื้องล่างเข้ามารายงานว่าหนิงเทียนปิงได้กลับมาถึงแล้ว!
หนิงจื่อหยวนร่างสั่นสะท้านทันทีที่ได้ยิน เขารีบลุกและหายตัวออกไปในทันที
ในโถงใหญ่ตระกูลหนิง เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าท่าทางตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้า พวกเขาทั้งหลายต่างกำลังจ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่กลางโถงอย่างไม่วางตา
ในเวลาแค่ไม่กี่สิบปีมานี้ หนิงเทียนปิงกลับสามารถบรรลุขึ้นไปได้อีกดาวหนึ่ง จนตอนนี้เขาได้กลายเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางแล้ว!
ความเร็วในการบ่มเพาะนี้มันรวดเร็วจนน่าหวาดกลัว
“หรือว่าเด็กคนนี้มันไปเจอโชคที่ด้านนอกมา?”
“หรือว่าจริงๆ แล้วเขาแค่ออกไปฝึกตัว? ที่หายตัวไปพร้อมกับเจ้าคนไม่ได้เรื่องนั้นมันแค่เรื่องบังเอิญ?”
“เป็นไปได้! ออกไปกับเจ้าขยะอาณาจักรบรรพชนพระเจ้านั่นจะมีโชคที่ไหนเข้ามาหา? ไม่โดนมันลากไปตายด้วยก็บุญหัวแล้ว”
…
เหล่าผู้อาวุโสต่างคุยกันด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ แยกหนิงเทียนปิงกับเย่หยวนออกจากกันอย่างชัดเจน
ในหมู่คนใหญ่คนโตของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ ตอนนี้เย่หยวนนั้นกลายเป็นได้แค่เพียงที่หัวเราะเยาะเท่านั้น
ยอดคนสะท้านฟ้าในตอนที่เป็นแค่บรรพชนพระเจ้า แต่กลับไม่มีปัญญาที่จะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้า
หนิงเทียนปิงได้แต่ขมวดคิ้วแน่น เขาแทบจะระเบิดความโกรธออกมาก่อนที่จะเห็นร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ซึ่งเขาก็คือหนิงจื่อหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย!
หนิงจื่อหยวนนั้นออกมาอย่างโกรธเคือง แต่เมื่อได้เห็นว่าหนิงเทียนปิงสามารถบรรลุได้แล้ว ใบหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงอย่างมากในทันที
หนิงเทียนปิงเองก็กดความโกรธที่สุมในใจไว้ก่อนและก้มหัวลงคารวะหนิงจื่อหยวน “เทียนปิงขอคารวะท่านผู้นำตระกูล!”
ต่อให้ตอนนี้หนิงจื่อหยวนจะให้อภัยหนิงเทียนปิงไปแล้วในใจ แต่เพื่อจะได้แสดงบทบาทความเป็นผู้นำตระกูลที่ดี เขาจึงต้องตอบรับไปอย่างเย็นชา “ฮึ่ม! ไปไม่บอกไม่กล่าว เจ้ายังมีความเคารพต่อข้า ผู้เป็นผู้นำตระกูลในสายตาหรือไม่?”
ก่อนที่หนิงเทียนปิงจะจากไป เขานั้นก็ไม่ค่อยพอใจการกระทำของหนิงจื่อหยวนสักเท่าไหร่
เรื่องที่เกิดในที่ประชุมผู้อาวุโสนั้น การกระทำของหนิงจื่อหยวนเป็นอะไรที่เขาไม่อยากยอมรับมาก
แต่เมื่อลองมองย้อนกลับไป หนิงจื่อหยวนนั้นก็เอาใจใส่ดูแลเขามาอย่างดี เขาจึงไม่สามารถที่จะโกรธเคืองได้มากมายนัก เขาจึงใช้วิธีการจากไปอย่างไม่ลาเพื่อเป็นการแสดงความไม่พอใจของเขาออกมาแทน
ในเรื่องความโกรธเคืองหน้าฉากของหนิงจื่อหยวนนี้ หนิงเทียนปิงยอมรับมันไว้แต่โดยดี “เทียนปิงมิกล้า!”
หนิงจื่อหยวนหัวเราะ “ทำไปแล้วแท้ๆ ยังมีหน้ามาบอกมิกล้า? ช่างมันเถอะ เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าออกเดินทางไปกับเจ้าคนไม่ได้เรื่องอย่างเย่หยวนนั่น ข้าจึงเป็นกังวลมาก แต่ดูท่าเจ้าตอนนี้แล้วเจ้าคงได้ไปพบเจออะไรดีๆ เข้าที่นอกเมืองสินะ! ถึงกับสามารถบรรลุสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางได้ในเวลาแค่ไม่กี่สิบปี เจ้าเองก็ได้รับประโยชน์จากตระกูลหนิงมามาก จากนี้ไปจงตั้งใจทำคุณงามความชดใช้เรื่องที่ผ่านมาเสีย!”
หนิงเทียนปิงนั้นยอมรับเรื่องราวต่างๆ ได้ทั้งหมดในตอนแรกจนไปได้ยินหนิงจื่อหยวนเรียกเย่หยวนว่าคนไม่เอาไหน เขาจึงระเบิดความโกรธเคืองที่สะสมไว้ออกมาทันที
เขาลุกขึ้นยืน ยืนอย่างน่าเกรงขามจนทำให้ผู้คนรอบข้างเริ่มหวาดกลัว
“เทียนปิงนั้นเคารพท่านผู้นำมาก แต่บุณคุณที่นายใหญ่มีต่อข้านั้นมากล้ำเหนือขุนเขา! ท่านผู้นำตระกูล ข้าขอให้ท่านถอดคำพูดนั้นเสีย! นายใหญ่ท่านมิใช่คนไม่เอาไหน เขานั้นคือยอดอัจฉริยะไร้เปรียบ! ไม่เช่นนั้นท่านต้องเสียใจที่กล่าวเช่นนั้นออกมา!” คำพูดของหนิงเทียนปิงนั้นฟังดูรุนแรงมาก
หนิงจื่อหยวนเองก็มึนงงกับท่าทางนั้นของหนิงเทียนปิงเช่นกัน เพราะท่าทางของหนิงเทียนปิงที่มีต่อเขามาตลอดนั้นคือท่าทางของเด็กว่านอนสอนง่ายคนหนึ่ง แถมยังเคารพตัวเขาอย่างสุดใจ
แต่วันนี้เขากลับเลือกเย่หยวนแทนหนิงจื่อหยวน!
หนิงจื่อหยวนเปลี่ยนสีหน้าไปและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เสียใจ? เจ้าขยะไร้ค่าไม่เอาไหนที่ไม่มีปัญญาจะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าแบบนั้นคือยอดอัจฉริยะ? หนิงเทียนปิง เจ้าทำดีมาก! เพื่อหน้าของขยะอย่างนั้นเจ้าถึงกับกล้าเถียงข้าเชียวรึ?”
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายได้ยินพวกเขาเองก็เริ่มแสดงความโกรธเคืองออกมาและกล่าวว่าหนิงเทียนปิงไปต่างๆ นาๆ
“เทียนปิง เจ้าออกไปท่องโลกแล้วปีกกล้าขาแข็งเรอะ! ถึงกับกล้าทำตัวเสียมารยาทเช่นนี้ต่อท่านผู้นำ!”
“เกินไปเสียจริงๆ เจ้าคิดว่าการที่เจ้าบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางได้แล้วเจ้าจะสามารถเสียมารยาทต่อท่านผู้นำได้รึ?”
“แค่เพื่อเจ้าขยะนั่น เจ้ากลับกล้าทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าท่านผู้นำตระกูล ช่างโง่เขลา แบบนี้ต้องถูกทำโทษตามกฎของตระกูล!”
…
เมื่อได้ยินเสียงของเฒ่าทั้งหลายนี้ ความโกรธเคืองในใจของหนิงเทียนปิงก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง
เขานั้นเคารพในตัวหนิงจื่อหยวนมาก แต่ไม่ใช่กับพวกเฒ่าทั้งหลายเหล่านี้
เฒ่าพวกนี้วันๆ มีแต่สั่งให้คนอื่นทำนู่นทำนี่ให้เวลาที่คิดอะไรแปลกๆ ได้ พวกมันทั้งหลายไม่ได้คิดที่จะทำอะไรจริงๆ จังๆ เลยแม้แต่น้อย
หากให้พูดง่ายๆ พวกนี้มันก็คือคนที่นั่งใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยรอวันตายไปเปล่าๆ
หนิงเทียนปิงตะโกนลั่น “พวกเจ้าจงหุบปาก! ไม่ได้เรื่อง? ขยะ? บรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าไม่ได้? พูดอะไรไร้สาระ หากมีปัญญาต่อจากนี้ก็จงอย่าได้ไปขอซื้อโอสถจากนายใหญ่ท่านแล้วกัน! ข้าขอบอกเลยนะ นายใหญ่ท่านไม่พอใจตระกูลหนิงอย่างมาก แล้วพวกเจ้ายังจะคิดผลักไสตระกูลหนิงให้ตกไปอยู่ในจุดที่กู่ไม่กลับอีกรึ?”
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็ตะโกนลั่นออกมาบ้างพร้อมชี้มือด่าไปที่หนิงเทียนปิง “จ-เจ้าบ้านี่ เจ้ากล้าพูดจาแบบนั้นใส่เรารึ? มันต่อต้าน! มันคิดต่อต้านตระกูล! ท่านผู้นำจงดูเถอะ เด็กคนนี้มันออกไปท่องโลกและกลับมาในสภาพไม่ต่างจากคนป่าแล้ว! เจ้าขยะนั่นมันบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าไม่ได้เสียด้วยซ้ำ! มีหรือที่ชายแก่คนนี้ยังจะต้องไปก้มหัวขอร้องเอาโอสถจากมัน?”
แต่ทว่าหนิงจื่อหยวนนั้นไม่สนใจคำพูดเหล่านั้นและหันไปมองหน้าหนิงเทียนปิงอย่างจริงจังด้วยความสงสัยเต็มแก่ “เทียนปิง เจ้า… เจ้าหมายความว่า?”
หนิงเทียนปิงยิ้ม “ความหมาย? มันก็หมายความว่านายใหญ่ท่านไม่เพียงแต่บรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าแต่ระยะเวลาหลายสิบปีมานี้ท่านยังเติบโตขึ้นอย่างที่พวกท่านคิดไม่ถึงยังไงล่ะ! ท่านผู้นำ เทียนปิงนั้นมิได้ลบหลู่ผู้อาวุโสเลย แต่ข้านั้นเจ็บช้ำน้ำใจอย่างไม่สามารถอธิบายได้! หากตอนนั้นพวกเขาช่วยเสริมนายใหญ่ท่านในการประชุมผู้อาวุโส ตอนนี้ตระกูลเราก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้หรอก! ตระกูลหนิงของเราคงได้กลายเป็นยอดตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปแล้ว! แต่ตอนนี้… เฮ้อ!”
หนิงจื่อหยวนหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินและถามขึ้น “เจ้าว่ายังไงนะ? เย่หยวน… เขาบรรลุแล้ว? บ้าน่า! ตอนนั้นข้าเห็นเขากินโอสถสุริยันจักรวาลไปแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถจะขึ้นไปถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งก้าวได้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะบรรลุขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้าได้เต็มตัว?”
หนิงเทียนปิงหันไปมองหน้าหนิงจื่อหยวนและก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอีกครั้ง
หนิงจื่อหยวนนั้นรู้สึกได้ว่าสายตาที่หนิงเทียนปิงใช้มองมามันช่างทิ่มแทงเข้าไปในดวงจิตของเขาเสียเหลือเกิน