ตอนที่ 1696 เสกมาให้หนึ่งคน
“ขอเรียนท่านผู้ตรวจการ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้สังหารผู้อาวุโสใหญ่ของเมืองจักรพรรดิยอดสันติในมิติวิเศษอย่างหน้าไม่อายและแย่งชิงเขาหน่วงเทพบรรพกาลไป! ผู้อาวุโสใหญ่เกาหยุนนั้นเป็นคนที่ใกล้จะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ที่สุดในเมืองจักรพรรดิยอดสันติเรา ครานี้เมืองจักรพรรดิยอดสันติจึงสูญเสียไปอย่างมาก เพราะฉะนั้นข้าน้อยจึงขอทำการเปิดใช้ตราดาบทองคำเพื่อระบายความแค้นนี้”
“ท่านผู้ตรวจการ เฉียวอันชานนั้นแค่พูดจาหน้าไม่อาย! เกาหยุนนั้นวางแผนทำร้ายสังหารคนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของข้าไว้มากมายในมิติวิเศษนั้น มันสมควรแล้วที่จะถูกสังหารลง!”
…
เมื่อชายคนนี้มาถึงทั้งเฉียวอันชานทั้งโซชูเจียต่างก็เริ่มสงครามน้ำลายกันทันที
ต่างฝ่ายต่างเชื่อว่าตนนั้นถูก และต่างก็มีข้ออ้างมาใช้
แต่เรื่องเช่นนี้มันจะมาแยกว่าเรื่องใดจริงหรือปลอมก็คงยาก
เมื่อชายชุดครามคนนั้นได้ยินคำว่า ‘เขาหน่วงเทพบรรพกาล’ เขาก็ขมวดคิ้วทันทีด้วยท่าทางที่ตื่นตกใจไม่น้อย
“พอ!”
เมื่อชายวัยกลางคนในชุดครามได้เห็นท่าว่าทั้งสองคงไม่หยุดกันง่ายๆ เขาก็ตะโกนขึ้นมา
แน่นอนว่าทั้งสองหุบปากเงียบลงทันที
ชายชุดครามกล่าวต่อ “ข้าไม่นึกเลยว่าเขตบ้านนอกอย่างสิบเมืองสันเขาใต้จะให้กำเนิดสมบัติอย่างเขาหน่วงเทพบรรพกาลมาได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเจ้าถึงได้กล้าคิดเปิดใช้ตราดาบทองคำกัน! ไหนๆ ตอนนี้ตราดาบทองคำมันก็ถูกเปิดใช้แล้ว เรื่องที่เหลือก็ว่ากันตามกฎ ผู้ชนะย่อมมีสิทธิครองเขาหน่วงเทพบรรพกาลไป!”
ชายคนนี้มองและเข้าใจมันได้อย่างชัดเจน เรื่องราวการถกเถียงแบบนี้ ปล่อยให้เถียงกันไปเป็นหมื่นปีก็คงยังไม่จบ
ต้นปัญหาคือเขาหน่วงเทพบรรพกาล ที่เฉียวอันชานเปิดใช้ตราดาบทองคำครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาแย่งชิงเขาหน่วงเทพบรรพกาลไปอย่างแน่นอน
ตอนนี้ทำสงครามน้ำลายไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์ใด เหลือแค่ให้แสดงพลังฝีมือที่แท้จริงออกมาเท่านั้น
เป็นตอนนั้นที่จู่ๆ เฉียวอันชานก็พูดขึ้นมา “ท่านผู้ตรวจการ เรานั้นไม่ได้เปิดใช้ตราดาบทองคำเพียงเพื่อเขาหน่วงเทพบรรพกาลเท่านั้น เรายังตามล่าคนผู้หนึ่งด้วย!”
ผู้ตรวจการทำหน้าตื่นตกใจเล็กน้อยก่อนถาม “โอ? ผู้ใดเล่า?”
เฉียวอันชานบอก “เขามีนามว่าเย่หยวน คนร้ายที่ฆ่าสังหารผู้อาวุโสใหญ่เกาหยุน! หากเราชนะพันธะดาบทองคำครั้งนี้เราอยากให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ส่งมอบตัวเด็กคนนั้นมา!”
ผู้ตรวจการหยักหน้าเมื่อได้ยิน “หากเจ้าชนะ ทุกอย่างล้วนย่อมเป็นไปตามที่เจ้าว่ามา”
ในสายตาของผู้ตรวจการแล้วเขานั้นสนใจแค่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้น ความเป็นอยู่ของราชันพระเจ้านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจะสนใจแม้แต่น้อยเลย
หากต้องเสียเขาหน่วงเทพบรรพกาลไป เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ยังจะมาสนใจคนแค่คนเดียวอีก?
แต่โซชูเจียกลับมีสีหน้าที่โกรธแค้น “เฉียวอันชานเจ้ามันช่างหน้าไม่อายจริงๆ”
เฉียวอันชานหัวเราะ “แล้วเย่หยวนอยู่ที่ไหนแล้ว? ต่อหน้าท่านผู้ตรวจการเจ้าคงไม่ได้คิดจะซ่อนมันไว้ใช่ไหม? หรือว่าจริงๆ เจ้าเด็กคนนั้นมันจะกลัวข้าจนหัวหดไม่กล้าออกมาแล้ว?”
“ใช่เลย เจ้ามันหน้าตาทุเรศเกินไป ทำให้ผู้อาวุโสคนนี้กลัวเจ้าจนไม่กล้าออกมาแล้ว”
ตอนนั้นเองที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างของเย่หยวนเดินบนอากาศมาถึง
คำพูดนั้นของเย่หยวนมันทำให้คนรอบข้างต่างหัวเราะลั่น
เฉียวอันชานนั้นเตี้ยและมีใบหน้าที่ไม่สวยงามนัก เรียกว่าทุเรศจนน่ากลัวเลยก็คงไม่ผิด
เฉียวอันชานนั้นตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้นทันทีที่ได้ยิน “เด็กน้อยเจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
เย่หยวนนั้นยังคงรักษาใบหน้าแสนเฉื่อยชาไว้ “พันธะดาบทองคำยังไม่ทันเริ่มเจ้าก็จะมาอวดอ้างแสดงพลังอำนาจแล้ว? นี่เจ้าไม่มีความเคารพต่อท่านผู้ตรวจการเลยหรือ?”
เฉียวอันชานเปลี่ยนสีหน้าไปทันทีและไม่กล้าที่จะลงมือ
เย่หยวนหันไปคำนับให้กับผู้ตรวจการและคารวะ “เย่หยวนแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ขอคารวะท่านผู้ตรวจการ”
ในดวงตาคู่นั้นของผู้ตรวจการมีแววตาแห่งความสงสัยปนอยู่ไม่น้อย เพราะเขาได้รับรู้ว่าแม้ด้วยพลังของเขา เขากลับไม่สามารถมองหยั่งพลังของเด็กน้อยคนนี้ได้มากมายนัก!
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา!
แค่มองครั้งเดียวผู้ตรวจการนั้นก็แยกเย่หยวนออกได้
ผู้ตรวจการนั้นจึงถาม “เจ้าคือเย่หยวน? เฉียวอันชานว่าเจ้าสังหารผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิยอดสันติ เกาหยุน?”
พูดกันตามตรง ด้วยพลังฝีมือของเย่หยวนตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสังหารเกาหยุนลง
แต่เย่หยวนกลับพยักหน้ารับอย่างไม่อาย “เจ้าเฒ่าเกาหยุนนั้นวางแผนลอบสังหารข้าครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายกลับเป็นตัวมันที่ไม่มีพลังมากพอและถูกข้าที่เพิ่งได้เขาหน่วงเทพบรรพกาลมาไว้ในมือสังหารลงแทน ในมิติวิเศษเช่นนั้นการฆ่าสังหารแย่งชิงสมบัติกันล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องปกติธรรมชาติ จะมีปัญหาอะไรกันนักหนา? เฉียวอันชานหากเจ้าอยากได้เขาหน่วงเทพบรรพกาลไปครองก็พูดออกมาตรงๆ อย่างลูกผู้ชายสิ ทำมาเป็นหาข้ออ้างนู่นนี่ในการกระทำเช่นโจร ใจของเจ้ามันก็ทรามไม่ต่างจากใบหน้าหรอก!”
เฉียวอันชานโกรธจนหน้าเขียวหน้าเหลือง เขาได้รู้ตัวแล้วว่าตัวเขานั้นไม่สามารถที่จะเถียงสู้เย่หยวนได้เลย
เป็นแบบนี้ต่อไปเย่หยวนคงปั่นหัวเขาจนอกแตกตายแน่
เฉียวอันชานหันไปมองหน้าเย่หยวน “เด็กน้อยปากดี! รอให้จบพันธะดาบทองคำก่อนเถอะ ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าตอนนั้นเจ้าจะยังปากดีได้ไหม!”
เย่หยวนบอก “แค่มีอาณาจักรนภาสวรรค์มากกว่าสองคน ดูเจ้าทำวางท่าเข้าสิ!”
เมื่อพูดถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ เฉียวอันชานก็เริ่มเจอเหตุผลที่จะทำตัวอวดดีได้อีกครั้งก่อนจะหัวเราะลั่นออกมา “แล้วทำไมข้าจะวางท่าไม่ได้? ผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่เหนือกว่า! มดปลวกเช่นพวกเจ้านั้นมันมีแต่รอวันให้ข้าผู้นี้เหยียบย่ำ! หากเจ้ามีปัญญาจริงก็ลองเสกยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นมาอีกสองคนให้ข้าดูหน่อยสิ! ฮ่าๆ”
เย่หยวนมองดูที่เฉียวอันชานราวกับเป็นคนโง่และยื่นมือชี้ไปออกไปยังหอยุทธ “เจ้าทุเรศ ดูให้ดี ข้าจะเสกออกมาให้เจ้าดูคนหนึ่งเดี๋ยวนี้!”
เฉียวอันชานหน้าถอดสีทันทีก่อนจะหันไปมองยังเป้าหมายที่เย่หยวนชี้ไป แต่มันกลับไม่มีปรากฏการณ์ใดๆ เกิดขึ้นทำให้เขาหันหน้ากลับมาด้วยความโกรธ “เด็กเวร เจ้ากล้าล้อข้าเล่นรึ?”
เย่หยวนยิ้ม “ล้อเจ้าเล่น? เจ้าลองดูอีกสักทีสิ”
เฉียวอันชานหันไปมองอีกครั้งแต่ก็ยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ
เขาแทบจะระเบิดความโกรธออกมา!
เฉียวอันชานนั้นรอไม่ไหวแล้วที่จะได้สังหารเย่หยวนคนนี้ลงเสียที
เฉียวอันชานกัดฟันแน่นด้วยความแค้นและหันไปมองเย่หยวนอีกครา “เด็กน้อย ดีมาก! เจ้าทำดีจริงๆ! หลังจากพันธะดาบทองคำจบลงข้าจะให้เจ้าได้รู้จักสิ่งที่แย่เสียยิ่งกว่าความตาย!”
เย่หยวนนั้นยิ้มกว้างและหันไปมองเฉียวอันชาน “เจ้ามองดีๆ ข้าจะเสกออกมาแล้ว!”
“เด็กเวร ยังไม่เลิกอีก? ท่านผู้ตรวจการข้าน้อยขอให้เริ่มทำพันธะดาบทองคำเดี๋ยวนี้เลย!” เฉียวอันชานที่แทบคลั่งหันไปหาผู้ตรวจการ
แต่ไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนผู้ตรวจการคนนั้นก็ไม่ขยับ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เฉียวอันชานจึงได้เห็นว่าผู้ตรวจการกำลังมีสีหน้าที่จับจ้อง กำลังมองไปยังสถานที่ที่เย่หยวนชี้ไปเมื่อครู่นี้ หันไปมองทางหอยุทธอยู่
เฉียวอันชานนั้นตื่นตกใจไม่น้อยก่อนจะหันไปมองตามสัญชาตญาณและภาพตรงหน้ามันทำให้เขาต้องหน้าถอดสีทันที
เป็นตอนนี้เองที่เขาได้เห็นว่าคลื่นพลังอันสงบในหอยุทธกำลังเกิดความโกลาหลขึ้น
พลังอันบ้าคลั่งนั้นถูกปล่อยออกมาจนรอบทิศ
ความโกลาหลเช่นนี้ มันต้องมีใครกำลังบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์อยู่แน่นอน!
ส-เสกออกมาจริงๆ?
เป็นตอนนั้นเองที่เขาได้เห็นร่างหนึ่งบินออกมาจากหอยุทธ ลอยอยู่บนนภาสูงและดูดกลืนพลังวิญญาณเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
มันเป็นความรุนแรงที่มากอย่างถึงที่สุด
“นั่นมัน…นั่นมันเล่งหยู! เป็น…เป็นไปได้อย่างไร? เขา…เขาบรรลุแล้ว!” เหวินอี้หลินตะโกนออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เหวินอี้หลินนั้นคุ้นเคยกับเล่งหยูดี เพราะยังไงเสียพวกเขาก็เป็นอัจฉริยะจากยุคเดียวกันและแข่งขันกันมาในอดีต
เพียงแค่ว่าเหวินอี้หลินนั้นได้บรรลุเข้าสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ แต่เล่งหยูกลับหายตัวไปจากโลกหล้า
แม้ว่าเล่งหยูจะกลับมาได้ไม่นานนี้ แต่เขาก็ไม่มีพิษภัยใดๆ ต่อเหวินอี้หลินแล้ว
ระยะห่างการฝึกฝนกว่าแสนปีมันจะหาอะไรมาทดแทนได้ง่ายดายปานนั้น?
เหวินอี้หลินมาในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาจัดการเล่งหยูให้สิ้นซากไปด้วย
แต่ใครจะไปคิดว่าผลลัพธ์ที่เขารอคอยมันจะกลับตาลปัตรเช่นนี้!